[Chapter 10] North

3269 Words
"สตีล" "อีธาน?" ฉันฝันถึงอีธานอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาในสภาพน่ากลัวอย่างที่ผ่านมา ไม่ได้มีเลือดและความโกรธแค้นในแววตาคู่นั้น อีธานอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะสีดำคู่ใจของเขา นั่นเป็นชุดตัวโปรดของอีธานเวลาที่เราไปทะเลด้วยกัน สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดูปลอดภัยทำให้ฉันกล้าพอที่จะเดินไปหาและกล้าจะกอดเขา อีธานลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน "เชื่อรึเปล่าว่านี่เป็นความฝัน?" "แหงสิ ก็คุณตายไปแล้วนี่" อีธานหัวเราะ แต่ฝันนี้มันเหมือนจริงชะมัด ความรู้สึกที่ได้ล้างแค้นเด็กผมแดงนั่นทำให้ฉันสบายขึ้นรึเปล่านะ? เพียงแค่หนึ่งปัญหาที่หายไปก่อนที่ปัญหาอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นมาเหมือนการตัดหัวไฮดรา ตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากจะใช้เวลากับอีธานให้นานที่สุด อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป "คุณยังหันหลังกลับได้นะ ใช้ชีวิตที่คุณสมควรมี" "ฉันต้องทำ คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนแบบนี้" อีธานคิดเสมอมาว่าฉันไม่เหมือนคนในองค์กร แต่ฉันก็เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ ฉันเป็นตัวแทนความตายที่พรากชีวิตคนอื่น...ถ้ามีเงินมากพอ ฉันจึงไม่เคยมั่นใจในคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก อีธานปล่อยมือจากอ้อมกอดและมองหน้าฉัน "แต่ผมมองเห็นสตีลคนนั้นอยู่นะ อย่าให้อะไรเปลี่ยนแปลงคุณได้" ฉันตื่นจากฝันในห้องโล่งที่ไม่มีอะไรนอกจากโต๊ะเหล็กตัวหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ส่วนนีโอคงโดนฆ่าหมกท่อไปแล้วล่ะถ้าคนที่จับฉันมาคือคนในองค์กร จนเมื่อมีสาวผมบลอนด์เปิดประตูเข้ามาพร้อมเครื่องจับเท็จขนาดใหญ่ โอเค...เค้นข้อมูลสินะ ฉันจ้องสาวคนนั้นตั้งแต่ที่เธอเปิดประตู้เข้ามาจนเมื่อเธอเตรียมติดตั้งอุปกรณ์ สายตาที่จ้องไม่กะพริบทำให้เธอหันมาและยิ้มทักทาย "สวัสดีค่ะคุณสตีล ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ" "เราเคยเจอกันหรอ?" ฉันถามด้วยความสงสัย เธอส่งรอยยิ้มกลับมา "ฉันจำทุกคนในองค์กรได้หมดค่ะ มันเป็นพรสวรรค์ของฉันน่ะ ฉะนั้นจึงเป็นเกียรติมากที่ได้พบตำนานอย่างคุณ" เธอพูดพร้อมกับพันเครื่องวัดความดันที่ต้นแขน หนีบเครื่องวัดอุณหภูมิที่นิ้วชี้และนิ้วนางขวาของฉัน และสุดท้ายก็รัดเครื่องจับความเคลื่อนไหวของปอดไว้รอบลำตัว ฉันไม่เคยชินกับเจ้าเครื่องนี้ได้เลยสักครั้ง แต่วิกโก้เคยสอนวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกจับได้ ฉันไม่แน่ใจนักว่าวิธีนั้นจะยังได้ผลอยู่รึเปล่า หลังจากที่สาวความจำดีคนนั้นออกไปก็มีอีกคนเปิดประตูเข้ามา คราวนี้ฉันจำเธอได้ เพราะจะมีผู้หญิงซักกี่คนกันที่กล้าโกนหัวตัวเองออกซีกนึงแถมยังสักลายงูบนนั้น 'อแมนดา ยัง' อแมนดาเคยอยู่หนึ่งในรายชื่อคนในองค์กรที่ฉันไม่อยากคบค้าสมาคมด้วยอีก ฉันไม่ได้เกลียดเธอจนขนาดที่ว่าไม่อยากเจอหน้าขนาดนั้นหรอกนะ จำได้ว่าฉันทำงานภาคสนามครั้งแรกโดยมีอแมนดาเป็นคนดูแล เราบุกมาถึงรังของพวกคู่แข่งก่อนจะถูกรายล้อมด้วยคนที่พร้อมจะฆ่าเรา ฉันและอแมนดาหลบอยู่หลังที่กำบังอย่างหมดหวัง "เราจะตายแบบนี้ใช่มั้ย?" ฉันพูดตลกร้าย "แค่งานแรกฉันก็ทำพังซะแล้ว" "พูดเป็นลางไปได้" เธอกล่าวพลางปลดแม็กกาซีนปืนออกมา เราเหลือแม็กปืนกลแค่คนละสองรวมเป็นสี่แม็กกาซีน ปืนพกกับระเบิดมืออาจจะพอให้เราฝ่าวงพวกมันไปได้ ระหว่างที่เธอกำลังเช็กอาวุธอยู่ฉันก็ทันเหลือบไปเห็นหนึ่งในพวกนั้นกำลังเดินมาจากด้านหลังพร้อมปืนกลในมือ "อแมนดา!" ฉันรีบหันปืนยิงใส่เขา เป็นจังหวะที่เขายิงสวนกลับมาเช่นกัน และฉันก็ไวพอจะรู้ว่ากระสุนนัดนั้นกำลังพุ่งมาหาอแมนดาจึงรีบผลักเธอให้พ้น ฉันกัดฟันหลังจากรู้ว่ากระสุนร้อนๆ ทะลุผ่านผิวหนังเข้ามาแล้วจากด้านหลัง เสื้อกันกระสุนไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยฉันคิดว่ามันไม่น่าจะโดนจุดสำคัญ "สตีล...เฮ้! ยัยเด็กบ้า" "โดนยิงมันแย่จริงๆ ด้วย..." ฉันทรุดไปนอนบนตักของเธอ ถึงจะรู้ว่าแผลไม่ได้สาหัสอะไร แต่การที่ถูกยิงครั้งแรกคงไม่แปลกที่ร่างกายจะช็อกจนทำอะไรไม่ได้ อแมนดาที่เตรียมอาวุธพร้อมแล้วช้อนหัวฉันขึ้น เธอจ้องหน้าฉันเหมือนกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง... "ขอกำลังใจหน่อยได้มั้ย?" ฉันพยักหน้า ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร อแมนดายิ้มและประทับจูบอันแผ่วเบา ฉันทำตัวไม่ถูก...มันคืออารมณ์เดียวกับที่โดนคาร์ลจูบแต่ครั้งนี้เธอเริ่มสอดลิ้นเข้ามา ฉันที่ขัดขืนไม่ได้จึงภาวนาขอให้ทั้งหมดนี้จบลงเร็วๆ จนเมื่อเธอคลายจูบที่แสนอ่อนโยนและมองฉันที่ช็อกจากการเสียเลือด "ร้องไห้เลยหรอ?" อแมนดาลูบเส้นผมที่ปรกหน้า "แสดงว่ายังไม่เคยสินะ แต่เดี๋ยวก็ชิน" เธอพูดยิ้มๆ และทำหน้าเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ และฉันก็เพิ่งจะรู้ว่ามีน้ำตาคลออยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง ฉันโดนขืนใจนี่ ไม่แปลกที่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ อแมนดาคว้าปืนกลของเธอและลุกออกไป "อย่าเพิ่งตายล่ะ" "สตีล?" ฉันตกใจกับเสียงดีดนิ้วเรียกสติ แววตานั้นเย็นชา ทำเหมือนกับว่าฉันและเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าเมื่อก่อนฉันเกลียดเธอจนแทบอยากฆ่าด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่บอกเธอไปตรงๆ ว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ อแมนดาก็ไม่เคยมาให้ฉันเห็นอีกเลย และฉันก็รู้หลังจากนั้นสองอาทิตย์ว่าเธอย้ายไปทำงานที่ฝ่ายเหนือ เธอก็คงเจ็บปวด