ห้องรับแขก
"แพ้ท้องบ้างหรือเปล่าคะลูก" หม่อมราชวงศ์แพรวดาวถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
"มีคนแพ้แทนแล้วค่ะคุณแม่" พราวตะวันตอบพลางหันไปมองหน้าเพลิงที่กำลังทำท่าพะอืดพะอมอยู่ เขาลุกพรวดจากเก้าอี้และวิ่งไปยังห้องน้ำทันที พิงเห็นอาการพี่ชายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ภรรยาท้องแต่ก็ยังไม่ชิน เขารู้สึกประหลาดใจ
"พราวขอไปดูคุณเพลิงก่อนนะคะ" ว่าแล้วร่างบางก็เดินตามสามีไปทันที
"หนูฟาอยู่คุยกับคุณพิงไปก่อนนะคะ เดี๋ยวอาไปจัดขนมมาให้ทาน
"ฟาขอ..."
"ขอบคุณคุณอามากนะครับ" พิงพูดแทรกขึ้น หม่อมราชวงศ์แพรวดาวส่งยิ้มมาให้ชายหนุ่มและเดินตรงเข้าไปในห้องครัวทันที
ภายในห้องรับแขกที่ความเงียบสงบกำลังเข้าครอบงำ ดวงตาแสนเย็นชาคู่นั้นของพิงแลดูเยือกเย็นจนหม่อมหลวงสรันตรีจำต้องเบือนหน้าหนี หากไม่คิดถึงพฤติกรรมที่เขาทำ เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบหน้าเขา แต่เพราะสิ่งที่เขาทำต่อเธอโดยการล่วงเกิน มันเป็นสิ่งน่ารังเกียจเกินกว่าจะสานสัมพันธไมตรีฉันญาติมิตร
"ไม่ถูกใจรสจูบของผมหรอ?" พิงทำลายความเงียบนั้นลงด้วยคำถามชวนโมโห ทว่าใบหน้าสวยกลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
"หยาบคาย! เมื่อคืนคุณเมา ฉันไม่ถือสาหาความหรอกค่ะ" เธอทำหน้าบูดบึ้งและยังคงเชิดหน้ามองไปทางอื่น
"งั้นตอนนี้ผมก็จูบคุณได้อีกสิ เพราะผมกำลังเมาอยู่" พิงจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา
"คุณต้องการอะไรกันแน่คะ ทำไมถึงพยายามจะยั่วโมโหฉัน" นายน้อยจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาโกรธเคือง
"เปล่า ผมแค่อยากรู้ว่าคุณใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร" เขาแสร้งถามอย่างอื่นแม้ว่าจะติดใจกลิ่นน้ำหอมของเธอมากก็ตาม
"ฉัน...ฉันไม่ได้ใช้น้ำหอมค่ะ" คำถามของพิงทำให้เธอหลบสายตาเย็นชาคู่นั้นของเขาอีกครั้ง
"แล้วที่กลิ่นหอมๆจากตัวคุณล่ะ จะบอกว่าหอมเนื้อนางว่างั้น?" พิงเลิกคิ้วถาม
"ไม่ใช่ค่ะ แต่ที่บ้านใช้วิธีอบร่ำผ้าแบบโบราณเพราะคุณพ่อชื่นชอบกลิ่นหอมของดอกไม้" เธอตอบเพราะจำเป็นต้องตอบ แม้จะไม่ชอบหน้าพิงแล้ว แต่มารยาทสำหรับเธอเป็นสิ่งที่ควรมี
"แล้วนายน้อยอบร่ำผ้าเป็นหรือเปล่า" พิงถือวิสาสะเรียกเธอเช่นนั้นเพราะฟังดูน่ารักดี
"อย่าเรียกแบบนี้นะคะ คุณไม่ใช่คนรับใช้" เธอเบือนหน้าหนีเขาอีกครั้ง
"ผมถามว่าคุณอบร่ำผ้าแบบโบราณเป็นหรือเปล่า" พิงเน้นย้ำคำถามของตน
"เป็นสิคะ ถามทำไมคะ"
"เปล่า...ก็แค่ถามไว้ เผื่อว่าต่อไปคุณอาจจะต้องมาอบร่ำเสื้อผ้าให้ผม" พิงพูดจบก็ลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปหาบิดาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน หม่อมหลวงสรันตรีไม่เข้าใจความหมายที่พิงพยายามจะสื่อ เธอทำหน้ามุ่ยเมื่อยังคงคิดถึงรสจูบของเขาอยู่ทั้งๆที่พยายามจะสลัดภาพนั้นทิ้งไป
"คนบ้า..."
"แกจะขอให้ฉันไปพูดกับคุณศิขัณฑ์เรื่องไม่ขอยกเลิกงานแต่ง!?" คุณทรงพลถามบุตรชายกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันและจ้องมองพิงด้วยความสงสัยและแปลกใจเป็นที่สุด
"ครับ คุณพ่อ" พิงตอบเสียงหนักแน่น
"บอกเหตุผลที่เคยขอยกเลิก แล้วก็บอกเหตุผลที่อยากแต่งมา" คุณทรงพลต้องการคำตอบที่มีน้ำหนักมากพอที่เขาจะบากหน้าไปขอให้หม่อมราชวงศ์ศิขัณฑ์ยกบุตรสาวให้บุตรชายของตนได้
"ผม..." พิงคิดหนักเพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเสียด้วยซ้ำ
"ตั้งแต่ฉันเลี้ยงแกมา ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นคนสองจิตสองใจ มีอะไรหรือเปล่า?" คุณทรงพลเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของบุตรชายอย่างชัดเจน
"ผมยังไม่แน่ใจคำตอบครับ ผมแค่หงุดหงิดเพราะไม่อยากให้หม่อมหลวงสรันตรีใกล้ชิดกับนายตำรวจที่ชื่อดริสนั่น" คำตอบของพิงทำให้ผู้เป็นบิดากระตุกยิ้มมุมปาก บุตรชายคนนี้ไม่ชอบเปิดเผยความรู้สึก การที่เขาพูดออกมาถึงเพียงนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว
"ไร้เดียงสา" คุณทรงพลพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ
"ตกลงไหมครับคุณพ่อ"
"ไปเลิกกับแม่เลขาของแกให้ได้ก่อนค่อยมาคุย" คุณทรงพลรดน้ำต้นไม้โดยไม่หันมามองบุตรชาย
"เลิกแล้วครับ" พิงตอบเสียงเรียบ แม้เรื่องระหว่างเขากับเลขาจะเพิ่งจบลงเมื่อคืนก็ตาม
"เลิกขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนอื่นถ้าคิดจะมีคู่ชีวิต และฉันก็ไม่อยากให้แกต้องมีเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องเมียน้อยเพราะแต่งกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก" คุณทรงพลสั่งสอนบุตรชาย เขาอยากให้พิงแต่งงานกับหม่อมหลวงสรันตรีก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั้นบังคับ แต่ในเมื่อบุตรชายเปิดใจที่จะรักใครสักคนเขาก็ยินดีสนับสนุน
หลายวันต่อมา
"ฟาไม่แต่งค่ะ! คุณพ่อเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ คุณพิงเขาขอยกเลิกงานแต่งงานไปแล้วไม่ใช่หรือคะ" หม่อมหลวงสรันตรีคัดค้านหม่อมราชวงศ์ศิขัณฑ์บิดา หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงเอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของผู้ใหญ่ หากแต่ตอนนี้ได้เห็นนิสัยของพิงแล้ว ทำให้เธอจำเป็นต้องค้านหัวชนฝา
"พ่อยืนยันตามสัญญาเดิม คำขอยกเลิกของพิงเป็นแค่ลมปาก แต่สัญญาการแต่งงานถูกระบุไว้ในหนังสือการถือหุ้นของบริษัททั้งสองฝ่าย" หม่อมราชวงศ์ศิขัณฑ์พูดเท็จ เขาเพียงต้องการให้บุตรสาวแต่งงานกับคนที่คู่ควรหาได้มีสัญญาใดๆเป็นลายลักษณ์อักษร
"แต่ฟา...ฟากำลังคบกับพี่ดริสนะคะ" เธอโกหก เพราะการแต่งงานกับพิงจะเหมือนการนำพาชีวิตตนเองดิ่งลงเหว เธอจึงจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ต้องแต่งงานกับเขา
"เลิกกับดริสซะ! พรุ่งนี้แต่งตัวให้เสร็จแต่เช้า สองครอบครัวจะไปทำบุญและดูฤกษ์แต่งงาน" ผู้เป็นบิดาพูดสั้นๆก่อนจะลุกจากโซฟาและเดินออกไปทันที หญิงสาวได้แต่นั่งร่ำไห้เพราะคำปฏิเสธของเธอไม่มีผลต่อผู้เป็นบิดาเลยเเม้แต่น้อย
ข้อความ
'วันนี้ว่างหรือเปล่า มาเจอกันหน่อย'
หม่อมหลวงสรันตรีเปิดอ่านข้อความในไลน์แอพพลิเคชั่นซึ่งขึ้นชื่อว่า 'พิง' เพิ่มรายชื่อเข้ามาโดยหมายเลขโทรศัพท์ของเธอ
'ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ' เธอตอบข้อความกลับไป
'ผมจะไปรับคุณได้ที่ไหน'
'ที่มหาวิทยาลัย เลิกเรียนบ่ายสาม'
'ครับ'
หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายของพิงเธอก็ไม่ได้ตอบกลับเขา หญิงสาวออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยทันที