แสนรักได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกกับความวุ่นวายในชีวิต
ก็เมื่อวานนี้ หลังจากเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอเข้าห้องนอนเล่นโทรศัพท์อยู่สักพัก แม่ก็เรียกให้ออกมาจากห้อง ตอนแรกเธอนึกว่าแม่เรียกไปกินข้าว ที่ไหนได้ แม่กับพ่อเรียกเธอไปซักฟอกเรื่องที่หมอวินกับเธอกอดจูบกันในร้านของพี่ฉัตร
พ่อได้ยินเรื่องเล่าจากป้าเล็ก
ส่วนแม่ได้ยินเรื่องเล่าจากชาวบ้านที่ปั่นจักรยานผ่านมาพอดี ตอนที่แม่ไปเก็บกระถินริมรั้วหน้าบ้าน
เธอจึงต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง และบอกท่านว่า เธอกับเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้รักกัน และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอคิดว่าต่างคนต่างผิด แล้วมันก็ผ่านไปแล้ว ควรให้มันผ่านไป เดี๋ยวคนเขาก็ลืมกัน
แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม พวกท่านบอกว่า ถึงอย่างไร หมอวินก็ไม่ควรล่วงเกินเธอ เขาทำแบบนี้ มันทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง ชาวบ้านพูดกันไปทั่ว เขาต้องรับผิดชอบ
วันนี้ เธอก็เลยต้องลางานด่วน เพราะต้องอยู่บ้าน เพื่อพูดคุยและหาข้อสรุปในเรื่องนี้พร้อมกับหมอวินและครอบครัวของเขา
ฝั่งครอบครัวของแสนรักมีพ่อกำนัน แม่ก้าน แสนกล้า และกมลฉัตร กับญาติอีกหลายคน
ฝั่งครอบครัวของหมอวินมี คุณหมอวินัยคุณแม่มะลิ พี่สาวกับพี่เขยของเขา
ลำพังถ้ามีแค่สองครอบครัวมาพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกัน ก็คงไม่กดดันเท่าไร แต่เพราะมีชาวบ้านและผู้เฒ่าผู้แก่สิบกว่าคนที่อยากรู้ข้อสรุป ก็พากันมานั่งบนบ้าน เพื่อรอฟังด้วย จึงทำให้แสนรักรู้สึกว่า สถานการณ์ในตอนนี้ช่างกดดันเหลือเกิน
แสนรักนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอไม่ได้ฟังว่าพวกผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกัน แต่หญิงสาวต้องมาสะดุดหูกับเสียงของหมอวินที่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“แต่งครับ”
แต่งอะไร เขาจะแต่งขันธ์ห้ามาขอขมาเธอเหรอ
...ไม่ต้อง!
แต่งตามความเข้าใจของแสนรักในตอนนี้คือ หมอวินจะแต่งขันธ์ห้า โดยจะนำเทียนแพและดอกไม้ห้าคู่มาจัดวางในพานเพื่อนำมาขออภัยที่ได้ทำล่วงเกินเธอ
“รัก... แต่งนะลูก” แม่ก้านหันไปบอกลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างหลังท่าน
“ไม่ต้องหรอกแม่ ไม่ต้องให้หมอวินแต่งขันธ์ห้ามาขอขมารักหรอก”
“รัก... ไม่ใช่แต่งขันธ์ห้า แต่งงาน”
“แต่งงาน!”
“ใช่... รักกับหมอวินจะแต่งงานกันเดือนหน้า”
“เดือนหน้า!”
“เอาตามนี้แหละ” แม่ก้านว่าแล้วหันกลับไปพูดคุยกับคนอื่นต่อ
“แม่... ไม่แต่งได้ไหม” แสนรักถามเสียงอ่อย
คราวนี้พ่อกำนันเป็นฝ่ายหันมาตอบลูกสาวแทนแม่ก้านด้วยเสียงเข้มดุว่า
“ไม่ได้!”
แสนรักหน้าเสีย อยากจะร้องไห้ อะไรกันเนี่ย ทำไมบทสรุปสุดท้ายถึงเป็นแบบนี้เล่า เธอพลาดอะไร พลาดตรงไหน ฮือ... เธอไม่อยากแต่งงานกับเขา ไม่อยากแต่งงานกับหมอวิน เธอยังไม่อยากมีผัว
…
หลังจากผู้หลักผู้ใหญ่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวกับว่าที่เจ้าสาวจึงมีโอกาสได้พูดคุยกันตามลำพัง
แสนรักไม่อยากให้ใครได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับเขา เธอจึงจับมือหนา พาเขาเดินลงบันไดหลังบ้าน ไปคุยกันใต้ต้นจามจุรี ตรงนี้โล่งแจ้ง ใครมองมาก็เห็น แต่ถ้าเธอกับเขาไม่ตะโกนคุยกัน ก็จะไม่มีใครได้ยินเสียงเธอกับเขาแน่นอน
“คุณหมอไม่ต้องฝืนใจก็ได้นะคะ เราไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ รักโอเค รักไม่เป็นไรเลย เราเลิกแล้วต่อกัน ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ ไม่ต้องไปสนใจขี้ปากชาวบ้านหรอกนะคะ อีกหน่อยพวกเขาก็จะลืมกันไปเอง เราไม่ต้องแต่งงานกันนะคะ เราควรบอกผู้ใหญ่ว่า เราสองคนจะไม่แต่งงานกัน”
แสนรักพูดอยู่ฝ่ายเดียว พอพูดจบ เธอก็จับมือหนาจะพาเขากลับขึ้นบ้านไปบอกผู้หลักผู้ใหญ่ว่า เธอกับเขาจะไม่แต่งงานกัน
ทว่าหมอวินไม่ยอมเดินตามเธอง่าย ๆ เหมือนตอนที่เธอพาเขาลงมาจากบ้าน คุณหมอหนุ่มขืนตัวเอาไว้ แสนรักจึงต้องชะงัก แล้วหันกลับไปมองเขา
“เราต้องรีบไปบอกพวกผู้ใหญ่นะคะ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้”
“พี่จะแต่ง”
พี่? ใครเป็นพี่ใคร? ทำไมเขาเรียกแทนตัวเองแบบนี้
“เอ่อ... คุณหมอไม่ต้องฝืนใจขนาดนี้หรอกค่ะ ถ้าคุณหมอไม่กล้าพูด เดี๋ยวรักพูดเองก็ได้”
แสนรักปล่อยมือหมอวิน เขาไม่ไปกับเธอก็ไม่เป็นไร เธอไปบอกพวกผู้ใหญ่คนเดียวก็ได้ เธอจะอ้างว่าได้พูดคุยตกลงกับเขาแล้ว
“เดี๋ยวสิ” หมอวินจับมือบาง รั้งแสนรักเอาไว้ ไม่ให้เธอเดินหนีไป
“คุณหมอไม่ต้องเป็นกังวลใจไปนะคะ รักจะจัดการทุกอย่างเอง”
“จัดการยังไงหรือครับ”
“ก็... รักจะไปบอกพวกผู้ใหญ่ว่า เราสองคนจะไม่แต่งงานกัน”
“รักไม่กลัวว่าใครจะดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเหรอ”
แสนรักชะงัก เธอมองหน้าคนตัวสูง
“เกียรติและศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่พ่อของรักคงไม่คิดอย่างนั้น ดูนั่นสิ ท่านนายอำเภอก็มาเป็นพยานในการตกลงเรื่องของเราด้วย”
แสนรักมองไปที่หน้าบ้าน ท่านนายอำเภอเพิ่งลงจากรถพอดี แล้วพอเธอจะหันกลับมาหาเขา เธอก็เห็นว่ามีรถอีกคันแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ แล้วคนที่ลงจากรถก็คือ ท่าน ผอ.โรงพยาบาล