ใจสลายและเกลียดฉันเหมือนกัน ไม่แปลกที่การเจอกันครั้งนี้อแมนดาจะมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น "เอาล่ะ เธอน่าจะพร้อมแล้ว" เธอถอนหายใเหมือนเบื่อที่จะทำอะไรแบบนี้ "มาเริ่มกันเถอะ" อแมนดาเปิดเครื่องจับเท็จ เธอเสยผมขึ้นก่อนจะเริ่มพยักหน้ากับกล้องวิดีโอที่อยู่ด้านหลังเมื่อสัญญาณบนหน้าจอเริ่มแสดงผล "ฉันไม่อยากแนะนำอะไรมากหรอก แต่ทำตัวสบายๆ ไว้ละกัน... เธอชื่อคาเมรอน สตีลใช่มั้ย?" ฉันนึกขำที่เธอเริ่มคำถามแรก "จำเป็นด้วยหรอ?" "แค่ดูน่ะว่าเครื่องทำงานปกติรึเปล่า มันเป็นคำถามควบคุม" "...ใช่ ฉันชื่อคาเมรอน สตีล" อแมนดามองที่จอ ไม่มีอะไรผิดปกติ ฉันเคยสงสัยนะว่ามันจะทำงานยังไงจนเมื่อตอนที่ฉันถูกส่งไปที่แผนกจิตเวชในองค์กรเพื่อทดสอบอะไรแบบนี้ อันที่จริงเรามักจะใช้เพื่อความปลอดภัยในทีมมากกว่า เราจะมีการตรวจสภาพจิตปีละครั้งเพื่อคัดกรองคน อย่างที่ฉันเคยพูดแหละว่าเรามีคนหลายประเภท และคนบางประเภทนั้นอาจสร้างปัญหาให้องค์กรในอนาคต ถึงแม้เครื่องจะไม่แม่นยำแต่อย่างน้อยมันก็พอจะช่วยบันทึกสถิติได้ในระดับนึง "รหัสเธอคือมาร์ตินี่" "ใช่" "เธอผมสีดำ" "ไม่ใช่" ชุดคำถามควบคุมผ่านไป จากที่ฉันเดาคราวนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากถามจริงๆ ฉันไม่ได้กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหรอกนะ แต่พอมาคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างมันก็น่ากังวลนั่นแหละ ​"เธอฆ่าเด็กผมแดงนั้น" ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่กล้าที่จะตอบออกไป "...ใช่" "ทำไมล่ะ?" อแมนดาถาม แต่ฉันไม่อยากจะอธิบาย "บอกฉันเถอะ พวกเขาแค่อยากรู้ความจริงว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น การฆ่าคนขององค์กรมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ" "ฉันถูกพวกนั้นข่มขืน ไอ้เด็กผมแดงนั่น ลูคัส แล้วก็คริส และพวกมันก็ฆ่าสามีฉัน" ฉันเงยหน้าสบตากับอแมนดา "พอใจแล้วใช่มั้ย?" "...ฉันเสียใจนะ เธอคงไม่ได้อยากกลับมาในวงจรนี้ใช่มั้ย?" "ไม่...ไม่เลย" ฉันรับรู้ได้ว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำลงไป เธอรู้สึกสงสาร หรือไม่ก็รู้สึกเห็นใจ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากเธอ "งั้นคำถามต่อไป ผู้ชายคนที่มากับเธอเป็นตำรวจรึเปล่า?" ฉันนิ่งไป เรื่องนี้ฉันบอกความจริงพวกเขาไม่ได้แน่เพราะรู้ดีว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยคนนอกที่รู้ความลับไว้ ฉันเริ่มจิกนิ้วหัวแม่เท้าแรงๆ หวังให้ความเจ็บจะช่วยให้ฉันผ่านเครื่องจับเท็จไปได้ ฉันคิดครู่นึงจนคิดหาคำตอบได้ "ใช่" "เขารู้เรื่องขององค์กรรึเปล่า?" "ไม่รู้" "แล้วเขาเป็นใครล่ะ?" ฉันรู้สึกหงุดหงิดที่อแมนดาเริ่มถามมากขึ้น "คนรักษาแผลทางใจที่ซวยตกกระไดพลอยโจนมาอยู่ที่นี่น่ะ" ฉันจิกเล็บเท้าจนชาและมองอแมนดาที่กำลังรอผลจากเครื่องจับเท็จ หลังจากนั้นเธอก็หันมายิ้มกับฉัน "ยินดีด้วยนะ" อแมนดามองหน้าจอเครื่องจับเท็จอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปิดมัน "แต่ต้องส่งเธอไปคุยกับผู้ดูแลต่อ อยากพักรึเปล่า?" อแมนดาลุกขึ้นก่อนจะถอดเครื่องจับเท็จออกให้ ฉันรู้สึกโล่งใจ ว่าแต่...นีโอไม่โดนฆ่าหมกท่อไปแล้วหรอ? "เขาอยู่ที่ไหน?" "ยังไม่ตาย แต่โดนสอบอยู่อีกห้องนึง" อแมนดาที่กำลังจะเดินออกไปหันมาถามฉัน "อยากจะมาด้วยรึเปล่า?" ฉันพยักหน้า และอแมนดาก็เดินนำฉันไปที่ห้องสอบสวนอีกห้อง สภาพของที่นี่เหมือนในสถานีตำรวจ ไม่สิ...เหมือนสำนักงานของเอฟบีไอมากกว่า "เข้าไป" ฉันเปิดประตูตามที่เธอบอก นีโอกำลังนั่งอยู่ที่ห้องอีกฝั่งโดยมีเครื่องจับเท็จพันอยู่รอบตัว ฉันภาวนาให้เขาไม่พูดถึงเรื่องที่ฉันบอกเขาไปทั้งหมด ถ้าเขายังฉลาดพอ... "นายรู้อะไรเกี่ยวกับเราบ้าง?" ใจฉันตกฮวบเมื่อสาวผมบลอนด์ความจำดีถามแบบนั้น นีโอทำท่าสบายอกสบายใจเหมือนกับเป็นการคุยเรื่องทั่วไป ทั้งที่ชะตาชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับคำตอบนี้ "พวกคุณดูเหมือนพวกตัวร้ายในหนัง ชายชุดดำหรืออะไรแบบนั้น" คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้สาวผมบลอนด์พอใจเท่าไหร่นัก นีโอถอนหายใจ "ผมแค่มาสืบเรื่องที่โรงแรม โอเคนะ แล้วสตีลก็เป็นคนที่ช่วยผมไว้ ผมแค่...รู้สึกชอบเธอ" เครื่องจับเท็จบ่งบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ สาวคนนั้นจึงถามต่อ "คุณได้มีอะไรกับเธอรึยัง?" คำถามนั้นทำให้เขาตกใจ ไม่ต่างกับฉันที่ยืนฟังจากอีกห้อง สาวผมบลอนด์จึงขยายความให้ชัดเจน "ขอโทษค่ะ แต่ว่าระดับความสัมพันธ์ของคุณกับสตีลเป็นเรื่องที่เราควรรู้ไว้ ถ้ามีใครซักคนตายไปเราจะได้เตรียมแผนรับมือสภาพจิตใจของคนที่ยังอยู่ได้ถูกต้อง" ฉันหน้าแดงฉ่า ไม่ได้จงใจอยากจะแสดงอาการให้อแมนดาเห็นและคาดหวังคำตอบของนีโอ ทั้งที่ไม่ว่าเขาจะตอบว่าใช่หรือไม่มันก็ไม่สำคัญกับผลกระทบก็เถอะ แต่มันมีผลต่อความรู้สึกของฉัน "...ยังครับ แต่ก็หวังว่าสักวันผมจะมีโอกาส อย่างน้อยแค่รู้สึกเหมือนผมก็ดีใจมากแล้ว" คำตอบของนีโอทำให้หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันเคยถูกสารภาพรักครั้งแรกตอนอายุสิบเจ็ด มันคือความรู้สึกเดียวกันกับเวลานี้ นีโอยิ้มเศร้าและมองภาพจากจอเครื่องจับเท็จที่เป็นปกติ สาวผมบลอนด์พยักหน้ากับคนในห้องอีกฝั่งก่อนจะปิดการทำงานของเครื่อง สายที่รัดรอบตัวนีโอถูกเธอถอดออก ฉันไม่อยากให้นีโอรู้ว่าแอบฟังจากอีกห้องจึงรีบเปิดประตูออกไปรอก่อน กระทั่งสาวผมบลอนด์เปิดประตูอีกห้องโดยมีนีโอเดินตามหลัง "นายโอเคนะ?" ฉันถามโดยพยายามเก็บอาการ "พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรนายใช่มั้ย" "อย่างน้อยก็ยังครบสามสิบสองน่ะ เธอไม่ได้โดนอะไรใช่มั้ย?" ฉันพยักหน้ารับ เป็นจังหวะเดียวกันที่อแมนดาออกมาจากห้อง เธอมองหน้าฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงออกมาก่อน เธอส่งคีย์การ์ดให้ฉัน "อีกสิบห้านาทีไปรอฉันที่ห้องรับรอง ฉันจะให้แอนนาไปตาม เธอสองคนเดินเล่นฆ่าเวลากันตามสบายนะ" "ขอบคุณนะ" ฉันกล่าวเพียงเท่านั้น จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มและปิดประตูหายเข้าไปในห้องเดิม นีโอจัดเนคไทและสูทที่ยับนิดหน่อยให้เข้าที่เข้าทางและหันมาหาฉัน "เล่าให้ฟังได้มั้ยว่าทำไมเรามาอยู่ที่นี่ได้" ฉันไม่ตอบและเดินนำนีโอไปยังส่วนรับรอง ที่นี่มีบาร์ขนาดย่อมและโซนอ่านหนังสือ ส่วนมากถ้าไม่ใช่การคุยธุรกิจก็จะเป็นพวกคนที่เกษียณงานไปแล้วมานั่งพักผ่อนที่นี่ ฉันจูงมือนีโอไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูง จัดชุดเดรสที่ยับเล็กน้อยให้เป็นทรงเหมือนตอนไปงานเลี้ยงก่อนจะกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์ "เธอไม่ได้ฟังตอนที่ฉันอยู่ในห้องใช่มั้ย?" นีโอหันมาถามแต่พยายามหลบตาฉัน "เปล่านี่" ฉันปฏิเสธไป "มีอะไรที่นายไม่ได้บอกฉันในห้องนั้นรึเปล่า" "ไม่มีอะไร" นีโอยกมือเรียกบาร์เทนเดอร์อีกครั้งจนเขาเดินมาหยุดตรงหน้าเราสองคน "ฉันขอมาร์ตินี่" "ผมด้วยครับ" บาร์เทนเดอร์หนุ่มพยักหน้าและเริ่มเขย่าเหล้าที่ผสมจินและเวอร์มูธ ก่อนจะเทมันลงในแก้วแชมเปญ ฉันรับมาและรออีกแก้วของนีโอ เขารับแก้วมาโดยไม่พูดอะไร เราะสองคนก็มองหน้ากัน หันกลับและจัดการกระดกค็อกเทลในแก้วจนเกลี้ยง ฉันเริ่มรู้สึกกริ่มๆ เล็กน้อย อาจเป็นเพราะการได้รับยาสลบไปทำให้เมาเร็วขึ้น "ฉันไปสืบประวัติเขามา…อีธานน่ะ นี่เป็นสาเหตุที่เธอช่วยฉันที่โรงแรมใช่มั้ย?" นีโอคงเห็นว่าเขาหน้าเหมือนอีธานขนาดไหน และเข้าใจว่าทำไมฉันถึงช่วยเขาเมื่อตอนนั้น "ก็แค่ส่วนนึง" ฉันพูด "ฉันไม่อยากปล่อยคนที่ไม่เกี่ยวข้องตายต่อหน้าต่อตาหรอก มันเป็นกฎของฉัน" "แล้วเธอเคยคิดอะไรแบบว่า…อยากจะกอดฉันเพราะหน้าเหมือนแฟนเธอ หรืออยากจะจูบ ประมาณนั้นรึเปล่า" ฉันแค่นหัวเราะ หันไปมองนีโอที่หัวเราะกับการหยอกล้อของตัวเองเหมือนกัน "ถามบ้าอะไรของนายเนี่ย?" ฉันหลบสายตานีโอ ดวงตาคู่นั้นจริงจังตลอดเวลาที่เขาอยากจะรู้อะไรบางอย่าง และฉันไม่ชอบ… มันทำให้ฉันนึกถึงอีธาน "คุณสตีลคะ?" ฉันหันกลับไป สาวผมบลอนด์ความจำดีที่น่าจะเป็นแอนนาเดินมาพร้อมแฟ้มเอกสาร "ผู้ดูแลรอคุณอยู่ด้านในค่ะ" ฉันถอนหายใจและลุกจากเก้าอี้ ลูบผมและจัดระเบียบตัวเองก่อนเข้าไป ฉันเคยได้ยินมาว่าคนดูแลฝ่ายเหนือเข้มงวดจนบางทีก็ทำให้คนอื่นๆ กลัว ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าตัวเองจะเผลอทำเรื่องเดือดร้อนจนทำให้คนฝ่ายอื่นเดือดร้อนจนต้องเรียกฉันมาที่นี่ แอนนาเดินนำและเปิดประตูเข้ามา ห้องนี้กว้างพอสมควรเมื่อเทียบกับตำแหน่งของผู้ดูแล ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเปิดประตูมายังอีกส่วนนึง มองไปรอบๆ รู้ตัวอีกทีแอนนาก็เดินออกไปซะแล้ว จากนั้นชายกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้องก็หมุนเก้าอี้มามองฉันอย่างพิจารณา เขาดูไม่แก่มาก แต่รังสีอำมหิตแผ่ออกมาชัดเจน การแต่งตัวของเขาไม่ต่างจากวิกโก้เท่าไหร่ "นั่งลงสิสตีล" ฉันพยักหน้าและนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าช้าๆ เขายื่นแก้วชามาให้ "ดื่มซะ" ฉันจิบชาไปเล็กน้อยให้พอกลบกลิ่นมาร์ตินี่ที่เพิ่งดื่มไป จนเมื่อฉันรู้สึกมึนเล็กน้อย โดนวางยาอีกแล้ว…ภาพทุกอย่างเริ่มกว้างขึ้นและหมุนไปมา ฉันแทบจะได้ยินเสียงทุกอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว ทุกอย่างที่กำลังขยับเป็นเส้นเหมือนภาพสโลโมชั่น แถมยังมีสีสันแปลกๆ เพิ่มเข้ามา ถ้าไม่มีเก้าอี้ป่านนี้ฉันลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว "ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ ฉันได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมานานแล้ว ยินดีที่ได้เจอกันนะ" เสียงของเขาดังก้องในหัว เป็นเสียงสะท้อนลางๆ ฉันพยายามไม่ให้ตัวเองเมามากไปกว่านี้และเผลออาเจียนออกมา "ทำไมเธอถึงทำแบบนี้?" "ลูคัส คริส…เด็กผมแดง พวกมันข่มขืนฉัน" จู่ๆ ภาพในหัวที่ฉันอยากลบออกไปให้พ้นๆ ก็ผุดขึ้นมาจากความทรงจำเลวร้าย เสียงกรีดร้องของฉัน…เสียงปืน สายตาเหยียดหยามของพวกมัน "และพวกมันก็ฆ่าคนที่ฉันรักมากที่สุด ข่มขืนฉันต่อหน้าเขา" ฉันยังพูดต่อ ตอนนี้ฉันไม่มีสติพอจะห้ามใจตัวเองไม่ให้พูดเรื่องนั้นออกไป และภาพพวกนั้นก็วนซ้ำอีกครั้ง ฉันเห็นทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นจากด้านหลังเก้าอี้ที่ผู้ดูแลนั่งอยู่ เห็นอีธานกำลังถูกมัดและมองมาที่ฉัน ฝันร้ายทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนฉันอยากจะร้องไห้ ได้โปรดหยุดเถอะ...จนเมื่อเขาส่งแก้วทรงสี่เหลี่ยมมาให้ "ดื่ม" ฉันรีบกระดกทันทีเพราะหวังว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้ฤทธิ์ยาหมดไป จนเมื่อฉันรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่ยังได้ยินเสียงสะท้อนที่จับใจความไม่ได้ จากนั้นแอนนาก็เปิดประตูเข้ามาและพาฉันออกไป ฉันยังคงมองทุกอย่างเป็นภาพหมุนไปมาจนเห็นนีโอที่ลุกขึ้นมาช่วยพยุงเมื่อเห็นว่าฉันสภาพแย่ขนาดไหน "อะไรกันเนี่ย?" นีโอรับตัวฉัน "คุณทำอะไรเธอน่ะ" "สงสัยจะยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้น่ะค่ะ ให้เธอนอนพักสักคืนคงจะหาย" ฉันเห็นหน้านีโอขยายเข้าและออก มีจุดลายขึ้นเต็มหน้าเขา จนในที่สุดสิ่งที่ฉันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฉันรีบเอียงตัวอีกทางและอาเจียนทุกอย่างออกมา รู้สึกแย่ชะมัด จากนั้นอแมนดาก็วิ่งตรงมาหาฉัน ทุกอย่างเริ่มชุลมุนก่อนที่สติจะดับวูบลง [End of Chapter 10]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD