นางร้ายสมัครงาน

2947 Words
“สวัสดีครับคุณไอยรา” ไอยรามองผู้ชายหน้าคมมีเคราตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ เธอมิเคยเจอชายใดที่หล่อเหลาดุดันแบบนี้มาก่อน ในชาติที่เธอจากมาเธอกำลังจะเข้าวัยปักปิ่นอยู่แท้ๆแต่กลับต้องมาตกบันไดหลงยุค ก่อนจะได้พบกับพี่หย่งเจี้ยนและพี่หย่งเซิงบุรุษที่เธอตั้งใจเอาไว้ว่าต้องได้ออกเรือนร่วมกับคนใดคนหนึ่ง ผู้ชายในโลกนั้นทุกคนมีผมยาวสลวยไม่เหมือนคนในโลกนี้ เหมือนชายตรงหน้านี่ที่ตัดผมสั้น เสยไปด้านหลัง 'หล่อเหลา' “มีอะไรรึเปล่าครับคุณไอยรา?” คำถามออกมาจากปากหนาที่แลดู ‘น่าพิศวาส’ สำหรับเธอ “มิมีอะไรค่ะ” “งั้นผมสัมภาษณ์เลยนะ” มองเอกสารสมัครงาน “จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะเปลี่ยนสรรพนามว่าฉันกับเธอ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ยอดข้าวพยักหน้า ที่เขาเรียกแบบนี้เพราะว่าไอยราอายุน้อยกว่าเขามากจะให้เรียกคุณก็ดูแก่ไป “เธอบอกว่าพูดภาษาจีนได้คล่อง” “เจ้าค่ะ” “หืออ อะไรนะ?” เหมือนเขาจะได้ยินว่า ‘เจ้าค่ะ’ นะ “เอ่ออ ใช่ค่ะ” ไอยรามีความประหม่า “คล่องแคล่วมาก” “แล้วความสามารถด้านอื่นล่ะมีมั้ย?” “_” ในหัวสมองกำลังประมวลว่าตัวเองทำอะไรเป็นบ้าง “คงจะเป็นบัญชีรึเปล่าคะ?” คนตรงข้ามเริ่มทำหน้าไม่ชอบใจอะไรคือเธอจะต้องมาย้อนถามเขาทั้งๆที่เธอเป็นคนถูกสัมภาษณ์ “ก็เธอจบบัญชีมาไม่ใช่เรอะ!!” “ค่ะ” พยักหน้า ยอดข้าวทำท่าเหนื่อยใจกับผู้หญิงตรงหน้า เธออายุน้อยกว่าเขาถึงสิบเจ็ดปีเกือบจะเป็นลูกสาวเขาได้ด้วยซ้ำหากเลขาคนสนิทไม่ลาออกตามสามีไปเมืองนอกเขาก็ไม่ต้องมาตามสัมภาษณ์คนสมัครใหม่ทุกคนหรอก ยิ่งผู้หญิงตรงหน้าพูดจา ‘แปลกๆ’ ไม่รู้ว่าเธอสติดีรึเปล่า ถามคำก็ทำหน้างงไม่รู้ว่าถ้าต้องทำงานกับเขาจะไปรอดมั้ย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาอยากจะเป็นสัมภาษณ์พนักงานใหม่เองทุกคนซึ่งคนนี้เป็นคนที่สามแล้ว “จริงๆแล้วเธอจบบัญชีแต่เธอมาสมัครเลขาคิดว่าจะผ่านรึเปล่าล่ะ” มองสาวน้อยตรงหน้าก็ยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้นเมื่อเธอยังคงทำท่าทางเอ๋อๆ “บางครั้งก็ต้องออกต่างจังหวัด ไปได้มั้ย?” คำถามพื้นๆสำหรับงานเลขาทั่วไปเขามองว่า ‘ไอยราน่ารักมาก’ แต่ก็นั่นล่ะ เรื่องงานกับเรื่องน่ารักมันคนละเรื่องกัน “เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า?” ไอยรากำลังประมวลคำถาม จริงๆแล้วเธอเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อสามเดือนก่อนจะบอกว่าสติในยุคนี้ยังไม่เต็มก็คงจะใช่ อย่างน้อยการพูดออกมาแต่ละอย่างก็ต้องประมวลถ้อยคำออกมาให้ถูก “เข้าใจว่างานไม่ถูกต้องใช่หรือไม่?” คนฟังขมวดคิ้วชนกันเริ่มประมวลคำพูดของเธอ ‘คำตอบออกมาเป็นคำถามงงๆ’ “ใช่!! เธอไม่ผ่านกลับไปเลย” ยอดข้าวลุกขึ้นยืนเก็บของแล้วเดินหนีเข้าห้องทำงานใหญ่ของตัวเองทันที ทิ้งสาวน้อยน่ารักนั่งงงกับตัวเองว่าเขาบอกเธอว่าไม่ผ่านแต่อะไรคือการเดินหนีกันแบบนี้หันมองรอบๆก็ไม่มีใครแล้ว นี่คือชั้นหกและเป็นห้องทำงานส่วนตัวของท่านรองกรรมการผู้จัดการหน้าดุที่เธอชอบใจตั้งแต่แรกเห็นและแน่นอนว่ายากที่จะปล่อยผ่าน หากเป็นไอยราคนก่อนก็คงเดินลงลิฟท์ไปแล้วแต่กับไอยราคนใหม่ที่ข้างในจิตใจเป็นจูเหม่ยเซียนผู้คอยตามติดชายที่ตนพึงใจก็คงต้องลอง ‘ตื้อ’ ดูก่อน ไม่ได้อย่างหนึ่งก็ต้องได้อย่างหนึ่ง ก่อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนคนด้านในเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นสาวน้อยหน้าใสที่สมัครงานเมื่อกี้ยื่นหน้าเข้ามา “คุณให้ฉันกลับหรือคะ” “เออ!!” “คือฉัน..มิรู้เส้นทางกลับและฉันลงลิฟท์ไม่เป็น ฉันกลัวค่ะ..หากไม่ว่าอะไรคุณไปส่งฉันด้านล่างได้หรือไม่คะ?” คำขอร้องแบบแปลกๆดังออกมาจากปากเล็กบางสีพีช ยอดข้าวนั่งหน้าเคร่งคล้ายกับโดนยั่วอารมณ์โมโห ตอนเธอขึ้นมาถึงหน้าห้องเขา มีพนักงานฝ่ายบุคคลพามาส่งด้านบนส่วนเขานั่งอยู่ในห้องทำงานพูดคุยธุระอยู่ เมื่อออกจากห้องมาตรงโต๊ะของเลขาคนเก่าด้านหน้าเขาเห็นอยู่ว่าเธอนั่งอยู่คนเดียว รองกรรมการผู้จัดการรู้สึกหงุดหงิดทันที “ได้มั้ยคะ?” เสียงใสพูดขึ้นอีกครั้ง ท่านรองลอบถอนหายใจหนักหน่วงแต่ก็ยอมลุกขึ้น ‘ทำไมคนหน้าดุเหมือนโจรแบบเขาต้องมาเสียมาดขรึมเพราะเรื่องงี่เง่าแบบนี้ซ้ำๆนะ’ เขาเดินนำผู้หญิงน่ารักไปจนถึงลิฟท์ก่อนจะกดปุ่มและรอเพราะ ‘เธอบอกว่าลงลิฟท์คนเดียวไม่ได้’ ความจริงตัวเขาจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้ก็คงไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่ทำ ไอยรายืนยิ้มกริ่มอยู่ด้านหลังอย่างชอบใจ ผู้ชายตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงตั้งแต่แรกพบคล้ายๆกับเป็นความรักที่แท้จริงหาใช่ความรักเฉกเช่นเด็กน้อยในชาติที่แล้วที่เธอแอบรักองค์ชายสองพระองค์ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเธอคอยขัดขวางสตรีงดงาม โดดเด่นมากมายให้พ้นทาง แต่ยุคสมัยนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันมั้ย ‘อืมม’ ผู้ชายคนนี้สูงกว่าตัวเธอมากกว่าสองคืบหรือเป็นเพราะเธอตัวเล็กรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ มองดูไหล่เขา ‘แข็งแรงสมชายชาตรี’ เธอจะทำยังไงดีนะ..จะทำยังไงให้เขารับเธอเข้าทำงาน ติ้ง!!!!! เสียงลิฟท์เปิดออก ท่านรองสุดหล่อเดินนำเข้าไปด้านใน วันนี้เขานึกเสียใจสุดๆที่สั่งปอนด์คนขับรถไปเอางานอ**บริษัทหนึ่ง ทั้งๆที่ปกติปอนด์จะคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องนี้แท้ๆ ติ้ดๆๆ เสียงกดปุ่มด้านในจากชั้นหกลงไปชั้นหนึ่ง ภายในลิฟท์มีเพียงคนสองคนยืนอยู่ด้วยกัน จนท้ายที่สุดฝ่ายหญิงก็ทนไม่ไหว “คุณจะไม่รับฉันเข้าทำงานจริงๆเหรอคะ?” “คุณสมบัติเธอไม่ผ่าน” และไม่ผ่านหนักมากก็ตอนที่บอกให้ฉันมาส่งข้างล่างนี่ล่ะ ‘เขาบ่นในใจ’ “แต่ฉันเรียนจบมานานแล้วยังมิมีงานทำนะคะ..คุณจะมิลองให้หนูทำงานกับคุณก่อนเหรอ?” “_” คนฟังทวนคำ ‘หนูเหรอ’ “สักหนึ่งอาทิตย์ดีมั้ยคะ?” ไอยรายิ้มน่ารัก ยอดข้าวมองสาวน้อยวัยขบเผาะพูดจาอ้อนวอน บ่อยครั้งที่เขาเจอสถานการณ์แบบนี้เขาก็แค่ปล่อยผ่านแต่วันนี้ทำไมอะไรๆมันถึงรีบมือยากไปหมด เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะตอบตกลงจึงรีบหันหน้าหนีทันที “มันไม่ตรงสายงาน” “คุณก็สอนฉันไม่ได้เหรอคะ?” ติ้ง!!!!เสียงลิฟท์ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ไอยราทำหน้ามุ่ยเมื่อหนุ่มหล่อในดวงใจไม่ยอมตอบตกลง นับจากวันนี้เธอกับเขาก็คงไม่มีทางจะได้เจอกันอีก “ออกไปได้แล้ว หวังว่าคงจะไม่เสียมารยาทให้ฉันเดินไปส่งที่รถใช่มั้ย?” ไอยราหน้างอง้ำ “อยากให้ไปส่งที่รถค่ะ วันนี้คุณพ่อมาด้วยเผื่อคุณจะเกรงใจพ่อฉันแล้วรับฉันเข้าทำงาน” “ฝันไปเถอะ..ออกไปได้แล้ว” ไอยราตัดสินใจเดินออกมาจากลิฟท์ที่เธอบอกว่ากลัว ‘ก็จริงๆแล้วไม่กลัวสักหน่อย’ ทำหน้าเศร้าแต่ยังคงคิดเข้าข้างตัวเองว่า หากเขาและเธอคือเนื้อคู่กันยังไงก็ต้องได้เจอกันอีกแน่ ‘เธอยังไม่ถอดใจ’ “ท่านรองครับ” เสียงปอนด์ดังขึ้นหน้าลิฟท์ ก่อนจะเดินเบี่ยงตัวเข้าไปและประตูลิฟท์ก็ปิดลงท่ามกลางสายตาเศร้าสร้อยของไอยรา --+++++-----++++++ ในลิฟท์ที่กำลังเลื่อนขึ้นไปบนชั้นห้า “เอกสารจากผู้บริหารคนใหม่จากสาขาย่อยครับ” ยอดข้าวรับซองนั้นมาเปิดดู เนื้อความข้างในทำให้เขานึกอยากจะปาซองนี่ไปให้พ้นๆ “ทำไมไม่เอาซองที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษมาล่ะไอ้ปอนด์” ด่าคนขับรถ+เลขาเฉพาะกิจ “หมดครับมีแต่แบบนี้ไล่แจกให้ผู้บริหารระดับสูงก่อนประชุมครับ” ประชุมที่ปอนด์ว่าก็คืออีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าเป็นการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ของผู้บริหาร เอกสารในมือยับยู่ยี่ไปหมดเพราะถูกท่านรองกำจนแน่น มาดขรึมหายไปอีกครั้งพร้อมกับคำสั่งด่วน “มึงลงไปตามผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์ให้ขึ้นมาบนนี้เร็วที่สุด!!” ติ้ง!!!! ลิฟท์เปิดออกที่ชั้นสิบก่อนที่ยอดสนจะก้าวเดินออกไปปล่อยให้ปอนด์รีบไปทำหน้าที่ เมื่อเข้าไปถึงด้านในห้องทำงานส่วนตัว ยอดข้าวปาเอกสาร ‘ภาษาจีน’ ลงกับพื้นอย่างแรง “ก็ให้มันได้อย่างนี้สิ” ----+++---++++++--- ปอนด์วิ่งวนหาคนหน้าตึกอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ป่านนี้ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะกลับไปแล้วล่ะนะ สายตาสอดส่องไปทั่วจนเกือบจะถอดใจก่อนจะเจอเข้า ‘นั่นไง’ สาวน้อยในชุดเดรสสีฟ้าหน้าลิฟท์ตาคมหวานผมยาว “น้องครับน้อง!!” ตึ่กตั่กๆๆ ตะโกนเสียงดังก่อนจะไปถึงตัว ยังดีที่น้องคนนี้ยืนซื้อชาไข่มุกอยู่ รอบๆบริเวณมีคนหลายคนหันไปตามเสียงเรียก ไอยราหันซ้ายมองขวาก่อนจะเห็นว่าผู้ชายคนนั่นเรียกเธอและเดินตรงมาทางนี้ “ฉันเหรอคะ?” ชี้ตัวเอง “ครับ น้องนั่นล่ะท่านรองให้มาตามไปพบด่วนครับ?” หอบหายใจ “มีเรื่องใดคะหรือว่ารับฉันเข้าทำงานแล้ว?” “ไม่ทราบครับ..แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องแปลภาษาจีน” ไอยรายืนนิ่งคิด ‘ภาษาจีนรึ’ ในใจแอบยกยิ้ม “ถ้าท่านรองไม่รับฉันเข้าทำงานฉันก็ไม่ไปหรอกค่ะ” เธอหันกลับไปรับชาที่มีมุกข้างใน ‘แน่นอนว่าตั้งแต่รู้จักและชิมรสชาติก็ทำให้เธอชอบมันมาก’ เธอส่งเงินใบสีแดงที่เรียกว่าแบงค์ร้อยให้แม่ค้าพร้อมกับรับเงินทอนแล้วเดินออกจากหน้าร้านทันทีโดยไม่สนใจใครอีก หางตาเหลือบมองผู้ชายคนนั้นกดโทรศัพท์ที่เอาไว้ใช้สื่อสารพร้อมกับที่เธอเดินมาถึงรถเห็นพ่อนนท์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตรงม้านั่งใกล้ๆ “พ่อนนท์คะ” เธอเรียกแบบนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างของไอยรา “หนูไม่ผ่านค่ะเรากลับบ้านไปหาแม่จ๋ากันเถอะ” “งั้นเหรอ” พ่อนนท์ลุกขึ้นเก็บหนังสือพิมพ์กับกาแฟ “ไม่เป็นไรดีเสียอีกพักผ่อนอยู่บ้านไปก่อน” “รอก่อนครับ!!! คุณไอยรา” ปอนด์ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำมาให้สาวน้อยหน้าใส “ท่านรองจะพูดสายด้วยครับ” ไอยราหันมองพ่อนนท์ของตัวเองเห็นท่านพยักหน้าจึงยื่นมือไปรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมาแนบหูกรอกเสียงหวาน “คะ?” เสียงปลายสายทุ้มนุ่มทำให้ใจดวงน้อยสั่น “ขึ้นมาช่วยงานฉันแล้วฉันจะรับเข้ามาเป็นเลขา” ปากบางยิ้มกว้าง “ค่ะเดี๋ยวดิฉันขึ้นไป” ยื่นโทรศัพท์คืนกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักชื่อแต่ก็รู้ว่าเป็นคนของท่านรอง ไอยราหันมาหาพ่อของตัวเอง “พ่อนนท์ขาหนูขึ้นไปทำงานนะคะ ท่านรองเขาตกลงรับหนูแล้ว” “งั้นพ่อกลับเลยใช่มั้ย?” พ่อนนท์ถามแต่สายตามองไปทางผู้ชายคนนั้นที่วิ่งมาตามลูกสาว แม้จะยังงงๆแต่ก็คิดว่าดีแล้วที่น้องไอมีงานทำ “ครับ คุณพ่อกลับก่อนเลยก็ได้เวลาเลิกงานปกติคือห้าโมงเย็นนะครับ” ปอนด์รีบบอก “ตอนนี้ผมขอพาคุณไอยราขึ้นไปดูงานด่วนก่อนนะครับ” พ่อนนท์เพียงพยักหน้าก็ไม่คิดว่าอะไรๆมันฉุกละหุก เร่งรีบขนาดนี้ “ไปเถอะ มีอะไรก็โทรหาพ่อนะหนูไอ” “เจ้าค่ะ” J ลูกสาวยิ้มน่ารัก หันหลังเดินตามผู้ชายที่ยืนรอเหมือนกับเร่งเธอยิกๆ พ่อนนท์เงยหน้าขึ้นมองโรงแรมใหญ่ที่ลูกสาวมายื่นใบสมัครทิ้งไว้ก่อนที่จะตกบันไดเมื่อสี่เดือนก่อน ผู้บริหารของโรงแรมนี้มีหลายคนแต่ผู้ที่ถือหุ้นมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ชื่อคุณสาธิต เดชพิทักษ์ ดำรงค์ตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการระดับสูง มีลูกชายชื่อคุณยอดข้าวกับคุณทิวไผ่ เดชพิทักษ์ ภรรยาชื่อคุณมะยม ด้วยชื่อเสียงของโรงแรมนี้ถือว่าดีมากในระดับหนึ่ง เขาคงไม่ต้องห่วงอะไรกับการทำงานครั้งนี้ของลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งจะหายป่วยได้ไม่นาน 'ตอนเย็นค่อยมารอรับ’ สองขาคนเป็นพ่อก้าวขึ้นรถและขับออกไปจากหน้าบริษัทอย่างไร้กังวล ---+++++--++++++------- ในห้องทำงานบนชั้นหก “เธอโชคดีมากนะไอยราที่วันนี้พนักงานด้านภาษาของฉันไม่อยู่สักคน” ยอดข้าวพูดถึงงานในวันนี้ต่อทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลา เขายื่นเอกสารภาษาจีนให้สาวน้อยที่บอกเขาว่า ‘อ่านได้คล่องแคล่ว' “อ่านให้ฉันฟังก่อนภายในสิบนาที” เวลาที่เหลือจำกัด15นาทีทำให้ต้องเร่งรีบตอนนี้เขาต้องการรู้จักผู้บริหารคนใหม่ที่ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะมีการประชุม แน่นอนว่าการประชุมผู้บริหารทุกครั้งจะเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเรื่องนั้นหายห่วงเพราะเขาพูดได้คล่อง ไม่เหมือนภาษาอื่นที่ต้องใช้คนแปล ไอยราหยิบกระดาษที่ถูกเย็บติดกันประมาณสามแผ่นขึ้นมาดูเธอเห็นว่าเป็นการแนะนำตัวของคนจีนคนหนึ่งและรายละเอียดเรื่องการศึกษา การทำงานที่ผ่านมาของเขา เสียงแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทยดังออกมาจากปากเล็กๆสีพีชดูดดึงสายตาคมกริบได้ดี “นายจาง ชินยี อายุ45ปีเข้าสู่วงการธุรกิจการโรงแรม ฯลฯ” เสียงใสอ่านรวดเดียวทั้งหมดสามหน้าอย่างไม่มีตะกุกตะกัก ‘เพราะมันเป็นภาษาที่โลกเดิมของเธอใช้อยู่แล้ว’ สร้างความพึงพอใจให้ท่านรองได้มากทีเดียว พึ่บ!!! เสียงเก็บกระดาษลงตรงหน้าโต๊ะเรียกสติของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ยอดข้าวเห็นผลงานแล้วก็ไม่คิดจะคืนคำ จากนี้คงจะต้องสอนเลขาคนนี้จนกว่าจะเป็นงานเพราะเธอไม่ได้จบมาตรงสาขาและนั่นก็คงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องแก้กันไปทีละวัน “เอาล่ะหลังจากนี้อีกห้านาทีตามฉันเข้าไปในห้องประชุมใหญ่เพื่อประชุมวิดีโอ..ไปบอกปอนด์ด้วยว่าให้เรียกผู้จัดการทุกแผนกเข้าห้องประชุมหัวกวาง(ชื่อห้อง) ในอีก5นาทีใครไม่เข้าประชุม พักงานเลย” เพราะว่าพนักงานทุกคนควรจะรู้จักผู้บริหาร ไม่ใช่เจอแล้วมองผ่านเพราะไม่เคยเห็น ไอยราลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งของเจ้านายหมาดๆของเธอ วันนี้คือการทดลองงานวันแรกดังนั้นจะต้องทำให้สุดฝีมือถึงแม้จะไม่ตรงสายงานก็เถอะ ออกมาด้านนอกของห้องทำงาน เจอเข้ากับผู้ชายที่วิ่งตามหาเธอด้านล่างรู้สึกว่าจะชื่อ ‘ปอนด์’ “คุณคะ?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ โต๊ะของปอนด์เป็นโต๊ะเล็กๆใกล้ๆกับที่นั่งของตำแหน่งเลขา เขาเฝ้าอยู่ตรงนี้ทั้งวันเผื่อเจ้านายจะออกไปไหนสั่งงานอะไร ทุกอย่างจะได้ทำทันที “ครับ” “ฉันเรียกคุณว่าพี่ได้มั้ยคะ?” คำถามน่ารักพอๆกับคนถามทำให้ปอนด์หน้าแดงไปหมด “ได้ครับ” J J “ท่านรองบอกว่าให้พี่บอกผู้จัดการทุกแผนกให้เข้าประชุมในห้องหัวกวางภายในห้านาที ใครมาไม่ทันพักงานค่ะ” ครบทุกถ้อยทุกคำ’เรื่องความจำไว้ใจข้าได้’ “ครับน้อง?” “เรียกน้องไอก็ได้ค่ะ..จากนี้ไปฝากตัวด้วยนะคะ” คนน่ารักยิ้มหวานพาให้หัวใจคนขับรถกระชุ่มกระชวยมากกว่าพี่แก้มเลขาคนเก่าหน้าแก่เยอะแยะเลย “ครับ” ปอนด์ยิ้มแล้วยกโทรศัพท์ภายในโทรหา ผจก.แต่ละแผนกจนเรียบร้อย เขาหันมามองน้องไอแล้วพูดว่า “น้องไอต้องเตรียมเอกสารเตรียมจดโน๊ตให้ท่านรองด้วยนะ ตามหน้าที่ของเลขาเจ้านายไปไหนน้องก็ต้องไปทุกที่พร้อมกับกระดาษจดโน๊ต” ไอยรารับฟังคำสอน เธอก้มลงมองของในลิ้นชัก ด้านในมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมายแต่จะให้จำภายในวันนี้คงไม่หมด แกร่ก!!! เสียงประตูห้องทำงานใหญ่เปิดออกมาพร้อมกับท่านรองหน้าดุ เขามองเธอเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรเดินผ่านไปหาลิฟท์ “ตามท่านรองไปสิน้องไอ” “ค่ะ!!” ไอยราหยิบแฟ้มกระดาษเปล่าเตรียมจดงานอย่างที่ปอนด์ได้บอกไว้ติดมือไปด้วย ประตูลิฟท์เปิดมาพร้อมๆกับที่ตัวเธอเดินไปถึงพอดี เจ้านายหน้าดุกับเลขาคนใหม่เดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกัน ‘ก็หวังว่ามันจะราบรื่น’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD