ผิดที่?
“ว๊ายยย คุณหนู!!” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่จูเหม่ยเซียนได้ยินก่อนที่สติของนางจะดับวูบไป
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทย (ยุคปัจจุบัน2023)
“อืมมม” เสียงงัวเงียดังออกมาจากปากบางสวยของคนที่นอนหลับมานานถึงหนึ่งสัปดาห์ พาให้คนที่นั่งเฝ้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วงอยู่ทุกวันรีบลุกขึ้นจากโซฟา
“น้องไอลูก” แม่จ๋าลูบหัวลูกคนเล็ก “ไอได้ยินแม่ไหมคะ?”
เสียงสตรีดังขึ้นด้านหน้าคล้ายๆ ว่ากำลังร้องเรียกนางอยู่ ความมึนงงตีวนในหัวสมองราวกับเรียบเรียงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนอ่านหนังสือเล่มสีดำและฉากก็ตัดไปที่หญิงสาวคนนั้นตกจากบันไดที่ไหนสักแห่ง ด้วยความตกใจเธอจึงส่งเสียงร้อง “ว๊าย!” รีบลุกขึ้นนั่ง
“น้องไอ!”
เสียงเรียกเดิมดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้เธอต้องหันไปมองผู้หญิงตรงหน้าคาดว่าคงอยู่ในวัยกลางคน ความแปลกใจฉายชัดอยู่ในแววตา ไร้เสียงตอบกลับ ไร้เสียงพูดคุย สองตาของคนบนเตียงหันมองไปรอบๆ ห้องสีขาวแปลกตา คำตอบของสิ่งที่เธอสงสัยปรากฏขึ้นมาในหัวราวกับเธอรู้จักและเคยใช้มัน ไม่ว่าจะเป็นกล่องรูปร่างสี่เหลี่ยมสีดำที่ตั้งอยู่ปลายเตียงซึ่งมันถูกเรียกว่า ‘ทีวี’ มองไปทางหน้าต่าง ‘กระจกใส’ มองเห็น ‘ตึก’ มากมายหาใช่ต้นไม้ใบหญ้าช่างน่าแปลกที่เธอรู้ชื่อของมัน เธอหันกลับมามองผู้หญิงตรงหน้าที่ดูจะมีความกังวลออกมาชัดเจน ‘แม่จ๋า’ คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว ความห่วงใยฉายชัดออกมาจากแววตาของคนตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกอึดอัดในใจ ‘ท่านแม่’
คำถามเดิมถูกกล่าวออกมาอีกครั้ง “เป็นยังไงบ้างคะลูก”
“_” ผู้ฟังน้ำตารื้น
“เมื่อกี้หนูร้องเสียงดังมากเลยนะเจ็บตรงไหนรึเปล่า บอกแม่สิคะ” แม่ของเธอโอบกอดและลูบผมของเธอเบาๆ ความรักบอกผ่านความรู้สึกโอบกอดทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยกมือสองข้างขึ้นกอดตอบ
“ข้ามิเป็นไร...ท่านแม่” แม้ท่านแม่ตรงหน้าไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับท่านแม่จริงๆ ของเธอสักนิดแต่ความรู้สึกรักที่ถ่ายทอดออกมามันคือของจริงหาใช่เสแสร้ง
คนเป็นแม่ขมวดคิ้วมุ่นผละกอดออกมามองหน้าลูกสาว “ลูกว่าอะไรนะคะน้องไอ?”
คนนั่งอยู่บนเตียงทำเพียงเอียงคอมองไม่พูดตอบและเห็นท่านแม่ของเธอเอื้อมมือไปกดอะไรสักอย่างบนหัวเตียงที่มีสายอะไรก็ไม่รู้มากมายเต็มไปหมด ‘เครื่องมือหมอ’ คำนี้ติดอยู่ในห้วงความคิดก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงอีกครั้งเผื่อว่าเหตุการณ์กับสถานที่แปลกๆ แห่งนี้จะหายไป ในหูยังคงได้ยินเสียงเปิดประตูและคนเดินไปมา
หมับ!! หมับ!! เนื้อตัวถูกจับจากคนหลายคนจนเธอรีบลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ “อ๊าย ถอยไปนะ!!!” ตวาดขึ้นเสียงดังมองคนประมาณห้าหกคนส่วนมากเป็นผู้หญิงในชุดสีขาวบนหัวมีหมวกอะไรสักอย่าง ‘พยาบาล’ คือชื่อเรียกที่ผุดออกมา
“น้องไอ! อย่านะคะนั่นพยาบาล เขาจะมารักษาหนู”
ท่านแม่หรือแม่จ๋าในความคิดของเธอบอกขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นกังวลทำให้เธอผู้หลงมาอยู่ต่างภพต้องหยุดดิ้น หยุดร้อง ทุกสิ่งที่พยาบาลทำ ทุกสิ่งที่แม่จ๋าพูดเธอล้วนเข้าใจว่ามันคือการรักษา เข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงอยากให้เธอหาย…แต่ความขัดแย้งภายในมันทำให้เธออยากจะปฏิเสธออกมา
หลังจากคนไข้หยุดดิ้น หยุดโวยวาย พยาบาลจึงฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปในตัวคนไข้
จังหวะที่เข็มแทงผิวกายความเจ็บทำให้เธอรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป ในห้วงความฝัน…จูเหม่ยเซียนในร่างของไอยรายืนมองจวนสกุลจูที่แสนคุ้นเคย เธอเห็นสาวใช้คนสนิท ‘จินเมี่ยว’ ยกอ่างน้ำหายเข้าไปในเรือนของเธอ ด้านในนั้นเธอมองเห็นตัวจริงของตัวเอง ‘จูเหม่ยเซียน’ นั่งอยู่บนเตียงตรงหน้าผากมีรอยบวมปูดจากการตกบันได เสียงพูดคุยดังออกมาจากสองนายบ่าวตรงหน้า
“คุณหนูจะไปร่วมงานประชันสาวงามยามใดเจ้าคะ?”
“ข้าจะไปยามเซิน (15.00)”
“เหตุใดจะไปยามเซินเล่าเจ้าคะ ถ้าเราไปถึงยามนั้น การประช้นสาวงามคงจะใกล้จบแล้ว”
“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ เรามิได้เข้าร่วมประชันสาวงามเสียหน่อยเหตุใดต้องรีบไปกันเล่า”
“อ่อ เป็นเช่นนั้น”
เสียงสองนายบ่าวยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดสนใจเจ้าของร่างที่แท้จริงที่กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ข้างๆ จนถอดใจ เธอเดินออกมาจากเรือนเล็กหลังนั้น ระหว่างทางพบกับชายชราในชุดสีขาวยืนอยู่ใกล้ๆกับศาลา คนผู้นั้นกวักมือเรียกนาง “มานี่สินังหนู”
จูเหม่ยเซียนในร่างของไอยราเดินตามคำชักชวน “ท่านตาคือผู้ใดเจ้าคะ มาอยู่ในจวนข้าได้อย่างไร?”
“จวนของเจ้ารึ?”
“_”
“ข้าอยู่ที่จวนนี้มาหลายร้อยปี มองเห็นเจ้าตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบใหญ่และสิ้นบุญ”
“สิ้นบุญรึเจ้าคะ? หาได้เป็นเช่นนั้นตัวข้ายังอยู่ตรงนี้” สีหน้าตกใจ
“เจ้าสิ้นบุญจากชาติภพนี้แต่ยังมิสิ้นบุญจากชาติภพอื่น สองคนสองชาติไปจุติยังภพภูมิที่มิใช่ของตนเองตั้งแต่แรกจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่มิเป็นไร ทุกอย่างกำลังจะลงตัวแล้ว ไปเถิด กลับไปเสียนับจากนี้จวนสกุลจูมิใช่ที่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ชายชรายกมือโปร่งใสนั่นลูบหัวของนางความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง “ขอให้เจ้าโชคดีมีความสุขกับชาติภพใหม่ที่แท้จริงของเจ้า” วูบ!!
เฮือก! ไอยราสะดุ้งออกมาเฮือกใหญ่ เธอมาตรงจุดที่นอนมองเพดานสีขาวอีกครั้งพร้อมหอบหายใจแรงๆ ราวกับวิ่งมาไกลมาก ‘ชายชราผู้นั้นคือใครกัน’ คำถามนี้ดังวนอยู่ในสมองอย่างไม่ยอมจางหายเธอเหลียวมองในห้องนอนขาวสะอาดตา ห้องเดิม ครั้งนี้ไม่มีคนอยู่ในห้องเหมือนครั้งแรก เธอก้มลงมองแขนเรียวขาวของตัวเองพร้อมกับหยิกเข้าไปเต็มแรง “อ่ะ!!” ความรู้สึกเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่ความฝัน คำพูดของชายชราผู้นั้นยังดังก้องอยู่ในหัว ‘ภพชาตินั้นเธอสิ้นบุญแล้ว’ เหลือแต่ภพชาตินี้ที่เธอต้องใช้ชีวิตต่อไป ไม่มีท่านพ่อท่านแม่คนเดิม ไม่มีจวนเดิม ไม่มีสาวใช้ อะไรๆ ล้วนต้องเริ่มใหม่หมดทุกสิ่ง แม้จะตกใจแต่การกรีดร้องในยามนี้มิใช่เรื่องดีนักเพราะเธอจำได้ว่าพยาบาลมากหน้าหลายตาจะเข้ามาล้อมจับตัวและฉีดยา ‘นอนหลับ’ ให้เธอนอนสงบๆ แน่ ความอยากรู้อยากเห็นมีมากมายยิ่งกว่าสิ่งใดสองขาเรียวในชุดสีฟ้าก้าวลงจากเตียงด้วยเท้าเปลือยเปล่า ความเย็นของพื้นห้องสามารถยืนยันได้ว่าเธอยังมีความรู้สึก หน้าต่างคือจุดมุ่งหมายของการเดินในครั้งนี้…จนปลายเท้าหยุดลง “_” สิ่งที่เห็นนอกหน้าต่างช่างเหนือความคาดหมาย ‘ตึก’ สูงมากมายรายล้อมทำให้ตาโตเบิกกว้างเธอก้มมองด้านล่างเห็น ‘รถ’ วิ่งสวนไปมามากมายเต็มไปหมด ที่แห่งนี้ไร้ภูเขา ไร้ต้นไม้ ใจเธอเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งกับสภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองต้องพบเจอ ทุกสิ่งที่เธอหันมองมีชื่อของสิ่งนั้นๆ ปรากฎขึ้นมาในหัวอย่างเดาได้ไม่ยากเพราะร่างเดิมรู้จักมัน เหนือสิ่งอื่นใดในยามนี้เธอควรจะดีใจที่ตนเองยังไม่ตายแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ผิดที่ก็ตาม
ไอยราเดินกลับมาหยุดยืนตรง ‘โต๊ะเครื่องแป้ง’ สำรวจรูปร่างท่าทางของตัวเองในชาติภพนี้ ใบหน้าขาวใสดูน่ารัก ผมยาวเลยบ่ารูปร่างสูงกว่าร่างเดิมของเธอเล็กน้อย ท่าทางเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง เธอมองตัวเองอยู่แบบนั้นจนพอใจแล้ว จึงเดินไปนั่งบนเตียงเงียบๆ คล้ายกับกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวที่ไหลวนเข้ามาไม่ได้หยุด
แกร่ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ‘พี่อาร์ม’ คือชื่อเรียกของผู้ชายคนนี้…เขาเป็นพี่ชายเธอ
“ไงครับคนสวย เป็นไงบ้างเราน่ะ” ของกินมากมายถูกวางลงบนโต๊ะ “ได้ข่าวว่าตื่นขึ้นมาก็ร้องโวยวายเลยเหรอเรา” มือใหญ่จับหัวของเธอลูบเบาๆ สัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยในแววตาได้ดี “อยู่โรงพยาบาลหลายวันแล้วนะไม่เบื่อเหรอ”
“พี่ใหญ่” ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
พี่ใหญ่เหรอ?