ตอนที่3

3876 Words
“โอ้ยย..” “คุณหญิง/คุณแม่..” ทุกคนตกใจไม่คิดว่าคุณหญิงพีรยาจะทำร้ายหลานสาวแต่อีริคเร็วกว่าคว้าตัวหลานสาวขึ้นมาอุ้มแล้วหันหลังรับฝ่ามือของคุณหญิงพีรยาแทนหลานสาว “ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร” อีริคปลอบหลานสาวที่ร้องไห้เสียงดังด้วยความตกใจและเจ็บ “น้ำหนึ่งลูกพ่อ ขอบคุณครับอีริค” ชลิตรับตัวลูกสาวมาจากสามีเพื่อนแล้วปลอบลูกสาว “คุณหญิงทำบ้าอะไรของคุณกันฮ้า หลานตัวนิดเดียวทำได้ยังไงจิตใจคุณทำด้วยอะไรฮ้า” เจ้าสัวตวาดใส่ภรรยาด้วยความโกรธที่ภรรยาตบตีหลานสาวราวกับคนคนไม่มีการศึกษาเพราะที่ผ่ามาก็ไม่แค่ด่าว่าไม่ได้ลงมือลงไม้เหมือนครั้งนี้และเขาก็จะไม่ทน “ทำไมฉันจะตีมันไม่ได้ ปากดีอย่างนี้พ่อแม่มันไม่สั่งสอนฉันจะสั่งสอนมันไม่ได้หรือไง” คุณหญิงเถียงสามีไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดที่ทำรุนแรงกับหลานสาวที่เธอไม่ยอมรับ “ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ ผมจะถือว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คุณแม่จะตีลูกของผมและต่อไปผมกับลูกเมียจะไม่มาให้คุณแม่เห็นหน้าอีก ผมขอตัวนะครับ ไปครับดุจกลับบ้านเรา” ชลิตพูดจบก็โอบเอวภรรยาที่อุ้มลูกสาวคนเล็กและร้องไห้สงสารลูกที่ตกใจกลัวและเจ็บตัว “หยุดนะตาโต ถ้าแกเดินออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วไปไม่ต้องมาเรียกฉันเป็นแม่” คุณหญิงรั้งลูกชายสุดที่รักที่ทำให้เธอผิดหวังที่เลือกแต่งงานกับดุจเดือน ชลิตหยุดเดินก่อนจะหันมามองแม่ตาแดงก่ำด้วยความเสียใจที่ท่านใจร้ายกับลูกสาวของเขาถึงไม่รักไม่เอ็นดูก็ไม่ควรลงมือกับเด็กสิบขวบเพราะจะทำให้ลูกสาวของเขาจำฝังใจและยังกดดันเขาอีก “คุณแม่ไม่นับผมเป็นลูกมาตั้งแต่แต่งงานกับดุจแล้วไม่ใช่เหรอครับ ที่ผ่านมาผมพยายามทำดีที่สุดเพื่อให้คุณแม่เอ็นดูลูกเมียของผมแต่ไม่เลยคุณแม่เกลียดลูกเมียผมไม่ว่าแต่คุณแม่ทำร้ายลูกสาวของผม ผมรับไม่ได้คุณแม่จะตัดขาดผมก็ไม่เป็นไร ผมก็ยังรักและเคารพคุณแม่เสมอ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ชลิตพูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับภรรยาและลูกสาว “วนีย์ขอตัวนะคะคุณลุง” เยาวนีย์ยกมือไหว้พ่อของเพื่อนก่อนจะเดินตามเพื่อนไปพร้อมกับสามีไม่คิดจะมองคุณหญิงพีรยาเพราะเธอคงทนไม่ได้ที่จะต่อว่า “ไอ้ลูกไม่รักดี ลูกเนรคุณ” “ยัยเล็กตากลางดูแลแขกด้วย พ่อจะพาแม่แกเข้าไปในบ้าน” เจ้าสัวพูดจบก็ลากแขนภรรยาเข้าบ้านไม่สนใจแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเพราะละอายกับการกระทำของภรรยาเกินกว่าจะสู้หน้าพวกเขา “เจ้าสัว..” “หุบปาก” เจ้าสัวธีระกัดฟันพูดกับภรรยาเขาพยายามข่มความโกรธไม่งั้นได้บ้านแตกแน่ “ปล่อยฉันนะเจ้าสัว ฉันเจ็บ บอกให้ปปล่อยไง” คุณหญิงพยายามสะบัดแขนออกจากมือของสามีที่แข็งรางกับเหล็ก “แล้วที่คุณตีหลานล่ะ เด็กก็เจ็บเหมือนกันคุณมันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ” “มันไม่ใช้หลานของฉัน” “จำคำพูดของคุณไว้นะพิม น้ำหนึ่งกับน้ำรินไม่ใช่หลานของคุณแต่ทั้งสองเป็นหลานของผมและอย่าให้ผมเห็นว่าคุณทำร้ายหลานของผมอีกไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่” เจ้าสัวพูดเสียงดังลั่นเมื่อเข้ามาในบ้านแม้แต่คนรับใช้ยังตกใจรีบหลบเข้าไปในครัว “เจ้าสัวจะทำอะไรฉัน ในเมื่อพวกมันไม่เห็นหัวฉัน ฉันจะตัดมันออกจากกองมรดกจะไม่ให้อะไรพวกมันแม้แต่สลึงเดียว” คุณหญิงพีรยายิ่งเกลียดลูกสะใภ้กับหลานไร้สกุลเมื่อสามีเข้าข้าง “คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ อย่ามายุ่งในส่วนของผม” เจ้าสัวพูดเสียงเย็นเพราะสมบัติทั้งหมดกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของเขาส่วนของภรรยาไม่ได้มีมากเหมือนเขาและหุ้นในบริษัทลูกชายของเขาก็ถือห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ตัวเขาสิบเปอร์เซ็นต์ อีริคสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ภรรยาของเขาสิบเปอร์เซ็นต์และลูกชายคนรองและลูกสาวคนเล็กคนละห้าเปอร์เซ็นต์ “ฉันไม่ยอมนะเจ้าสัว ในเมื่อมันตัดขาดกับฉันเจ้าสัวต้องยึดทุกอย่างกลับมาให้หมดรวมถึงบริษัทด้วยฉันจะให้ตารองบริหาร” คุณหญิงพีรยาบอกสามีเพราะเธอจะไม่ให้สมบัติของเธอตกไปอยู่ในมือลูกชายคนโตและลูกเมียเด็ดขาด “พูดอะไรของคุณ บริษัทนั่นนายโตสร้างมากับมือและทุกวันนี้ทุกคนอยู่สุขสบายก็เพราะนายโตถึงแม้เงินลงทุนจะเป็นของผมแต่ถ้าลูกไม่ทำมันก็ไม่เจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าคุณจะให้นายรองไปบริหารบริษัทไม่มีทางรอดแน่ ขนาดบริษัทของตัวเองยังต้องเอาเงินของนายโตไปพยุงเลยแล้วอย่ามาพูดเรื่องนี้กับผมอีก มิ่งเอารถออกฉันจะไปบ้านนายโต” เจ้าสัวพูดจบก็เดินออกไปจากห้องรับแขก “เจ้าสัวกลับมานะ ห้ามไปนะเจ้าสัว กรี๊ดดด..” คุณหญิงพีรยาเรียกสาวแล้วเขาไม่ยอมหันกลับมาจึงกรีดร้องด้วยความโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม “เพราะแกคนเดียวนังดุจเดือน” “คุณแม่เป็นอะไรคะ” นุชรดีเห็นพ่อเดินออกไปแล้วได้ยินเสียงแม่กรีดร้องจึงรีบเข้ามาดู “ไม่ แม่ไม่เป็นไร” “งั้นคุณแม่ไปนอนนะคะ เดี๋ยวเล็กพาไป” นุชรดีพูดกับแม่เพราะรู้ว่าท่านโกรธพี่ชายและโกรธพ่อที่เข้าข้างพี่ชายกับพี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองที่เธอไม่ยอมรับเหมือนกับแม่ “พี่แกมันโง่หลงเมียนังนั่นมันต้องทำของใส่พี่แกแน่ๆ” นุชรดีไม่กล้าพูดเสริมเพราะกลัวแม่อารมณ์เสียอีกจึงตะล่อมให้ท่านไปนอนและเธอรู้ดีว่าพี่ชายรักภรรยาจริงไม่ได้ทำของหรืออะไรทั้งนั้นและดุจเดือนก็เป็นเหมือนมือขวาของพี่ชายที่ช่วยให้บริษัทเติบโตทำให้เธออยากเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้บริหารเพราะเม็ดเงินมหาศาลแต่พ่อไม่ยอมท่านยกบริษัทของท่านให้เธอกับพี่ชายคนรองบริหารต่อคนละบริษัทแต่มันเทียบกับบริษัทของพี่ชายไม่ได้ ชลิตอุ้มลูกสาวและกอดปลอบไปตลอดทางกลับบ้านด้วยความสงสารลูกจนลูกสาวทั้งสองหลับคาอกพ่อแม่และขอบคุณอีริคที่มีสติคว้าตัวลูกสาวของเขาไว้ได้ก่อนไม่ลูกสาวของเขาคงเจ็บกว่านี้ “พ่อขอโทษลูก พ่อมันไม่เอาไหนปกป้องลูกไม่ได้” ชลิตขอโทษลูกสาวแล้วน้ำตาไหล “พี่โตไม่ผิดหรอกค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยพี่โตทำดีที่สุดแล้วค่ะ” เธอก็โกรธแม่สามีมากแต่ทำอะไรไม่ได้ก็เพราะรักสามีและพยายามเก็บปากเก็บคำไม่อยากให้เขาลำบากใจแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เธอยอมและหลังจากนี้ก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน “ครั้งนี้คุณแม่ทำเกินไป ต่อไปนี้พี่จะไม่ไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก” ชลิตพูดกับภรรยาเพราะความอดทนของเขาสิ้นสุดลงแล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่รักเคารพแม่แต่ท่านทำเกินไปเขารับไม่ได้จริงๆ “ดุจขอโทษนะคะพี่โต ดุจพยายามจนถึงที่สุดแล้วแต่ดุจทนไม่ได้ที่คุณหญิงทำร้ายลูกของดุจ หรือว่าเราจะแยกกัน..” “อย่าพูดแบบนี้นะดุจ พี่ไม่มีทางแยกกับดุจและลูกๆแน่และต่อไปไม่ต้องปสนใจต่างคนต่างอยู่เราจะไม่ไปยุ่งกับบ้านนั้นอีกแต่ยกเว้นคุณพ่อไว้คนหนึ่งได้มั้ยครับดุจ” ชลิตพูดกับภรรยาแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างอ่อนโยนและเสียใจที่ทำให้ภรรยาและลูกของเขาเสียน้ำตาอีกแล้ว “สำหรับคุณพ่อ ท่านยังเป็นคุณพ่อที่ดุจรักและเคารพเสมอค่ะ” เธอแยกแยะได้ว่าใครหวังดีหรือใครประสงค์ร้าย “ขอบคุณครับดุจ ผมรักดุจกับลูกนะครับ เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆไปหาคุณตาคุณยายกันนะครับ” ชลิตพูดกับภรรยาเพื่อจะได้ให้ลูกสาวลืมเรื่องในวันนี้ได้บ้าง “ดีค่ะพี่โต” จากนั้นสองสามีภรรยาก็คุยกันเบาๆจนกระทั่งถึงบ้านก็พาลูกสาวทั้งสองเข้านอนเช็ดตัวทายารอยช้ำให้และเปลี่ยนชุดนอนให้ก่อนจะลงไปชั้นล่างเพราะท่านเจ้าสัวมาหา “หลานพ่อเป็นยังไงบ้างลูก” เจ้าสัวธีระถามลูกชายลูกสะใภ้ที่เดินมานั่งตรงข้ามท่านส่วนคนสนิทก็อยู่นั่งคุยกับคนขับรถของลูกชายอยู่หน้าบ้าน “หลับไปแล้วครับคุณพ่อ” “พ่อขอโทษลูกทั้งสองด้วยนะที่ปกป้องหลานไม่ได้ พ่อไม่คิดว่าแม่ของแกจะทำร้ายหลานได้และต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก พ่อสัญญา” เจ้าสัวธีระสัญญากับลูกชายลูกสะใภ้เพราะพรุ่งนี้ท่านจะคุยกับภรรยาและลูกหลานให้เข้าใจตรงกันและถ้าใครยังหาเรื่องทำร้ายหรือสร้างปัญหาให้ครอบครัวของลูกชายคนโตท่านจะเอาหุ้นบริษัทคืน “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วดุจไม่ได้โทษใครแต่โทษตัวเองที่ไม่ดีพอที่จะเป็นสะใภ้ของคุณหญิงและต่อไปดุจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับท่านอีกค่ะ” ดุจเดือนพูดกับพ่อสามีตรงๆเพราะเธอไม่เอาชีวิตและความสุขของลูกสาวไปแลกกับความหวังลมๆแล้งๆว่าท่านจะใจอ่อน “พ่อเข้าใจ แม่ดุจทำดีที่สุดแล้วล่ะ สิมกว่าปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าแม่ดุจเหมาะสมกับลูกชายของพ่อมากแค่ไหน แม้บางคนจะมองไม่เห็นก็ปล่อยเขาไปเถอะลูก แค่ตาโตแม่ดุจและหลานของพ่อมีความสุขก็พอแล้วล่ะ” เจ้าสัวพูดกับลูกสะใภ้อย่างอ่อนโยนแม้ดุจเดือนจะเรียบร้อยสุภาพอ่อนหวานนอบน้อมถ่อมตนแต่เธอไม่อ่อนแอสามารถทำงานเคียงไหล่เคียงบ่าสามีได้เป็นอย่างดี “ขอบคุณค่ะคุณพ่อที่เมตตาดุจ” “ไม่เป็นไรลูก แม่ดุจเป็นลูกสาวพ่อนี่นา คืนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะลูกพรุ่งนี้เช้าทุกอย่างจะดีขึ้นแล้วคืนนี้พ่อนอนที่นี่ด้วยคนละกัน เมื่อกี้บอกแม่หอมให้จัดห้องให้แล้วล่ะ” “งั้นผมไปส่งคุณพ่อที่ห้องนะครับ” ชลิตพูดกับพ่อก่อนจะลุกขึ้นแล้วยิ้มให้ภรรยาแล้วเดินไปส่งพ่อที่ห้องพักชั้นล่างที่เขาต่อเติมไว้สำหรับท่านพักผ่อนเวลามาหาหลาน ดุจเดือนมองตามสามีกับพ่อของเขาแล้วถอนหายใจเธอไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ลูกสาวทั้งสองจะเป็นยังไงแต่จะให้หยุดเรียนก่อนเพราะอีกสองวันก็จะถึงวันหยุด ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองที่ห้องของลูกสาวทั้งสองที่นอนด้วยกันและมีประตูห้องเชื่อมกับห้องของเธอกับสามีเมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองนอนหลับสนิทก็กลับห้องแล้วอาบน้ำเปลี่ยนชุดเข้านอนพร้อมกับสามี ส่วนอีริคกับเยาวนีย์ก็กลับบ้านเพราะเพื่อนบอกว่าเป็นไรแต่ยังมีบอดี้การ์ดติดตามห่างๆและยังมีคนขับรถที่เป็นบอดี้การ์ดติดตามใกล้ชิดอีกคน “วนีย์ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณหญิงจะทำร้ายน้ำหนึ่งทั้งที่หลานตัวเล็กนิดเดียวถ้าที่รักไม่อุ้มน้ำหนึ่งไว้ก่อนหลานคงเจ็บเยอะกว่านี้ จิตใจทำด้วยอะไรนะแล้วที่ได้สายสะพายมาเพราะมีจิตใจดีมีเมตตาทำบุญกุศลช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสงั้นเหรอคะ คนแบบนี้สมควรเรียกให้เกียรติด้วยเหรอคะ” คุณเยาวนีย์พูดกับสามีแม้เธอจะโกรธไม่พอใจคุณหญิงพีรยาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “ถ้าไม่เห็นแก่ท่านเจ้าสัวกับนายโตแล้วล่ะก้อ ผมไม่เอายัยคุณหญิงนั่นไว้แน่ๆ” อีริคพูดด้วยความโกรธคุณหญิงพีรยาที่ทำเกินกว่าเหตุทั้งที่น้ำหนึ่งก็เป็นสายเลือดตัวเองเป็นหลานอีก “ถ้าตากรันต์รู้คงเดือดแน่เลยที่รัก” คุณเยาวนีย์พูดถึงลูกชายที่รักน้องสาวทั้งสองมาก “ต่อไปโตคงจะรู้แล้วล่ะว่าที่ทำไปมันไม่ได้ผลและควรหยุดสักทีก่อนที่ครอบครัวจะไม่มีความสุขเพราะเห็นแก่แม่และพี่น้อง” เขารู้ดีว่าชลิตทำเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวยอมรับภรรยากับลูกแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าและยังเสียเวลานานกว่าสิบปี “ถ้าเป็นวนีย์ไม่ทนมาถึงขนาดนี้หรอกค่ะ แต่ดุจเข้มแข็งและทำเพื่อครอบครัวและวนีย์คิดว่าดุจก็คงจะถึงที่สุดแล้วเหมือนกันและไม่ว่ายังไงวนีย์จะอยู่ข้างดุจและโตค่ะ” ไม่ว่ายังไงเธอก็อยู่ข้างเพื่อนทั้งสองเหมือนที่ผ่านมา “แน่นอนครับที่รัก” สองสามีภรรยาคุยกันจนไปถึงบ้านหลังใหญ่ก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้วนอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้พวกเขาต้องไปทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน ที่คฤหาสน์กมลเกียรติกุล คุณหญิงพีรยานั่งอยู่บนเตียงหลังจากอาบน้ำแล้วรอสามีที่ติดต่อไม่ได้และเขาไม่เคยโกรธท่านอย่างนี้มาก่อนและถึงจะโกรธก็ไม่เคยปิดโทรศัพท์ทำให้ท่านนอนไม่หลับ “ก๊อกกๆๆ..” “ใคร” “เล็กเองค่ะคุณแม่” “เข้ามาเถอะแม่ไม่ได้ล็อคห้อง” ท่านไม่ล็อคประตูห้องเผื่อสามีกลับมา “เล็กเอาน้ำขิงร้อนๆมาให้คุณแม่ดื่มก่อนนอนค่ะ” นุชรดีวางแก้วน้ำขิงบนโต้ะข้างเตียงแล้วนั่งลงบนเตียง “พ่อของเล็กยังไม่กลับเลยลูกคงไปโอ๋อีพวกนั้น” คุณหญิงพีรยาไม่อยากเอ่ยชื่อของลูกสะใภ้กับหลานเพราะรังเกียจไม่อยากให้มาร่วมนามสกุลด้วยถึงแม้ใครๆจะชมว่ามันเก่งแต่สำหรับเธอไม่ว่าดุจเดือนจะทำยังไงก็ไม่ยอมรับมันเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด “ช่างคุณพ่อเถอะค่ะ แต่วันนี้เป็นวันเกิดของคุณแม่เล็กไม่อยากให้คุณแม่ไม่สบายใจแต่เมียพี่โตคงจะรู้แล้วค่ะว่าต่อให้ทำดีแค่ไหนคุณแม่ก็ไม่ยอมรับและเล็กเห็นสายตาของมันมองคุณแม่อย่างโกรธแค้นแล้วเล็กแทบทนไม่ได้ค่ะ อย่าให้เจออีกนะเล็กจะตบให้คว่ำเลย” นุชรดีพูดกับแม่เพราะเห็นสายตาวาววับราวกับแม่เสือจ้องแม่ของเธอหลังจากที่ท่านตีหลานสาวที่เธอไม่ยอมรับเพราะไม่มีชาติมีสกุล “แม่ไม่ปล่อยมันเหมือนกัน” สองแม่ลูกพูดคุยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนกระทั่งตีหนึ่งท่านเจ้าสัวก็ยังไม่กลับมาทำให้คุณหญิงพีรยาง่วงนอนเธอจึงหลับตาลงและคืนนี้ลูกสาวมานอนเป็นเพื่อนท่าน เช้าวันถัดมาก็มีข่าวซุบซิบว่าคุณหญิงพีรยาทะเลาะกับลูกสะใภ้คนโตและทำร้ายหลานสาวสาววัยสิบขวบแต่ไม่มีใครยืนยันได้และไม่มีใครกล้ายืนยันแต่เรื่องนี้ทำให้เด็กหญิงน้ำหนึ่งจำฝังใจว่าถูกคุณหญิงพีรยาทำร้าย “น้ำหนึ่งกับน้ำรินไปเทียวสวนสัตว์กับปู่มั้ยลูก” เจ้าสัวถามหลานสาวที่วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังดูหวาดกลัวอยู่จึงให้หยุดเรียนสองสามวัน “น้ำรินอยากไปค่าคุณปู่” น้ำรินรีบยกมือขึ้นเมื่อปู่ชวนไปเที่ยวแต่คนเป็นพี่ยังเงียบและซึมๆ “น้ำหนึ่งไม่อยากไปเที่ยวเหรอลูก” ดุจเดือนถามลูกสาวและหยุดงานเพื่อนดูแลลูกทั้งสองยิ่งเห็นลูกไม่สดใสร่าเริงเหมือนทุกวันคนเป็นแม่ก็เจ็บช้ำหัวใจยิ่งนักและจากนี้ไปเธอจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น “หนึ่งไม่อยากไปค่ะ” เสียงใสพูดเบาๆและเอาแต่นั่งเหม่อในใจของเด็กน้อยครุ่นคิดว่าทำไมย่าถึงไม่รักเธอกับน้องสาวพอเจอหน้าทีไรก็เอาแต่ด่าว่าเธอกับน้องและยังว่าแม่อีกและเมื่อคืนท่านก็ตีเธอ “ทำไมล่ะลูก หรือน้ำหนึ่งของปู่อยากไปเที่ยวไหนบอกปู่ได้เลยลูก วันนี้ปู่จะพาน้ำหนึ่งกับน้ำรินไปทุกที่เลยลูก” เจ้าสัวพูดเอาใจหลานสาวเพราะท่านไม่อยากเห็นหลานสาวที่สดใส่ร่าเริงเป็นแบบนี้ จากที่จะกลับบ้านไปคุยกับภรรยาและลูกทั้งสองแต่ท่านกลับปล่อยให้หลานสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ “พี่หนึ่งๆ เราไปทะเลกันดีมั้ย น้ำรินอยากไปเล่นน้ำทะเลค่ะ” น้ำรินสะกิดแขนพี่สาวยิกๆด้วยความอยากไปเที่ยวตามประสาเด็ก “จริงด้วยลูก ไปทะเลกันดีมั้ยเดี๋ยวปู่พาไปว่ายน้ำที่บางแสนก็ได้ใกล้แค่นี่เองเรากลับค่ำหน่อยก็ได้ดีมั้ยลูก” เจ้าสัวหลอกล่อหลานสาวและโล่งใจเมื่อดวงตากลมโตสว่างวาบขึ้นแสดงว่าท่านมาถูกทางแล้วจึงมองหน้าลูกสะใภ้แล้วพยักหน้าให้ช่วยพูด “ดีค่ะคุณพ่อ ดุจก็อยากเล่นน้ำทะเลเหมือนกันแต่ว่าจะมีใครไปบ้างน้า” ดุจเดือนรับไม้ต่อจากปู่ของลูกและทำท่าตื่นเต้นให้ลูกสาวคนโตเห็น “น้ำรินค่าคุณแม่ พี่หนึ่งไปเล่นน้ำทะเลกันนะคะ นะน้าพี่หนึ่งน้า” น้ำรินตอบแม่แล้วอ้อนพี่สาว “หนึ่งไปด้วยค่ะคุณแม่” น้ำหนึ่งยิ้มให้แม่และปู่ “งั้นไปเตรียมตัวเลยลูก ส่วนชุดว่ายน้ำเดี๋ยวเราไปซื้อเอาที่นู่นก็ได้” เจ้าสัวบอกลูกสะใภ้กับหลานสาวทั้งสองและดีใจที่ทำให้หลานสาวยิ้มออก “คุณพ่อรอแป๊บนะคะ ดุจพาสองสาวไปเปลี่ยชุดก่อนค่ะ” “เดี๋ยวปู่สั่งให้แม่บ้านเตรียมขนมนมเนยให้สองสาวและจะโทรไปบอกตาโตด้วย” เจ้าสัวพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรบอกลูกชายว่าจะพาหลานสาวไปเที่ยวทะเลอาจจะกลับค่ำหน่อยและชลิตก็เห็นด้วยและอยากไปด้วยแต่เขาติดประชุมก็ฝากพ่อดูแลลูกเมียให้ เวลา08.00น. รถตู้คันใหญ่สีขาวแล่นออกจากบ้านหลังใหญ่ของชลิตออกถนนใหญ่ขึ้นทางด่วนตรงไปบางแสนเพื่อพาสาวน้อยทั้งสองไปเที่ยวปลอบใจที่ตกใจขวัญเสียกับเหตุการณ์เมื่อคืนและสองพี่น้องก็พูดคุยวางแผนก่อกองทรายและเล่นน้ำมีปู่กับแม่และพี่เลี้ยงช่วยกันพูดทำให้น้ำหนึ่งกลับมายิ้มแย้มหัวเราะเสียงใสได้อีกครั้งท่ามกลางความดีใจของคนเป็นแม่และปู่ก็โล่งใจที่เห็นรอยยิ้มของหลานสาว “พี่หนึ่งๆทะเลเรามาถึงทะเลกันแล้วค่า” น้ำรินลุกขึ้นยืนเอาหน้าแนบกระจกรถอย่างดีใจที่จะได้เล่นน้ำทะเล “เดี๋ยวเราก่อกองทรายกันนะน้ำริน” น้ำหนึ่งมองทะเลตาเป็นประกายเพราะเธอกับน้องสาวชอบทะเลมากหากปิดเทอมเมื่อไหร่ต้องไปเที่ยวทะเลก่อนเป็นอันดับแรกแล้วถึงจะไปบ้านตา “ค่ะพี่หนึ่ง” สองพี่น้องก็พูดคุยกันเจื้อยแจ้วจนกระทั่งรถไปจอดที่ว่างใกล้กับร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อความสะดวกเพราะวันธรรมดาไม่เหมือนวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ที่จะมีโต้ะเก้าอี้ให้นั่งและมีร้านขายอาหารมากมาย “เย้ๆๆ..” สองสาววิ่งไปที่ชายหาดทันทีที่ลงจากรถมีพี่เลี้ยงวิ่งตามไปดูแลคุณหนูทั้งสองอย่างใกล้ชิด “ต่อไปแม่ดุจไม่ต้องพาลูกไปบ้านนั้นอีกนะลูก พ่อจะมาหาหลานเองพ่อไม่อยากเห็นหลานเป็นแบบนี้ชีวิตของน้ำหนึ่งกับน้ำรินกำลังสดใสและอยู่ในวัยที่จดจำพ่ออยากให้หลานมีแต่เสียงหัวเราะมีความสุขมากกว่าลูก” เจ้าสัวธีระย้ำกับลูกสะใภ้อีกครั้งเพราะไม่อยากให้มีปัญหาไปมากกว่านี้สู้ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า “ค่ะคุณพ่อ” ดุจเดือนเข้าใจพ่อสามีเพราะมีท่านคนเดียวในบ้านที่ยินดีรับเธอเป็นลูกสะใภ้และช่วยเหลือทุกอย่างแม้จะงัดข้อกับภรรยาจนทะเลาะกันทุกครั้งที่เธอกับสามีไปบ้านของท่าน “รบเอาเสื่อไปปูตรงที่ร่มๆแล้วไปสั่งอาหารขนมเครื่องดื่มผลไม้ฝั่งโน้นมาให้หลานฉันด้วย” ท่านเจ้าสัวยื่นเงินแบงค์พันหลายใบให้คนสนิทแล้วท่านก็เดินตามหลานสาวทั้งสองที่เล่นอยู่ที่ชายหาด “พี่รบเอาเสื่อไปปูแล้วดูแลคุณพ่อกับเด็กให้ดุจดีกว่าค่ะ เดี๋ยวดุจไปจัดการเรื่องอาหารเองค่ะ” ดุจเดือนบอกคนสนิทของพ่อสามี “ครับคุณดุจ” ดุจเดือนเดินข้ามถนนไปที่ร้านอาหารและสั่งอาหารสำรับทุกคนเพราะเมื่อเช้าปู่ของลูกทานอาหารนิดเดียวและลูกสาวคนโตก็กินนิดเดียวเหมือนกัน เมื่อสั่งอาหารขนมและผลไม้เครื่องดื่มเสร็จแล้วก็เดินไปร้านสะดวกซื้อก็เลือกขนมขบเคี้ยวให้ลูกทั้งสองและพี่เลี้ยงกับคนสนิทของพ่อสามีก่อนจะไปหาลูกสาวที่เล่นก่อกองทรายเพราะอากาศเริ่มร้องจึงตกลงกันว่าจะลงเล่นน้ำตอนเย็นแล้วเธอก็ถ่ายรูปลูกสาวเก็บไว้อวดสามี คฤหาสน์กมลเกียรติกุล คุณหญิงพีรยานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรอสามีที่หายไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับบ้านและรู้ว่าไปบ้านลูกชายคนโตและยังพาหลานสาวที่เธอเกลียดไปเที่ยวจึงฟาดงวงฟาดงาใส่แม่บ้านและคนรับใช้จนไม่มีใครกล้าเข้าหน้าติด “นังปอง นังปอง..” “มาแล้วค่ะคุณหญิง” “เอากาแฟมาให้ฉันแก้วหนึ่ง เร็วๆด้วย” “ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” สมปองรับคำสั่งแล้วรีบเข้าไปในครัวแล้วจัดการให้เจ้านายอย่างรวดเร็วไม่งั้นจะโดนด่าอีก “ โอ้ะ หอยแหก..” “เดินยังไงของเธอนะสมปอง” ชวินเอ็ดแม่บ้านที่เดินพุ่งออกมาจากห้องไม่ดูตาม้าตาเรือเกือบชนเขาล้ม “ขะ ขอโทษค่ะคุณกลางพอดีฉันรีบไปเอากาแฟมาให้คุณหญิงท่านค่ะ คุณกลางจะรับด้วยมั้ยคะ” “เอามาก็ได้ เร็วๆด้วยล่ะ” ชวินพูดจบก็เดินไปหาแม่ในห้องนั่งเล่นเขามีเรื่องจะขอให้ท่านช่วยเพราะตอนนี้เงินขาดมือหมุนไม่ทัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD