“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะที่รัก วนีย์เห็นพี่โตหน้าเครียดๆ” คุณเยาวนีย์ถามสามีแล้วเดินขึ้นบ้านเพื่ออาบน้ำพักผ่อนส่วนลูกชายทั้งสองโตแล้วจึงไม่ต้องคอยดูแลเหมือตอนเด็ก
“ก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละที่รัก แต่คราวนี้มันรุนแรงหน่อยเพราะทางนั้นกดดันให้โตให้ขายหุ้นและจะให้น้องชายน้องสาวมาช่วยบริหารแต่เจ้าสัวท่านไม่ยอมเพราะโตเป็นคนสร้างมาก็เลยทำให้พวกเขาไม่พอใจเลยขู่โต” อีริคเล่าให้ภรรยาฟัง
“แย่จังเลยนะคะ คุณหญิงพิมจะรู้มั้ยว่าได้ลูกสะใภ้แสนดีอย่างดุจที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆนะคะ แล้วดูลูกสะใภ้ในดวงใจท่านสิแต่งงานมาสองรอบแล้วยังไม่รวมข่าวฉาวอีกนะคะ แค่นี้ก็คิดไม่ได้” คุณเยาวนีย์อดไม่ได้ที่จะพูดถึงแม่เพื่อนที่ใจมืดบอดแค่เพื่อนไม่ได้มีชื่อเสียงในสังคมก็รับไม่ได้ ต่างจากพ่อแม่ของเธอที่ท่านเปิดใจเปิดโอกาสให้ผู้ชายที่ลูกรักได้แสดงความจริงใจให้ท่านเห็นว่ารักลูกสาวของท่านจริงและพร้อมจะดูแลปกป้องลูกสาวท่านได้เท่านั้นก็พอ
“ก็เพราะเขาไม่คิดไงที่รักถึงได้เป็นแบบนี้ โตขอให้ผมหาคนมาช่วยดูแลดุจกับลูกเพราะกลัวว่าจะถูกคนพวกนั้นทำร้ายแต่ผมจะให้คนดูแลโตด้วยเพราะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไร”
“พี่น้องกันแท้ๆนะคะที่รัก ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ทั้งที่โตเหนื่อยอยู่คนเดียวแต่ทุกคนได้ผลประโยชน์และยังมีบริษัทของตัวเองมันเห็นแก่ตัวมากเกินไปค่ะ แล้วคุณลุงท่านก็ทำถูกแล้วที่ยกให้พี่โตบริหาร” คุณเยาวนีย์ก็รู้เรื่องของเพื่อนกับสามีของเพื่อนเป็นอย่างดี
“ผมจะช่วยพวกเขาเต็มที่ แม้อยากบอกให้โตปล่อยมือแล้วมาสร้างใหม่ด้วยกันแต่ผมก็เคารพการตัดสินใจของโตเพราะเขาทำเพื่อครอบครัวเพื่อให้แม่ยอมรับลูกเมียแต่เขาเสียเวลาเปล่าเพราะผู้หญิงคนนั้น เฮ้อ อย่าให้ผมพูดเลยที่รัก ไปอาบน้ำนอนเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมนะ” คุณอีริคบอกภรรยาเพราะไม่อยากให้เธอเครียด
“ขอบคุณค่ะที่รัก จุ๊บๆ..”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นคนอาบน้ำให้ผมได้มั้ยครับ” คุณอีริคยิ้มกรุ้มกริ่มมองภรรยาสาวคนสวยราวกับขนมหวาน
“แก่แล้วนะคะยังหื่นอีก”
“แก่ที่ไหนครับ ยังทำลูกได้อยู่นะจะลองมั้ยครับที่รัก หึหึๆๆ..” คุณอีริคตอบภรรยาแล้วต้อนร่างอวบอิ่มเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำจนห้องน้ำแทบไหม้
ส่วนรถตู้คันใหญ่ก็พาครอบครัวเล็กๆกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและมีทีมบอดี้การ์ดของอีริคติดตามรักษาความปลอดภัยห่างๆจนถึงบ้านและยังแฝงตัวเป็นรปภ.ดูแลบ้านทั้งสองหลังและคอยสืบข่าวรายงานหากมีความผิดปกติในบ้าน
เวลาผ่านไป6เดือน
หลังจากที่กรันต์และกวินเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกาทุกคนก็ดำเนินชีวิตกันตามปกติแต่สำหรับครอบครัวเล็กๆของชลิตกับดุจเดือนก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่มีคลื่นใต้น้ำคอยป่วนอยู่ตลอดเวลาเพื่อผลประโยชน์มหาศาลที่เขาจะได้รับเพราะคุณหญิงพิราอรก็อยากให้น้องชายมาร่วมหุ้นด้วยแต่สามีไม่ยอมจึงกดดันลูกชายให้ช่วยพูดกับสามีเพื่อให้น้องชายของเธอมีส่วนร่วมในธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
“หนึ่งไม่ไปได้มั้ยคะคุณพ่อ” เด็กหญิงน้ำหนึ่งพูดกับพ่อเพราะไม่อยากไปงานวันเกิดของย่าถึงไปร่วมงานเธอกับน้องสาวก็ไม่มีใครต้อนรับ
“น้ำรินก็ไม่อยากไปค่ะ เดี๋ยวพี่พริ้มพี่มาร์คพี่เมย์แกล้งน้ำรินกับพี่น้ำหนึ่งค่ะ” เด็กหญิงน้ำรินบอกพ่อเพราะไปบ้านคุณปู่ทีไรเธอกับพี่สาวก็ถูกญาติแกล้งแล้วคุณย่าคุณอาก็เข้าข้างพวกนั้นจะมีแต่คุณปู่ที่เข้าข้างเธอกับพี่สาว
“ไปแป๊บเดียวก็ได้ลูก เราเอาของขวัญไปให้คุณหญิงย่าเสร็จแล้วก็กลับบ้านเรากันนะคะ” ดุจเดือนพูดกับลูกสาวทั้งสองอย่างอ่อนโยนเพราะเธอเองก็ไม่อยากไปเหมือนกันและถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ไปบ้านใหญ่และส่วนมากพ่อสามีจะมาหาหลานที่บ้านมากกว่า
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่กรันต์อยู่หนึ่งจะให้พี่กรันต์ไปด้วยจะได้ปกป้องหนึ่งกับน้ำรินค่ะ” น้ำหนึ่งพูดไปตามประสาเด็กทำให้พ่อแม่มองหน้ากันแล้วรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากดูแลปกป้องลูกของตัวเองให้ดีที่สุด
“พ่อจะปกป้องลูกสาวของพ่อด้วยชีวิตครับลูก” ชลิตโอบกอดลูกสาวทั้งสองด้วยความรักสุดหัวใจ
ดุเดือนมองสามีกับลูกสาวแล้วสะท้อนในอกเป็นเพราะเธอเองที่ยอมแต่งงานกับสามีด้วยความรักและคิดว่าวันหนึ่งแม่สามีจะยอมรับแต่เธอคิดผิดเพราะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ยังเหมือนเดิมแม้กระทั่งลูกก็ยังได้รับผลกระทบเพราะความรักของเธอหรือว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของเธอกันแน่
“ดุจครับ”
“คะพี่โต”
“คิดอะไรอยู่ครับ ลูกไปขึ้นรถแล้วนะครับ” ชลิตถามภรรยาอย่างอ่อนโยนและรู้ดีว่าภรรยาคิดเรื่องอะไรเพราะทุกครั้งที่ไปบ้านของพ่อแม่เธอจะเครียดทุกครั้ง
“ทำไมพี่โตไม่เรียกดุจล่ะคะ”
“อย่าเครียดไปเลยที่รัก เราทำดีที่สุดแล้วหากย้อนกลับไปได้พี่ก็จะเลือกแต่งงานกับดุจคนเดียวเท่านั้น ไปครับลูกรออยู่แล้วเราจะได้รีบกลับบ้านของเรากันครับ” ชลิตพูดกับภรรยาเพราะเขาไม่เสียใจเลยที่แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักแต่เขาก็รักแม่ซึ่งมันคือรักแต่ความหมายมันต่างกัน
“ขอบคุณนะคะพี่โต” ดุจเดือนขอบคุณสามีที่เข้าใจเธอและรู้ใจเธอตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาไม่เคยทำให้เธอเสียใจผิดหวังหรือเจ็บช้ำน้ำใจเลยเพราะแบบนี้พ่อของเธอถึงวางใจไม่พาเธอกับลูกไปอยู่ราชบุรีบ้านเกิดของเธอเพราะครอบครัวของเธอก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกก็ถือว่ามีหน้ามีตาและฐานะดีในอำเภอเพราะพ่อเป็นกำนันมาหลายสมัยและพี่ชายก็ยังถูกวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่บ้านในสมัยหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าเกษียณ
“ขอบคุณพี่ทำไมครับ เราเป็นสามีภรรยากันร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานพี่จะไม่ทำให้ดุจผิดหวังที่เลือกพี่เป็นสามี พี่รักดุจกับลูกมากกว่าชีวิตของพี่ครับ”
“ดุจก็รักพี่โตกับลูกๆมากกว่าชีวิตของดุจค่ะ”
“คุณพ่อคุณแม่ขาเร็วๆสิคะ หนึ่งอยากจะกลับบ้านเราเร็วๆค่ะ” เด็กหญิงน้ำหนึ่งเรียกพ่อแม่เพราะเธออยากกลับบ้านเร็วๆ
“ครับลูกรัก”
จากนั้นครอบครัวของชลิตกับดุจเดือนก็เดินทางไปบ้านของพ่อแม่ที่อยู่ไม่ไกลใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สว่างไสวด้วยแสงไฟประดับอยู่ทั่วบริเวณบ้านเพราะงานวันเกิดของคุณหญิงพิริยาที่จัดใหญ่โตเชิญแขกมามากมายทั้งที่ชลิตเป็นลูกชายคนโตจะต้องอยู่บ้านหลังนี้แต่พอไม่ได้แต่งานกับผู้หญิงที่แม่เลือกให้เขากับภรรยาต้องเป็นฝ่ายย้ายออกและพ่อก็เห็นด้วยเพราะไม่อยากให้มีปัญหาพ่อผัวลูกสะใภ้จึงซซื้อบ้านหลังใหญ่ไม่แพ้บ้านหลังนี้ให้ลูกชายคนโตโดยที่ภรรยาและลูกชายคนรองกับลูกสาวคนเล็กไม่สามารถทักท้วงได้เพื่อแลกกับที่พวกเขาได้อยู่ที่บ้านและอยู่ไม่ไกลบ้านใหญ่
“ตาโตมาแล้ว” คุณหญิงพิรนาเห็นรถลูกชายคนโตแล่นเข้ามาจอดในบ้านก็ดีใจถึงแม้จะเกลียดเมียลูกชายแต่เธอก็รักลูกชายมากและหวังดีอยากให้มีภรรยาที่เหมาะสมทั้งฐานะชื่อเสียงชาติตระกูลที่เท่าเทียมกันแต่ลูกชายกลับไปคว้าผู้หญิงบ้านนอกมาเป็นเมียและเธอไม่เคยยอมรับเป็นสะใภ้แม้แต่ลูกของมันเธอก็ไม่รับเป็นหลานเพราะเกลียดแม่ของมัน
“คุณหญิงก็พูดดีกับลูกหลานมันหน่อยนะ เรื่องไหนปล่อยวางได้ก็ปล่อยไปบ้างเถอะชีวิตจะได้มีความสุข” เจ้าสัวธีระพูดกับภรรยาเพราะทุกครั้งที่พูดถึงลูกชายคนโตกับภรรยาและหลานๆท่านกับคุณหญิงก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เคยรับมันเป็นสะใภ้แล้วทำไมฉันต้องสนใจด้วยล่ะ หลานฉันมีแค่น้องพริ้มน้องมาร์น้องเมย์เท่านั้นคนอื่นฉันไม่รับ” คุณหญิงพีรยาพูดกับสามีด้วยความไม่พอใจจนลืมไปว่าวันนี้มีแขกมาร่วมงานมากมายรวมถึงเยาวนีย์กับสามีที่กำลังจะเข้ามาอวยพรและมอบของขวัญให้ท่าน
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณหญิง ขอให้คุณหญิงมีความสุขมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ” คุณเยาวนีย์อวยพรให้เจ้าของงานวันเกิดแล้วมอบของขวัญให้
“ขอบใจมากนะคุณวนีย์ คุณอีริค” คุณหญิงพีรยารับของขวัญจากเพื่อนลูกชายและจังหวะเดียวกับลูกชายคนโตพาลูกเมียเดินมาถึงพอดี
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานไปนานนะครับ” ชลิตยกมือไหว้พ่อแม่พร้อมกับภรรยาและลูกสาวทั้งสองที่แต่งตัวสวยน่ารักเป็นธีมครอบครัวและเป็นสีวันเกิดของคุณหญิงพีรยาและมอบของขวัญให้ท่าน
“ขอบใจมากลูก” คุณหญิงพีรยารับไหว้ลูกชายแล้วรับของขวัญจากลูกชายไม่แม้แต่จะชายตาแลลูกสะใภ้กับหลานสาวทั้งสองที่น่ารักทั้งสองที่ยกมือไหว้เธอ
“วันนี้น้ำหนึ่งน้ำรินหลานป้าสวยมากเลยจ้ะ” คุณเยาวนีย์มองเพื่อนและหลานสาวอย่างสงสารพอรับไหว้แล้วก็ชมหลานสาวแล้วกอดร่างเล็กทั้งสองหอมแก้มคนละฟอดอย่างรักใคร่เอ็นดู
“คุณป้าวนีย์ก็สวยมากค่ะ สวยเหมือนคุณแม่เลยค่ะ” เด็กหญิงน้ำหนึ่งยิ้มตาหยีให้คุณป้าวนีย์
“แน่ะ รู้จักพูดเอาใจป้าด้วย อยากได้อะไรหรือเปล่าฮึเรา” คุณเยาวนีย์พูดหยอกเย้าหลานสาว
“เป็นเด็กเป็นเล็กจะอ้อนขอของผู้ใหญ่ได้ยังไงกัน จะไปไหนก็ไปไป้ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน เชิญคุณอีริคนั่งก่อนค่ะ เธอน่ะไปยกน้ำมาเสิร์ฟคุณอีริคหน่อยสิ” คุณหญิงพีรยามองหลานสาวอย่างไม่พอใจและบอกดุจเดือนไปยกน้ำมาเสิร์ฟให้อีริค
“ไม่เป็นไรครับคุณหญิง พอดีผมกับนีน่ามีธุระคุยกับโตและดุจนิดหน่อยครับขอตัวไปนั่งโต้ะโน้นนะครับ” อีริคพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจที่คุณหญิงพูดกดหัวลูกสะใภ้ต่อหน้าทุกคน
“ขอตัวนะคะคุณหญิง คุณลุง ไปเถอะดุจ ไปจ้ะเด็กๆป้ามีเรื่องพี่กรันต์กับพี่กวินให้ฟังเยอะแยะเลยลูก” คุณเยาวนีย์บอกเพื่อนและจับมือหลานสาวทั้งสองเดินไปโต้ะที่ว่าง
“ผมขอตัวนะครับคุณพ่อคุณแม่” ชลิตพูดจบก็พาภรรยาไปนั่งกับเพื่อน
“จะไปไหนคะท่านเจ้าสัว” คุณหญิงพีรยาถามสามีที่ลุกขึ้นทันทีเมื่อลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ท่านเกลียดเดินจากไป
“ผมจะไปคุยกับหลาน คุณอยากทำอะไรก็ทำไปเชิญตามสบายบอกตรงๆว่าผมอายแทน” เจ้าสัวพูดจบก็ลุกขึ้นเพื่อไปหาหลานสาวทั้งสอง
“เจ้าสัว” คุณหญิงตราตั้งเอ็ดสามีด้วยความไม่พอใจ
“อย่ามาเสียงดังกับผมนะคุณพิม ผมไม่ใช่ลูกไล่ของคุณ” เจ้าสัวธีระพูดแล้วเดินไปหาหลานสาวทั้งสองทันทีแม้จะไม่พอใจภรรยาแต่เขาก็เก็บอาการยิ้มให้ลูกสะใภ้และหลานสาวอย่างอารมณ์ดี
“เป็นอะไรคะคุณแม่” นุชรดีเดินมาหาแม่ทันทีเมื่อเห็นพี่ชายมากับพี่สะใภ้บ้านนอกแต่พวกเขาแยกไปก่อน
“ก็พ่อของลูกสิ เข้าข้างนังนั่น”
“คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะคะ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณแม่เดี๋ยวคนเขาจะเอาไปพูดได้ค่ะ” นุชรดีพูดกับมารดาที่อารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกสะใภ้ที่แสนเกลียด
“แม่ล่ะเกลียดพวกมันจริงๆ ตาโตนะตาโตผู้หญิงดีๆที่เหมาะสมมีมากมาแต่ไปคว้าตัวกาลกินีมาเป็นเมีย ทำอะไรไม่เห็นหัวแม่เลยจริงๆ” คุณหญิงกัดฟันพูดสายตาจ้องมองไปที่โต้ะของลูกชายกับเพื่อนและมีญาติๆไปทักทาย
“ยิ้มไว้ค่ะคุณแม่ แขกมาโน่นแล้วส่วนเรื่องนังนั่นเดี๋ยวเล็กจัดการเองค่ะ” นุชรดีพูดกับแม่แล้วยิ้มแย้มต้อนรับแขกที่มาร่วมงานวันเกิดของแม่ที่เชิญเพื่อนๆญาติสนิทและลูกหลานของเพื่อนท่าน
“สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ ขอให้มีความสุขอายุมั่นยืนยาวเป็นร้อยปีนะคะ” วาสิตาอดีตคู่หมายของชลิตเดินนวยนาดมาหาเจ้าของวันเกิดที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่โต้ะ
“ขอบใจมากนิต้า แม่คิดว่าริต้าจะไม่มาแล้วซะอีก” คุณหญิงพีรยาพูดกับวาสิตาที่เธอหมายตาให้ลูกชายคนโตแต่ไม่สมหวังเพราะวาสิตาเป็นลูกสาวนายแบงค์ชื่อดังจึงเหมาะสมกับลูกชายของเธอ
“มาสิคะคุณหญิงแม่ ถึงริต้าได้เป็นสะใภ้บ้านนี้แต่นิต้ายังรักและเคารพคุณหญิงแม่เหมือนเดิมค่ะ” วาสินีพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเอาใจคุณหญิงพีรยาแล้วมองไปที่อดีตคู่หมายกับภรรยาที่พูดคุยยิ้มแย้มกับทายาทมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสกับภรรยาอย่างสนิทสนมทั้งที่ตรงนั้นควรจะเป็นเธอแต่นังผู้หญิงหน้าด้านนั่นมาแย่งไปทำให้เธอต้องแต่งานกับอดีตสามีเพื่อแก้หน้าตัวเองแต่อยู่ด้วยกันไม่กี่ปีก็เลิกและแต่งงานใหม่อีกครั้งแต่สุดท้ายก็เลิกกันเธอจึงอยู่เป็นโสดแต่ก็มีคู่ควงไม่ขาดและไม่สนใจว่าผู้ชายจะโสดหรือไม่แค่ทำให้เธอมีความสุขได้ก็พอ
“มานั่งกับแม่นี่มาลูก” คุณหญิงพีรยาพูดกับวาสิตาอย่างรักใคร่เอ็นดูผิดกับลูกสะใภ้และหลานสาว
“เดี๋ยวเล็กมานะคะคุณแม่ พี่นิต้า” นุชรดีพูดกับแม่และไฮโซสาวก่อนจะเดินไปที่โต้ะของพี่ชาย
เจ้าสัวธีระพูดคุยกับลูกชายลูกสะใภ้และเอาใจหลานสาวทั้งสองที่นั่งขนาบข้างท่านด้วยขนมและเครื่องดื่มของเด็กที่ท่านให้เด็กรับใช้เอามาให้อย่ามีความสุข
“ขนมอร่อยม้ากมากค่ะคุณปู่” น้ำรินชอบทานขนมหวานพอพี่สาวคนสวยเอามาให้จึงคงชอบใจและกินอย่างอร่อย
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะเลยลูก ถ้าหมดเดี๋ยวปู่ให้พี่ๆเขาเอามาให้น้ำรินกับน้ำหนึ่งอีกนะลูก” เสียงห้าวทุ้มพูดกับหลานสาวทั้งสองอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ หนึ่งจะกินให้พุงกางเลยค่ะ” น้ำหนึ่งยิ้มให้คุณปู่จนตาหยี
เจ้าสัวก้มหอมแก้มหลานสาวทั้งสองอย่างรักใคร่เอ็นดูโดยเฉพาะหลานสาวคนโตที่ดูเผินๆจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าแต่จริงๆแล้วเป็นเด็กที่มีความคิดเกินเด็กวัยเดียวกันและเป็นนักสู้ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงรังแกและจะสู้แต่บางครั้งก็ยอมเพราะภรรยาของท่านที่มักจะเข้าข้างหลานสาวและหลานชายแต่ท่านก็ไม่ลำเอียงใครผิดใครถูกก็ว่้ากันไปตามความจริง
“พี่โตคะ คุณแม่ให้เล็กจะมาของแรงภรรยาของพี่โตไปช่วยยกน้ำมารับแขกหน่อยนะคะ” เธอแค่มาบอกไม่ได้มาขออนุญาติพี่ชายเพราะยังไงยัยพี่สะใภ้บ้านนอกก็ไม่กล้าหือถ้าเอาแม่มาอ้าง
“ไม่ได้หรอกเล็ก พี่เห็นเด็กเยอะแยะทำไมไม่บอกเขาล่ะจะจ้างมาเสียตังทำไมถ้าไม่ใช้เขา” ชลิตตอบน้องสาวแล้วจับมือภรรยาไว้เพราะรู้ว่าเธอไม่ม่ทางปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่โต ดุจไปช่วยได้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกแม่ดุจ คนของเราก็มีและพนักงานที่จ้างมาก็เยอะแยะไม่ต้องไปแย่งงานเด็กมันทำหรอก แม่เล็กก็เหมือนกันจะมาใช้พี่สะใภ้ทำไมหรือถ้าจะให้แม่ดุจช่วยจริงๆก็ไปตามเมียตากลางมาช่วยอีกคนสิ” เจ้าสัวธีระว่าลูกสาวด้ายความไม่พอใจที่เสียมารยาทกับแขกถึงแม้อีริคกับเยาวนีย์จะเป็นเพื่อนของชลิตกับดุจเดือนแต่ทั้งสองเป็นแขกที่เชิญมา
“คุณพ่อคะ”
“แม่เล็ก” เจ้าสัวธีระกำรบลูกสาวคนเล็ก
“แตะไม่ได้เลยนะคะลูกสะใภ้คนโปรดของคุณพ่อเนี่ย ฮึ..” นุชรดีพูดจบก็สะบัดหน้าเดินไปทันที
“อย่าไปสนใจเลยแม่ดุจ”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
จากนั้นแขกทั้งหลายก็ทยอยมาร่วมอวยพรวันเกิดคุณหญิงพีรยาจนกระทั่งเป่าเค้กวันเกิดแล้วแจกจ่ายให้แขกทุกท่านและคุณหญิงก็กล่าวขอบคุณแขกมีลูกสาวกับลูกสะใภ้และหลานสาวหลานชายยืนขนาบข้างก่อนจะกลับมานั่งที่โต้ะ
“คุณแม่ขา พริ้มไปชวนยัยสองคนนั่นเล่นก่อนนะคะ” พิสินีหรือพริ้มวัยสิบสามปีลูกสาวคนเดียวของชวินกับพัฒนรี ชวินเป็นลูกชายคนรองของเจ้าสัวธีระกับคุณหญิงพีรยา
“จ้ะลูก น้องพริ้มชวนน้องมาร์คกับน้องเมย์ไปเล่นด้วยกันสิลูก” พัฒนรีพูดกับลูกสาวเสียงหวานแล้วมองสบตากับน้องสาวของสามีอย่างรู้กันเพราะพ่อสามรชีไปพูดคุยกับเพื่อนและญาติๆ
“ค่ะคุณแม่ ไปเล่นกันเถอะมาร์คเมย์”
“ค่ะพี่พริ้ม” เมทิราหรือเมย์วัยสิบขวบยิ้มให้พี่สาวแล้วเดินไปด้วยกันมีเด็กชายมโนชาหรือมาร์ควัยสิบสองปีเดินตามไปที่โต้ะของลุง
“หนึ่งน้ำน้ำรินไปเล่นกันเถอะ” พิสินีเดินไปถึงก็ชวนสองพี่น้องไปเล่นและหมั่นไส้ที่แต่งตัวสวยน่ารักมีแต่คนชมทั้งที่เธอก็ใส่ชุดสวยแต่ทำไมไม่เห็นมีใครชมเลย
“ไม่คะ หนึ่งไม่อยากเล่นค่ะ”
“น้ำรินก็ไม่เล่นค่ะ”
สองพี่น้องปฏิเสธเพราะไปเล่นกับพวกเขาทีไรก็มีเรื่องทุกทีแล้วเธอสองพี่น้องก็ถูกย่าลงโทษแต่ปู่ก็ช่วยทุกครั้งทำให้สองพี่น้องไม่อยากไปเล่นกับญาติผู้พี่ผู้น้อง
“แต่ฉันอยากเล่นกับพวกเธอนะ” เสียงแหลมเล็กพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจเพราะถูกพ่อแม่และย่าตามใจ
“น้องพริ้มคะ พอดีลุงจะพาน้องกลับบ้านแล้วครับ เอาไว้คราวหน้าค่อยเล่นกันนะครับ” ชลิตรู้ว่าลูกๆไม่อยากเล่นเขาจึงปฏิเสธหลานๆทั้งสาม
“เมย์จะไปฟ้องคุณย่า” เมทิราพูดจบก็วิ่งไปฟ้องย่า
“ไม่เป็นไรลูก เรากลับบ้านกันนะครับ”
“ค่ะคุณพ่อ”
“งั้นกลับกันเถอะโต ฉันก็จะกลับเหมือนกัน” คุณเยาวนีย์พูดกับเพื่อนด้วยความสงสารหลานทั้งสองที่ได้ยินว่าเมทิราจะไปฟ้องย่าก็กลัวจนหน้าซีดก่อนจะพากันลุกขึ้นเพื่อไปลาเจ้าของวันเกิดแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขา เจ้าของวันเกิดก็เดินมาถึงพอดี
“มีอะไรกันฮึตาโต หลานแค่อยากเล่นทำไมแกถึงให้ลูกของแกไปเล่นกับหลานล่ะ มันวิเศษมาจากไหนถึงเล่นกับหลานแม่ไม่ได้” คุณหญิงฟังหลานสาวแล้วลุกมาเอาเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ดุจพาลูกไปรอที่รถก่อนะครับ ฝากด้วยนะวนีย์ คุณอีริค” ชลิตบอกภรรยาแล้วฝากเพื่อนกับสามีให้ช่วยดูแลลูกสาวเขาไม่อยากพูดต่อหน้าลูกเพราะครั้งนี้เขาทนไม่ไหวแล้วทั้งที่อดทนมาตลอด
“ฉันยังพูดไม่จบ พวกแกไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น” คุณหญิงหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้กับหลานสาวทั้งสองจนสะดุ้งแล้วมุดหน้ากับต้นขาของแม่กับเยาวนีย์
“มีอะไรกันคุณหญิง” เจ้าสัวธีระเห็นภรรยาเดินไปโต้ของลูกชายลูกสะใภ้จึงรีบเดินมาทันที
“เจ้าสัวมาก็ดีแล้ว จะได้รู้ว่าหลานของเจ้าสัวมันหยิ่งแค่ไหนทั้งที่หนูพริ้มหนูเมย์ตามาร์คมาชวนไปเล่นมันกลับไม่ไปเล่นด้วย”
“คุณแม่พูดเกินไปแล้วนะครับ คุณแม่ไม่นับลูกผมเป็นหลานผมไม่ว่าแต่เรียกลูกผมว่ามันนี่ถูกต้องแล้วเหรอครับ” ชลิตกัดฟันถามแม่ด้วยความไม่พอใจคำพูดของท่าน
“ฉันจะพูดแบบนี้แกจะทำไมหรือตาโต หรือแกเห็นพวกมันดีกว่าแม่” คุณหญิงโกรธลูกชายจนตัวสั่นที่ลูกชายเห็นลูกเมียดีกว่าเธอต่อหน้าอีริคกับเยาวนีย์
“พอเถอะคุณหญิง เห็นมั้ยว่าหลานฟังอยู่ โตพาลูกเมียกลับบ้านเถอะลูก เดี๋ยวปู่ไปหาน้ำหนึ่งกับน้ำรินที่บ้านะลูก” เจ้าสัวธีระบอกลูกชายลูกสะใภ้เพื่อหลีกเลี่ยงมีปัญหากับภรรยา
“เจ้าสัวไม่ต้องเข้าข้างพวกมันเลย ฉันไม่เคยนับมันเป็นสะใภ้และเป็นหลานถ้าแกไปก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉันอีกนะตาโต” คุณหญิงพูดด้วยความโกรธลูกชายและสามียังเข้าข้างลูกสะใภ้
“คุณพ่อขาเรากลับบ้านเรานะคะ หนึ่งไม่เป็นหลานคุณหญิงก็ได้ค่ะ” น้ำหนึ่งพูดขึ้นเพราะเธอก็ไม่อยากเป็นหลานคุณหญิงที่ใจร้ายกับเธอและน้องสาว
“น้ำรินก็ไม่เป็นค่ะ” ไม่ว่าพี่สาวพูดอะไรน้ำรินก็เห็นด้วยเพราะเด็กทั้งสองก็รู้ความและถูกกลั่นแกล้งบ่อยและกลัวคุณหญิงย่าไม่รักเธอกับพี่สาว
“น้ำหนึ่งน้ำรินไม่เอาลูกไม่พูดแบบนี้นะจ้ะ” ดุจเดือนปรามลูกสาวทั้งสองเบาๆ
“ได้ยินมั้ยเจ้าสัวว่ามันพูดยังไง แกไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันอย่างนี้นะนังเด็กไม่มีมารยาท” คุณหญิงพีรยาโกรธจัดจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่กระชากแขนน้ำหนึ่งแล้วตีหลานสาวทันที
“เพี้ยะๆๆ..”