เปรี้ยง! ฟ้าผ่าลั่น เคธี่สะดุ้ง และเธอขนลุกซู่เมื่อเธอเห็นสายฟ้าใหญ่ริมหน้าต่าง
“เมื่อกี้ลูกว่ายังไงนะ” สตีฟตกใจ
“คุณพ่อต้องเชื่อลูกนะคะ”
“ไม่ว่าลูกจะพูดอะไร พ่อก็เชื่อลูกอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้พ่อไม่ได้ยิน เสียงฟ้าผ่ามันกลบเสียงลูกหมดเลย ลูกพูดใหม่อีกทีซิ”
“คือลิซซี่วางยาคุณพ่อค่ะ”
เปรี้ยง! ฟ้าผ่าอีกรอบ ครั้งนี้มันผ่าเข้ามาที่แจกันดอกไม้ในห้อง ทำให้แจกันตกแตกทันที
“กรี๊ด” เคธี่ร้องเสียงหลง
“ฟ้าผ่าแรงจัง ไม่เคยเจอแบบนี้เลย ว่าแต่ลูกพูดอีกรอบได้ไหม เมื่อกี้ก็ไม่ได้ยิน”
“เอ่อ คือ…” เคที่ลังเลว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ เธอมองไปที่หน้าต่าง ฟ้าแลบใกล้ๆ ดูพร้อมที่จะผ่าอีกครั้ง “ลูกคิดว่าคุณพ่อควรนอนต่อดีกว่าค่ะ ถึงคุณพ่อจะนอนไปเยอะแล้ว แต่ลูกคิดว่าร่างกายคุณพ่อต้องการพักฟื้นค่ะ”
เคธี่ยอมเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะกลัวฟ้าจะผ่าอีกครั้ง และครั้งต่อไปคงเป็นเธอที่ต้องรับสายฟ้าแทนแจกัน หลังจากนั้นเคธี่ก็ออกจากห้อง โดยมีเฟย์บินตามออกมา
“นี่เธอไม่ได้แกล้งเสกสายฟ้าใช่ไหม” เคธี่ถาม
“ฉันแกล้งเธอไปแล้วได้อะไรล่ะ ฉันว่าเป็นเพราะเธอจะพูดความจริงไม่หมด ซึ่งมันก็คือการโกหกนั่นล่ะ ฟ้าเลยจะลงโทษเธอ” เฟย์ตอบ
“งั้นเหรอ” เคธี่เปิดประตูเข้าห้องนอนของเธอ “รู้ไหม ฉันมีความคิดหนึ่งมาตลอด ฉันว่าเธอสวยกว่าลิซซี่”
“อุ๊ย แน่นอนอยู่แล้ว” เฟย์ยิ้มแป้น และบินหมุนตัว
“ไม่เห็นจะฟ้าผ่าเลย ไม่เกี่ยวกับเรื่องโกหกหรอก”
“งั้นเหรอ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ยัยเคธี่!”
เคธี่ยิ้มขำ และเข้านอน โดยแกล้งไม่ได้ยินคำบ่นของเฟย์
______________________________________________________________________________________
ในเช้าวันรุ่งขึ้น การปรากฏตัวของสตีฟทำให้คนทั้งคฤหาสน์ต่างแตกตื่น ยกเว้นเคธี่ที่ตั้งใจตื่นเช้ามาดูปฏิกิริยาของแต่ละคน
“กรี๊ด ผีๆๆ” เดอร์ซี่ร้องลั่น และเป็นลมไป
“ส…สตีฟ” ลิซซี่งุนงง เธอตาโต อ้าปากค้าง
“คุณพ่อ ยังไม่ตายเหรอคะ” สเตซี่ประหลาดใจ
คนงานในบ้านบางคนตกใจ บางคนยังสับสน
“ใช่ ฉันยังไม่ตาย ดังนั้นฉันไม่ใช่ผีหรอกนะ” สตีฟพูดพร้อมมองเดอร์ซี่ที่นอนเป็นลมไปแล้วอย่างไม่ค่อยพอใจ
ทุกคนดีใจที่สตีฟยังมีชีวิต พ่อบ้านถึงขั้นวิ่งมากอดขาสตีฟ และร้องไห้เรียก “นายท่าน” สตีฟตบบ่าพ่อบ้านเบาๆ ลิซซี่วิ่งมากอดสตีฟ ทำให้พ่อบ้านกระเด็นออกมา
“สตีฟ คุณกลับมาหาฉันจริงๆ ฉันสวดขอพรภาวนาให้คุณทั้งคืนเลยค่ะ” ลิซซี่มีน้ำตาซึม
“งั้นเหรอ แต่ตอนผมฟื้นขึ้นมาผมไม่เห็นคุณเลยนะ ผมเห็นแต่เคธี่ จนนึกว่ามีแค่เคธี่ ลูกสาวของผม ที่เป็นห่วงผมเสียอีก”
“คือ ฉัน.. สวดที่ห้องนอนตัวเองน่ะค่ะ ฉันรับไม่ได้ที่เห็นภาพคุณนอนแน่นิ่ง” ลิซซี่ทำท่าเช็ดน้ำตา
“อ๋อ งั้นถ้าผมบอกว่าผมเดินไปหาคุณ แต่ผมพบว่าคุณนอนหลับสบายดีอยู่ คุณคงบอกว่าคุณเผลอหลับไปสินะ” สตีฟถามเฉื่อยๆ
“คิก” เคธี่อดขำออกมาไม่ได้
“เอ่อ… ค่ะ” ลิซซี่หาคำตอบอื่นไม่ได้ จึงตอบรับแบบจำยอม
“คุณพ่อคะ ทานข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ เมื่อวานมื้อเย็นก็ไม่ได้ทาน ตอนนี้คงหิวแย่นะคะ” แม้สตีฟจะเดินมาที่โต๊ะอาหารเองได้ แต่เคธี่ก็เดินไปประคองสตีฟ และทำให้ลิซซี่ที่พยายามกอดสตีฟไว้กระเด็นออกไปเหมือนกับพ่อบ้าน
“ดีเลย แล้วเดี๋ยวกินข้าวเสร็จลูกเรียกทนายมาเลยนะ และคงต้องเปลี่ยนจากที่คุยกันเมื่อวานกันหน่อย พ่อจะยกทรัพย์สินให้ลูกทั้งหมดวันนี้เลย”
“อะไรนะ” ลิซซี่ตกใจ เคธี่เองก็ประหลาดใจที่เรื่องพลิกถึงขนาดนี้ สตีฟหันไปมองลิซซี่แป๊บหนึ่ง แล้วเขาก็หันกลับมาคุยกับเคธี่ต่อ
“แต่ลิซซี่และลูกๆ ของนางมีสิทธิที่จะอยู่บ้านหลังนี้ต่อ ลูกห้ามไล่ทั้งสามออกจากบ้าน หากพวกนางไม่มีความผิด ตกลงไหม”
“ตกลงค่ะคุณพ่อ”
“มีใครจะขัดอะไรไหม” สตีฟถามเสียงเข้ม เขามองหน้าลิซซี่ที่ทำสีหน้าไม่ถูก และมองไปทางเดอร์ซี่ที่เพิ่งฟื้นจากการเป็นลม เธอไม่ทันฟังที่สตีฟพูด ส่วนสเตซี่เองก็ไม่ได้สนใจฟังสตีฟ เธอกำลังประคองเดอร์ซี่อยู่
“ถ้าไม่มีใครขัด งั้นก็ตามนี้”
“คุณพ่อคะ ลูกขออีกเรื่องได้ไหม”
“ได้สิ”
“ทรัพย์สินที่ได้มาลูกขอทำพินัยกรรมไปเลยได้ไหมคะ ลูกอยากบริจาคทั้งหมดให้มูลนิธิเด็กกำพร้าค่ะ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องขอหรอก มันเป็นของๆ ลูก ลูกจัดการเถอะ”
“ขอบคุณค่ะ” เคธี่ตอบ เธอเหลือบมองลิซซี่ที่ตอนนี้ประคองตัวยืนไว้ได้ด้วยการยันมือกับกำแพง เพราะคราวนี้ไม่ว่าเธอจะวางแผนฆ่าใคร เธอก็ไม่ได้มรดกอยู่ดี
______________________________________________________________________________________
หลังจากนั้นทุกวันก็ผ่านไปเหมือนเดิม ตื่นเช้ามากินข้าว เดินเล่นชมวิว กินข้าวเที่ยง จิบน้ำชายามบ่าย อ่านหนังสือ กินข้าวเย็น พักผ่อนเตรียมนอน ชีวิตของเคธี่ช่างสงบ สามแม่ลูกค่อนข้างเงียบลง และไม่มีใครกล้ามาก่อกวนเคธี่ มีคืนหนึ่งเคธี่ได้ยินเสียงเอล่าเรียกชื่อ แต่วันนั้นเป็นวันจันทร์ดับ เคธี่จึงคิดว่าเธอหูแว่ว
สิ่งเดียวที่เคธี่ติดใจคือหลายๆ คน ชอบพูดคำเดิม จนเธอแทบจะท่องคำพูดเหล่านั้นได้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าเคธี่จะพูดอะไร อีกวันทุกคนก็จะลืม และทำหน้าตาเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เรื่องนั้นไม่เดือดร้อนเท่าเมนูอาหารที่ซ้ำกันทุกวัน จนในทุกเช้าก่อนเวลาอาหาร เคธี่จะขอเมนูใหม่ๆ จึงทำให้เธอได้กินอาหารเมนูอื่นๆ บ้าง
แต่ปัญหาเหล่านั้นเป็นเพียงความลำบากเล็กน้อย เมื่อเทียบกับชีวิตลูกเศรษฐีที่สะดวกสบาย มีเงินให้ใช้ไม่ขาด อยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ เธอเลื่อนการเขียนงานออกไปวันแล้ววันเล่า แต่ถึงแบบนั้นเคธี่ก็นอนหลับสบายทุกคืน
จนในคืนหนึ่งเคธี่ได้ยินเสียงของเอล่าเรียกชื่อเธอ แต่เคธี่มองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นใคร เธอมองไปที่นอกหน้าต่างก็เห็นว่ายังเป็นคืนจันทร์ดับอยู่เหมือนเดิม เคธี่คิดว่าเธอหูแว่วจึงล้มตัวลงนอนไป
“เคธี่ เคธี่ เธออยู่ไหม” เสียงเอล่าดูร้อนรน
เคธี่ลุกขึ้นมาจากเตียง และเดินไปหยิบเหยือกน้ำ เธอเทน้ำลงบนอ่างล้างหน้า และมองไปที่น้ำ บนผิวน้ำปรากฏภาพของเอล่าขึ้นมา
“เคธี่ เธอมาแล้ว” เอล่าดีใจ และดูโล่งอก
เคธี่อดประทับใจไม่ได้ที่เอล่าสวยทะลุชักโครก เธอถักรวบผมเป็นอย่างดี สวยแบบนางเอกนิยายโดยแท้จริง
“มีอะไรหรือเปล่าเอล่า นี่ยังไม่พระจันทร์เต็มดวงเลยนี่” เคธี่ถาม
“ไม่นะเคธี่ ที่นี่พระจันทร์เต็มดวงอีกรอบแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน เป็นไปไม่ได้” เคธี่สับสน เธอมองพระจันทร์อีกที ก็พบว่ามันเป็นคืนจันทร์ดับเช่นเดิม
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ” เอล่าทำหน้ารู้สึกผิด ก่อนจะขยับตัวออกไป
ร่างผู้ชายคนหนึ่งเขยิบเข้ามาแทนที่เอล่า
“เคธี่เหรอ” วิลลี่ถามแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
______________________________________________________________________________________