Chapter 2
เบอร์ตอง ของห้ามแตะ
นัยน์ตาสีอำพันนิ่งลึกจนคาดเดาความคิดเจ้าของมันไม่ออก ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพงสีทมึน ก่อนที่มือหยาบกระด้างกระล้วงบุหรี่ราคาแพงออกมาจุดสูบดับอารมณ์คุกรุ่นที่ประทุอยู่กลางอก
นานนับสิบนาทีที่ควันสีขาวลอยครุ้งไปทั้งห้องสี่เหลี่ยม ก้นกระดาษสีขุ่นถูกทิ้งลงพื้นเป็นมวลที่สามแล้ว เสี้ยวหน้าคมยังคงเจือไปด้วยสีแดงจางๆ คล้ายคนยังจัดการอารมณ์ตัวเองไม่เสร็จ
เมฆินทร์ทอดสายตาผ่านกระจกกั้นไปยังเบื้องล่าง ท่ามกลางนักท่องราตรีมากมาย สายตาคมดุจเหยี่ยวนั้นยังคงทิ้งความสนใจทั้งหมดไปที่คนๆ เดียวเหมือนเคย
"กระตุกเส้นประสาทกูเล่น เป็นความสามารถพิเศษของมึงรึไงพลอย"
"ว่ากูใจร้าย.....เรื่องนี้ใครจะสู้มึงได้วะ!"
กลีบปากสีดำคล้ำเผลอเหยียดยิ้ม เมื่อภาพความทรงจำครั้งเก่าค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในหัวเรือนราง ใจที่เคยแกร่งดังคีมเหล็กเผลออ่อนยวบยามนึกถึงมัน หากแต่เมื่อภาพอีกฉากย้อนคืนมารอยยิ้มที่เคยมีเพียงจุดเล็กๆ กลับเรียบเฉยเหมือนไม่เคยมี
เมฆินทร์กดก้อนความรู้สึกที่เคยทำร้ายเขาเจียนตายใว้ในอก สมองส่วนหน้ายื้อยุดสกัดกั้นมันใว้ ก่อนจะกดมันลึกลงไป....กดให้ลึกลึก..ยิ่งกว่าเดิม
บุหรี่มวลใหม่ถูกยกขึ้นมาสูบอีกรอบ เขาหวังจะดื่มดับรสขมของมันดับความแปรปรวนในจิตใจ หากแต่พอได้ลิ้มรสมันอย่างที่ต้องการหัวคิ้วหนาก็เริ่มขดรัดอย่างคนไม่สบอารมณ์
'เพราะวันนี้รสนิโคตินเข้มจัดไม่อาจดับอารมณ์เขาได้เหมือนเคย......'
"ฮึ...แม้แต่มึง ก็ยังไม่เข้าข้างกู"
"มึงเป็นใครวะพลอย.....มึงเป็นใคร..มาเก่งเหนือกู"
ริมฝีปากสีคล้ำพึมพำ มือหนาปล่อยเศษซากสีขาวหม่นลงบนพื้น ก่อนจะบดขยี้มันจนแหลกเป็นผง ร่างสูงใหญ่หมุนกายกลับมายังโต้ะทำงานกลางห้อง สะโพกแน่นหนั่นทิ้งน้ำหนักตัวลงที่โซฟาสีทึบ แผ่นหลังตรงค่อยๆ เอนลงช้าๆ ก่อนที่เครื่องหน้าหล่อจะเชิดขึ้นมองเพดานกว้างแม้ร่างกายจะดูสงบแต่ ความไม่พอใจยังคงคุกรุ่นอยู่ในร่างคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เปลี่ยนแปลง
เปลือกตาสีใข่ค่อยๆ ปิดสนิทลงช้าๆเ
มฆินทร์พยายามให้หัวบน นำหัวล่างให้มากที่สุดแต่ทว่าความเป็นเขา มันคงหยั่งลึกฝังรากจนยากจะขุด
ในหัวมันถึงยังมีแต่ภาพเธอวนเวียนอยู่อย่างนั้น...
'แม่ง!...'
เส้นเอ็นหลายขดผุดพลายขึ้นจรดแนวสันกรามที่เริ่มนูนชัด ในที่สุดเขาก็แพ้อีกครั้ง โดนพลอยนิรา ล้มกระดานอีกตามเคย...
"ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาหน่อย!"
เสียงขรึมทรงพลังเอ่ยดังก้อง เป็นสัญลักษณ์ว่าคนออกคำสั่งต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ
และเพียงเสี้ยววินาที ร่างกำยำของผู้จัดการคลับหรูก็ผลักประตูเปิดเข้ามาเงียบเชียบ
ร่างสันทัดทิ้งระยะตามกฏเหล็กที่ถูกตั้งใว้อย่างเคร่งครัด ก่อนจะยืนกุมมือรอรับคำสั่ง
"ใครรับเบอร์เก้าเข้ามา"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามหยาบกระด้างหู แม้คนพูดยังคงท่าทีสงบนิ่ง หากแต่นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวกลับพ่นไอสังหารออกมาปลิดชีพคนฟังได้ในคราวเดียว
ไอความกดดันค่อยๆ แผ่ออกจากนายตำรวจหนุ่มช้าๆ จนทั่งทั้งบรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัด ผู้จัดการหนุ่มแม้ยังคงสงวนท่าทีใว้ได้ หากแต่ในใจก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน
' คีย์ตะวัน' มองผู้เป็นนายนิ่งงัน เซนท์บางอย่างในตัวเขาเริ่มส่งสัญญาณให้ระมัดระวังทุกคำที่กำลังหลุดออกจากปากตัวเองนับจากนาทีนี้
"ผมรับเองครับ"
เสียงทุ้มขรึมเอ่ยด้วยท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ผู้จัดการหนุ่มเบนสายตาขึ้นมองผู้กุมชะตาตรงหน้าด้วยความกริ่งเกรงเจือปนความไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เป็นนายถึงมีท่าทีเครียดขึงเช่นนั้น
'ก็แค่เด็กเอ็น...คนหนึ่ง มันจะอะไรนักหนา ถึงกลับเรียกคนงานยุ่งขึ้นมายืนเข้ามุมอยู่นี่ กูไม่ใช่นักโทษของมึงโว้ย''
หนุ่มร่างสันทัดกู่ร้องในใจพร่างหลุบใบหน้าลงมองพื้น
"กูไม่ชอบคนหน้าใหว้หลังหลอก "
"ถ้าอยากจะอยู่กลับกู หัดเก็บสีหน้ามึงให้เป็น"
ท่ามกลางแสงสลัวที่โอบล้อมร่างสูงใหญ่นัยน์เนตรสีอำพันสว่างจ้าดุจเสือร้ายกำลังพิโรธ สองตาคมเฉี่ยวนั้นคล้ายถูกบรรจุด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะและมันพร้อมจะแผดเผาทุกอนาบริเวณให้มอดไหม้เพียงแค่อีกฝ่ายขยับสายตา
"อึก!"
คีย์ตะวันกลืนก้อนเเข็งลงคอจนก้อนกระเดือกสั่นไหว
ผู้จัดการหนุ่มสำผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่ก่อตัวโอบรัดเขาใว้อย่างรวดเร็ว และมันทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
มือหนาเริ่มสั่นกระตุกรับกลับลำคอที่แห้งผากลงเรื่อยๆ คีย์ตะวันกำลังรู้สึก ว่าสามนาทีที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่มันได้ตัดสินชะตาชีวิตของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
"มีอะไรรึปล่าวครับนาย ผมเห็นว่าน้องเขา..เอ่อ..ดูน่าจะเรียกแขกได้"
ร่างสูงใหญ่ยังนิ่งเงียบ เสี้ยวหน้าคมคายที่เคยเรียบเฉยบัดนี้เเข็งกระด้างขึ้นจนเส้นขมับรัดตึง นัยเนตรสีอำพัน มองจับจ้อง ราวกลับผู้จัดการหนุ่มที่อยู่กลางห้องกำลังจะกลายเป็นเหยื่อชั้นดี ให้เขาฉีกกระชาก
"อึก!" ลูกกระเด็กเล็กสั่นไหวอีกครั้ง คีย์ตะวันปรือ ตามองผู้เป็นนายด้วยความหวั่นวิตก ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป
"หรือเฮียคิดว่าไม่เหมาะสม หรือ เฮียจะให้ผมไล่ออก"
ลำคอตรงตั้งพลันกระตุกจนเสียงขัดของกระดูกดังก้องไปทั้ง อาณาบริเวณ
มือหนาที่หดเกร็งอยู่แล้วเผลอกำแน่นจนสองมัดกล้ามขึ้นลอนใหญ่ ลมหายใจอุ่นร้อนผ่อนลงจากปลายจมูกเชิดรั้นคล้ายพายุขนาดย่อมกำลังก่อตัวในร่างเขา เปลือกตาสีใข่ปิดลงฉับ ด้วยระยะที่นานกว่าเดิม เครื่องหน้าเครียดขึงเชิดขึ้นมองเพดาลสูงก่อนจะเริ่มเคาะปลายนิ้วลงพนักพิงหนังนุ่ม เป็นจังหว่ะ
"ไล่ออก?"
ประโยคแรกหลุดออกมาจากริมฝีปากสีแดงคล้ำ ด้วยเนื้อเสียงกดดันกึ่งสงสัย
ผู้จัดการหนุ่มยกหลังมือปาดเม็ดเหงื่อที่ซึมไปทั่วกรอบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เบนสายตาขึ้นมองผู้เป็นนาย เพื่อสำรวจความต้องการ
และใช่ ตาเฉี่ยวคมที่คีย์ตะวัน คิดว่ายังปิดสนิทแน่นกลับปรือมองเขาอยู่เช่นกัน คีย์ตะวันรับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่เย็นเฉียบ ทันทีที่ได้สบสายตากลับคนเป็นนาย ผู้จัดการหนุ่มรีบหลุบสายตาลงมองพื้น พร้อมกลับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
"เฮียจะให้ผมจัดการยังไงครับ"
"ไล่ออก...หรือว่า..."
"......"
ไร้คำตอบจากผู้เป็นใหญ่ในพื้นที่
ร่างสูงใหญ่เหยียดตรงขับไล่ความเมื่อยล้า ก่อนที่สองเรียวขาจะยกตวัดขึ้นวางเกยกันบนโต้ะทำงานสีเข้ม สันคอหนาตั้งตรง มองจ้องผู้จัดการหนุ่มด้วยแววตาที่คนถูกมองอ่านไม่ออก
"อย่าคิดแทนกู"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเด็ดขาด เสี้ยวหน้าหล่อมองจับจ้องไปที่ผู้จัดการหนุ่มอีกครั้ง ด้วยระยะนาทีที่นานกว่าเดิม นัยน์ตาสีอำพันกดต่ำ จนถึงห้วงขณะหนึ่งที่หัวใจคนรอคล้ายจะหยุดเต้น เสียงดังประกาศิตจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง
"ย้ายเบอร์เก้าขึ้นมาทำบัญชี"
"ให้ทำงานห้องกู"
"ฮะ?"
"คะ..ครับ ครับเฮีย"
คีย์ตะวันเผลอสบถดังมาดังลั่น ก่อนจะรีบรับคำเสียงสั่น เสี้ยวหน้าคมของผู้จัดการหนุ่มฉาบเคลือบไปด้วยร่องรอยความสงสัย ร่างกำยำเร่งฝีเท้าออกไปปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรีบร้อนเพราะรู้ตัวดี ว่าเฮียเมฆินทร์
' สั่งวันนี้ มึงต้องเสร็จตอนนี้'
"ไปเรียกเบอร์เก้ามา"
คีย์ตะวันเอ่ยสั่งด้วยลมหายใจที่ยังขาดห้วง ผู้จัดการหนุ่มปรือตาขึ้นมองกล้องวงจรปิดหน้าโต้ะตัวเองอีกครั้ง พรางกลืนน้ำลายลงคอแห้งผากอึกใหญ่
คีย์ตะวันไม่เคยกลัวกล้องวงจรปิดพาสติกไร้ค่านี่เลยสักนิด ไม่เคยกลัวโดนตรวจสอบว่าทำงานไม่ดี สิ่งที่ทำเขาขยาดกล้องวงจรปิดได้ในคืนนี้คือคนที่อยู่ในนั้นต่างห่าง เพราะคีย์ตะวันรู้ดี..ว่ามีใครอีกคนกำลังจับตามองเขาอยู่อย่างไกล้ชิดเลยทีเดียว