แอบอ้อน

1826 Words
ลักษมีเหมือนกำลังออกจากภวังค์ความคิด เธอสะดุ้งไปเล็กน้อยและยกมือรับไหว้ “จ่ะ สวัสดีๆ” ก่อนจะคว้าข้อมือของพี่ชายให้เดินห่างออกไปจากสาวสวยตัวน้อย พร้อมกับคาดคั้นด้วยสีหน้าจริงจัง “มีแฟนเมื่อไหร่ ทำไมลักษณ์ไม่เห็นรู้ แล้วพี่รินมาถึงรึยัง เมื่อวานเธอโทรหาลักษณ์ จะไปรับที่ท่ารถ พี่รินเธอก็ไม่ยอม บอกว่าจะรอให้พี่ไปรับเธอเอง” จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายติดต่อมาเลย พี่รินน่ะไม่ห่วง จะห่วงก็แต่หลานสาวตัวน้อยนั่นล่ะ “เอาทีละคำถามนะน้องสาว” มองแฟนตัวเองที่เดินดูรอบๆ งานเหมือนสนใจ ก่อนเขาจะหันกลับมาหาน้องสาวที่เขาจำเป็นต้องโกหกไปก่อนไม่ต่างกับที่โกหกกับทุกคนเพื่อความสมจริง!! “พี่เป็นแฟนปริมเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ลักษณ์จะไม่รู้ก็ไม่แปลก พี่เจอน้องเขาตอนมาเที่ยวแค่ไม่กี่วันน่ะ ส่วนเรื่องรินกับมะนาว พี่ไปรับมาเมื่อเช้า ตอนนี้ทั้งคู่นอนพักอยู่ที่บ้านไร่นั่นล่ะ” ถอนหายใจกับความยุ่งเหยิงทั้งหมดทั้งมวล “แล้วลักษณ์จะชวนรินมางานเลี้ยงด้วยทำไมพี่ไม่เข้าใจ” ดีหน่อยที่คุณแม่ไม่ได้อยู่ในไร่ ไม่อย่างนั้นแม่เขาคงมีการปะทะกับอดีตสะใภ้ไม่มากก็น้อย “ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะชวนหรอก ลักษณ์แค่อยากช่วยให้พี่ได้คุยกับพี่รินให้มันจบๆ ไปน่ะสิ เห็นพี่บ่นว่าพี่รินไม่ยอมรับสายพี่ไม่ใช่เหรอ พอลักษณ์โทรไปไม่รู้ทำไมพี่รินเขาตกลงมาที่นี่เลยนะ” ตบไหล่พี่ชาย ปุปุ “เอาเถอะ พี่มีแฟนแล้วก็ดีจะได้ตัดปัญหาเรื่องเมียเก่าของพี่จะมาขอย้อนความหลัง” “ความหลังบ้าอะไร ไม่เอาแล้ว” ลักษณ์เบ้ปากหยันๆ “แน่ล่ะซี้ แฟนใหม่สวยอย่างกับดาราติ๊กต่อก เมียเก่าคงหมดหวังแล้ว ฮึ” สะบัดหน้าใส่พี่ชายอย่างหมั่นไส้ “งานทางนี้ไม่มีอะไร พี่กลับเลยก็ได้นะ” เหนือตะวันส่ายหน้าหวือ ก่อนจะเดินไปเรียกแฟนกำมะลอแล้วชวนเธอกลับบ้าน งานทางนี้ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้วอย่างที่ลักษมีว่า วันงานเลี้ยงหรือพิธีการก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่น้องเขาคงจะต้องยืนต้อนรับแขกหน้างานและกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายบนเวทีเท่านั้น ส่วนตัวเขารึ? ไม่ใช่เจ้าบ่าว แค่มาอยู่ช่วยงานกับดูแลแขกก็พอ “กลับกันเถอะปริม” “ค่ะ” ฉันเดินไปสวัสดีพี่ลักษมี ก่อนจะขอตัวกลับบ้านกับพี่เหนือที่ดูจะทำหน้าเครียดขึ้นมาหน่อย อะไรก็แล้วแต่ตอนนี้คือสี่โมงเย็นนะคะ ถามว่าฉันหิวรึเปล่า ก็ต้องหิวแน่ๆ เพราะฉันทานแค่ขนมปังตอนบ่ายแล้วออกมาเลย เจ้าบ้านคงจะลืมไปและฉันเหรอจะทนไหว “พี่เหนือคะ ปริมหิว” เจ้าของชื่อผู้พยายามทำความคุ้นเคยกับแฟนกำมะลอผงกหัวรับ ก่อนจะขับรถไปจอดตรงหน้าร้านอาหารข้างทางที่มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ร้านลาดหน้า ร้านก๋วยเตี๋ยวและอะไรอีกสารพัดร้าน เขาพาคนหิวเดินลงไปหาของทาน ซึ่งเจ้าสาวคนสวยก็ดึงเขาไว้ให้หยุดอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะพาไปนั่งข้างกันเหมือนประกาศความเป็นเจ้าของ ‘ก็แน่ล่ะ แค่เดินดูร้าน ยังมีแต่คนมองเต็มไปหมดนี่’ “เอาข้าวเปล่ากับเกาเหลารวมแบบพิเศษๆ นะคะป้า” ฉันผู้นั่งติดกับหน้าร้านบอกคุณป้าคนขาย “พี่เหนือเอาอะไรคะ” เอียงคอ “หรือยังไม่หิว” “หิวสิ” หันไปบอกคนขาย “ผมเอาบะหมี่เนื้อพิเศษครับ” “จ้า รอสักครู่นะ” ฉันมองบรรยากาศข้างทางแล้วรู้สึกโล่งดีจังค่ะ อากาศเย็นสบาย ไม่มีมลพิษ ทุกคนยิ้มแย้ม อยากจะทักแต่ก็ไม่ทัก ในความธรรมดาแบบบ้านๆ กับเสื้อผ้าธรรมดาที่ไม่ต้องแข่งกันเหมือนคนเมืองกรุงมีให้ฉันเห็นในทุกที่ที่พี่เหนือขับรถผ่าน มันก็ไม่ต่างกับพี่เหนือหรอกค่ะ มีไร่กว้างใหญ่เหมือนคนรวยแต่พี่แกใส่แค่กางเกงยีนส์เก่าๆ และเสื้อยืดธรรมดาแค่นั้นล่ะ น่าแปลกนะคะ...มันกลับดูดีมากในสายตาของฉัน หรือเป็นเพราะพี่เขาหล่อ ก็ไม่รู้สิคะ ^^ ‘อ่า อย่าได้หลงไปมองบ่อยเชียวค่ะ อันตราย’ “มาแล้วๆ” เด็กเสิร์ฟตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล ก่อนจะยกอาหารลงไปวางบนโต๊ะทีละชาม ฉันใช้ช้อนของตัวเองตักน้ำเกาเหลาตรงหน้าขึ้นมาชิม ‘อ่า รสชาติดีมาก’ ไม่น่าเชื่อว่าอาหารข้างทางในเมืองเหนือจะรสดีเหมือนกินในร้านหรู ราคารึก็คงจะไม่แพง ฉันเห็นก๋วยเตี๋ยวติดป้ายว่าชามละสี่สิบบาท แถวบ้านฉันอาจจะแพงกว่านี้อีกสิบบาท...ก็นะ ตามสถานที่ล่ะค่ะ “อร่อยมั้ย” เหนือตะวันใส่เครื่องปรุงลงในชามตัวเอง ก่อนจะมองเปรมิกาอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ใส่อะไรเพิ่มเลย นอกจากลงมือทาน ฉันเคี้ยวหยับๆ แต่ก็พยักหน้า ใครๆ คงคิดเหมือนฉันนะคะว่าถ้ามันอร่อยแล้วก็กินแบบไม่ต้องใส่อะไรนี่ล่ะ 555 ง่ายดีค่ะ เผลอๆ ปรุงไปแล้วไม่โอเคก็แก้ไม่ได้แล้วอ่ะนะ “อร่อยค่ะ ของพี่ล่ะคะ” ก็ยังอยากชิมนะคะ ถ้าพี่เขาไม่ว่า ^^ “อร่อยสิ” “ชิมได้มั้ยคะ” เหนือตะวันยังคงคิดไม่ถึงกับความเป็นกันเองของสาวสวยด้านข้างที่ยังคงยื่นมือ ถือช้อนมารออยู่ใกล้ๆ ชามของเขา ‘เปรมิกาไม่เรื่องมาก ไม่พูดยาก ปรับตัวเร็ว’ ที่สำคัญคือทำตัวเนียนเหมือนสนิทกับเขามานานเป็นปี นั่นทำให้เขาถึงกับเผลอเลื่อนชามของตัวเองให้คนสวยตักชิมได้ถนัดๆ ‘ชิมเลยสิคะ จะรออะไร’ “พี่ปรุงอร่อยจังเลย” ^^ ไม่ได้ชมลอยๆ นะคะ รสชาติเหมือนต้มยำจัดจ้าน ‘เผ็ด! แต่โอเคเลย’ ‘ความน่ารักที่เขาสัมผัสได้จนสะเทือนไปถึงกลางหัวใจนี่มันคืออะไรวะ’ คงเพราะปริมทั้งสวยทั้งน่ารัก ไม่ว่าเธอจะทำท่าไหนมันก็ดูน่ามองไปหมด...แย่แล้วในความคิด ที่ปริมทำเขาเขวได้ในเวลาแค่หนึ่งวันที่อยู่ด้วยกัน “คือ ถ้าปริมจะกินของพี่ด้วย ได้มั้ยคะ” ฉันเตรียมเลื่อนจานข้าวของตัวเองคล้ายๆ จะแบ่งให้อีกฝ่ายเพราะกลัวเขาไม่อิ่ม ทุกคนอย่าแปลกใจนะคะว่าทำไมฉันทำแบบนี้ เดิมทีฉันก็เข้ากับคนง่ายอยู่แล้วจะเพิ่มแฟนกำมะลอที่คงอยู่ด้วยกันไม่นานมาอีกสักคนคงไม่เป็นไร ทำตัวสนิทกับเขาเข้าไว้ดีกว่าไม่สนิทแล้วต้องอยู่ร่วมห้องกันในคืนนี้อีก ‘ความแอบอ้อนนี่คืออะไรวะ?’ เหนือตะวันหันหน้าหนีไปมองถนน “อยากจะกินอะไรก็กิน” แค่นั้นที่เขาบอกกับคนข้างกาย ก่อนจะนั่งทานอาหารกันไปเงียบๆ เขาทานข้าวในจานเปรมิกาบ้าง ทานก๋วยเตี๋ยวของตัวเองบ้างพลางมองไปยังท้องถนน บนฟุตบาทร้านค้าดูเหมือนจะมีแต่คนสนใจโต๊ะของเขา ก็นะ ผู้หญิงผิวขาว หน้าใส ผมสีน้ำตาลเป็นลอนยาว ใส่ชุดฟุตบอลเบอร์แปดสวมรองเท้าแตะคู่ใหญ่ มันน่ามองน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ &&&& 18.30 บ้านไร่ “พ่อขา” น้องมะนาววัยสี่ขวบวิ่งเข้าไปหาพ่อของตัวเองที่ใจของเด็กน้อยอยากจะมาอยู่ด้วยเต็มทน ติดอยู่ที่เธอยังเป็นแค่เด็กน้อยพูดไม่ค่อยเป็นจึงไม่อาจบอกกับพ่อของเธอได้ “ว่าไงครับคนสวยของพ่อ” ฟอด!! เหนือตะวันหอมแก้มลูกสาวเต็มแรง ในขณะที่ตรงหน้านั้นมีอดีตเมียยืนยิ้มเหมือนภรรยากำลังรอสามีกลับบ้าน ‘หึ’ มันคงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อไปกันใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายขนาดนั้น “หิวมั้ยครับ พ่อกับน้าปริมแวะซื้อข้าวมันไก่มาฝากด้วยนะ” “น้าปริมเหรอคะ” มะนาวย้อนถามถึงชื่อใครสักคนที่เธอไม่เคยรู้จัก แต่ได้เจอกันแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ “ใช่ครับ น้าปริมเป็นแฟนของพ่อ ใจดีมากนะ ลูกต้องชอบเหมือนที่พ่อชอบแน่ๆ” คำหลังตั้งใจให้ทั้งผู้หญิงที่เป็นอดีตเมียกับแฟนกำมะลอได้ยิน ฉันผู้ถูกพาดพิงหิ้วของพะรุงพะรังออกมาจากรถ เดินไปหาสองพ่อลูก “สวัสดีอย่างเป็นทางการค่ะสาวน้อย” มะนาวทำตาโต อุทานเสียงดัง “สวยจังเลยค่ะ” ^^ “ขอบคุณนะคะ น้องมะนาวก็สวย สวยกว่าน้าปริมอีกค่ะ” “มะนาวอยากสวยเหมือนน้าปริมจังค่ะพ่อ” เด็กน้อยเอนซบไหล่หนา ออดอ้อน “อยากขาวด้วย” สองผู้ใหญ่หัวเราะ ก่อนที่เหนือตะวันจะบอกให้เปรมิกาวางถุงลงแล้วเขาก็ส่งลูกสาวสุดที่รักไปให้คนสวยอุ้ม โดยที่เขาหิ้วถุงเสื้อผ้ากับของกินและอะไรอีกจิปาถะเดินตามหลังสองสาวสวยต่างวัย แต่สิ่งที่เขาลืมไปคงจะเป็นเมียเก่าที่กำลังยืนกอดอกใบหน้าดำคล้ำอยู่หน้าบ้าน “มะนาวมาหาแม่” รมิดากดเสียงต่ำ ฉันผู้รักเด็กชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะก้มมองน้องมะนาวในอ้อมแขนตัวเองที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ‘สงสาร’ แต่ทำอะไรไม่ได้คือความจริง ฉันรอให้น้องส่งมือไปหาแม่ แต่น้องก็ยังเฉย ชั่วจังหวะนั้นผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ก็เดินเข้ามาดึงร่างเล็กออกไปจากอกฉัน “โอ๊ย!!” ที่ร้องไม่ใช่อะไรค่ะ เล็บคุณเธอขูดแขนฉันจนเป็นรอยแดงยาวเกือบสองนิ้ว จงใจรึเปล่าไม่รู้ ที่รู้ๆ คือคุณรมิดาควรรักษามารยาทหน่อยมั้ย “คุณกำลังทำลูกคุณเจ็บนะคะ” ก็ดูเธอกระชากสิ เด็กน้อยสี่ขวบทนไม่ร้องไห้ได้ก็ถือว่าเก่งมากเท่าไหร่แล้ว “อย่าสะเออะมาจับตัวลูกฉันอีก” เหนือตะวันก้าวขึ้นไปยืนเคียงข้างแฟนตัวปลอม ไม่ใช่เขาไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รมิดาแสดงท่าทางไร้มารยาท ‘ไม่แปลกเลยที่คุณแม่ของเขาจะไม่ชอบเธอ’ “อย่าให้มันมากนักริน มะนาวก็ลูกฉัน จะแปลกอะไรถ้าแฟนฉันจะอุ้มลูกบ้าง กลับเข้าไปข้างในแล้วนั่งรอฉันที่ห้องรับแขก เราคงต้องคุยกันยาว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD