📗🚏
เริ่มมี “ความสงสัย” จากคนที่ใกล้ชิดธีรภพมากที่สุด —
ภัทรกร ผู้ชายเงียบ สุขุม ที่รู้จักเขาดีกว่าใคร และเมื่อเขาเริ่มจับได้ว่า “ผู้หญิงคนนั้น” อาจไม่ได้มาเพียงเพราะความรัก ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยน
⸻
✦ เธอเริ่มถูกจับตามอง
“ช่วงนี้นายดูไม่เหมือนเดิมนะ”
เสียงทุ้มเรียบของภัทรกรดังขึ้น ขณะรินกาแฟในห้องทำงานเงียบสงบบนตึกสูงของ Artemis Tower
ธีรภพยังจ้องเอกสารในมือ ตอบสั้น ๆ
“ไม่เหมือนยังไง?”
ภัทรกรวางแฟ้มบนโต๊ะ นั่งลงตรงข้าม มองเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง
“นายรู้ใช่ไหมว่าคนในบริษัทเริ่มพูดถึงคาริสา”
ธีรภพตอบทันที
“ผมตั้งใจให้เธอเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ผมมีเหตุผล”
“เหตุผลจากแผนงาน หรือ…จากใจ?”
คำถามนั้นทำให้ธีรภพหยุด เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนสนิท
ภัทรกรพูดต่อด้วยเสียงเรียบจริงใจ
“ฉันไม่ได้ห้าม แต่ถามในฐานะเพื่อน นายแน่ใจเหรอว่าเธอไม่มีอะไรแอบซ่อนอยู่?”
ธีรภพเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเรียบ ๆ
“ผมไม่แน่ใจหรอก แต่ผมเลือกที่จะเชื่อเธอ”
⸻
✦ ด้านคาริสา
คาริสาไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีอีกคนหนึ่งในบริษัทกำลังจับตาเธออยู่
กลางวัน เธอมักใช้เวลานานในห้องเอกสาร บอกคนอื่นว่าเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับวิเคราะห์กลยุทธ์
แต่ความจริง…เธอกำลังตามรอยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเธอทีละชิ้น
สิ่งที่เธอไม่รู้คือ ภัทรกร เคยพบพ่อของเธอมาก่อน และเขาจำชื่อ “สิรินทร” ได้ตั้งแต่วันที่เจอเธอครั้งแรก…
แต่เขาเลือกเงียบมาตลอด…จนวันนี้ ภัทรกรตัดสินใจทำบางอย่าง
⸻
✦ ภัทรกรเจอคาริสา
ห้องเอกสารเงียบว่าง มีเพียงคาริสานั่งอยู่ท่ามกลางกองแฟ้ม เมื่อเธอเห็นเขาเดินเข้ามา ก็ลุกขึ้นทันที
“คุณภัทรกร มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
“เปล่าครับ แค่ผ่านมาเห็นไฟล์ที่คุณเปิด…คุ้นตาดี”
คาริสายิ้มเล็กน้อย
“โครงการ SkyEast ใช่ไหมคะ?”
เขาพยักหน้า
“เคยมีคนเล่าให้ฟังเมื่อก่อน คนที่เคยเป็นหุ้นส่วน แต่หายไปอย่างไม่มีเหตุผล”
คำพูดนั้นเหมือนตั้งใจทิ้งไว้ให้เธอคิด แต่เขาไม่ได้พูดต่อ
คาริสาตัดสินใจถามตรง ๆ
“คุณรู้จักพ่อฉันเหรอ?”
ภัทรกรเลิกคิ้วน้อย ๆ เหมือนไม่แปลกใจกับคำถาม
“รู้จักจากข่าว”
แล้วพูดต่อเรียบ ๆ
“และรู้ว่าคนในข่าวแบบนั้น ไม่ควรไว้ใจง่าย ๆ”
⸻
✦ สายตาที่ประจันกัน
ทั้งคู่ยืนนิ่งสบตา ต่างคนต่างเก็บบางอย่างไว้ในใจ
คาริสาไม่รู้ว่าเขารู้อะไรบ้าง แต่ชัดแล้วว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอควรมองข้าม
“คุณกำลังเตือนฉันอยู่ใช่ไหมคะ?”
ภัทรกรยิ้มบาง ๆ
“ผมไม่อยากเห็นธีรภพเจ็บ ถ้าคุณมาเพื่อสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เขา บอกเขาให้เร็ว
เพราะถ้าไม่…ผมจะเป็นคนบอกเอง”
⸻
✦ ธีรภพกับรายงาน
เย็นวันนั้น เลขาฯ ส่วนตัวนำรายงานประจำเดือนมาวาง พร้อมแฟ้มข่าวลือที่แพร่ในบริษัท
ธีรภพเปิดอ่าน เห็นชื่อคาริสาปรากฏหลายครั้ง ทั้งในกลุ่มข้อความภายใน และบทวิเคราะห์จากพนักงานเก่าที่เคยทำงานกับพ่อของเธอ
“คาริสา สิรินทร”
ทายาทอดีตหุ้นส่วน SkyEast
“หญิงสาวที่หายจากวงการไป 10 ปี กลับมาในฐานะที่ปรึกษาของ Artemis”
เขาอ่านเงียบ ๆ ไม่แสดงสีหน้า แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงที่ไม่เคยพูดออกมา
“คุณรู้ว่าผมจับตามองคุณมาตลอด…แล้วคุณจะยังโกหกผมอยู่ไหม คาริสา”
✦ ค่ำคืนนั้น
คาริสาเดินเข้าห้องมาด้วยความเหนื่อยล้า แสงไฟสลัวไม่ได้ช่วยให้เธอสบายใจเลย ตรงกันข้าม ความเงียบกลับย้ำให้เธอรู้ว่าทุกอย่างกำลังซับซ้อนขึ้น
เธอหยิบมือถือเครื่องลับขึ้นมา มีข้อความใหม่เพียงประโยคเดียว
“มีคนในบริษัทเริ่มจับตาเธอ ระวังตัว คนคนนั้น…ไม่ใช่แค่เพื่อนของธีรภพ”
เธออ่านซ้ำถึงสามครั้ง แต่หัวใจกลับหนักกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เริ่มกัดกินใจเธอคือ “ความรู้สึกผิด”
⸻
✦ ทริปลับกลางทะเล
เช้าวันเสาร์ 6 โมงตรง ข้อความจากธีรภพส่งเข้ามา
“เตรียมกระเป๋าหนึ่งใบ แล้วลงมาภายใน 30 นาที”
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำถาม มีแต่คำสั่งสั้น ๆ ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
คาริสามองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปที่ไหน และไม่รู้ด้วยว่าควรไปหรือไม่
แต่สุดท้าย…เธอก็หยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมา มือที่เคยมั่นคงกลับสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
⸻
✦ สนามบินส่วนตัว
เครื่องบินเจ็ตสีขาวสะอาดจอดรออยู่กลางลาน ไม่มีป้าย ไม่มีโลโก้ ไม่มีเลขทะเบียนที่คนทั่วไปเข้าถึงได้
นักบินกับลูกเรือพูดเพียงสั้น ๆ
“เชิญครับ คุณคาริสา”
คาริสาก้าวขึ้นเครื่องด้วยหัวใจที่สับสนมากกว่าทุกครั้ง พอประตูปิด เธอเห็นธีรภพนั่งอยู่แล้วตรงข้าม เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน สูทวางพาดไว้ด้านหลัง แววตาคมที่เหมือนรู้ทันทุกอย่างเกินกว่าที่เธออยากให้เขารู้
“ทำไมต้องบินเช้าแบบนี้?” เธอถาม
“เพราะผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราหายไปพร้อมกัน”
เขายิ้มเล็กน้อย แต่สายตาไม่ได้ยิ้มด้วย และเธอเริ่มเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การชวนไปพักผ่อน
⸻
✦ วิลล่ากลางทะเล
ที่ที่พวกเขาไปถึงคือวิลล่าส่วนตัวบนเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อในแผนที่ บ้านไม้ผสมหินตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลใสจนเห็นพื้นทราย
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีผู้คน มีเพียงเธอกับเขา
และ “คำถาม” ที่เธอรู้ว่าเขาพามาเพื่อหาคำตอบ
⸻
✦ ระเบียงริมทะเล ตอนกลางวัน
คาริสามองทะเลอยู่บนเก้าอี้ริมระเบียง ใส่เสื้อคลุมสีขาวบาง ๆ ธีรภพยื่นแก้วน้ำเย็นให้แล้วนั่งลงข้าง ๆ ความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่ง
จนเขาเอ่ยขึ้นมา
“ผมมีคำถามเดียว อยากให้คุณตอบด้วยความจริง ไม่ใช่ในฐานะที่ปรึกษา ไม่ใช่ในฐานะคนที่ผมจีบ”
เธอเงียบ มือที่ถือแก้วแน่นขึ้น
“คุณ…มาที่ Artemis ด้วยเหตุผลอะไร?”
คาริสาหลับตา คำถามนั้นคือสิ่งที่เธอถามตัวเองทุกคืน ก่อนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสบตาเขา
“ฉันมีเหตุผลที่ยังพูดไม่ได้ตอนนี้”
เขาจ้องเธอไม่ละสายตา แต่เสียงเบาลง
“งั้นแปลว่า…สักวันผมจะต้องได้รู้?”
“ใช่…”
“แล้ววันนั้น…ผมจะยังอยู่ตรงนี้ได้ไหม?”
เธอไม่กล้าตอบ เพราะไม่รู้เลยว่า เมื่อความจริงถูกเปิด ความรักของเขาจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
⸻
✦ ค่ำคืนใต้แสงจันทร์
เธอเดินออกมายืนริมทะเลยามค่ำ ลมพัดเบา ๆ ทรายเย็นชื้นใต้เท้า ฟ้าเปิดมีพระจันทร์เต็มดวง
ธีรภพเดินออกมาตาม ยืนอยู่ข้างเธอ มือทั้งสองซุกกระเป๋ากางเกง มองออกไปไกลเหมือนคิดอะไรเงียบ ๆ
“คุณเชื่อไหม ว่าผมไม่เคยอยากพักกับใครเลย”
เธอหันไปมอง เขายังพูดต่อ
“แต่กับคุณ…ผมแค่อยากอยู่แบบนี้ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพิสูจน์ ขอแค่คุณยืนข้าง ๆ”
เธอรู้ทันทีว่าเขากำลังเปิดใจจริง ๆ และนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ธีรภพไม่ใช่ประธานใหญ่ แต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่อยากมีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่กลัวว่าจะถูกหักหลัง
⸻
✦ คืนที่ไม่มีใครเห็น
เขาเดินเข้ามาใกล้ หยุดตรงหน้า แล้วแตะแก้มเธอเบา ๆ เลื่อนลงมาที่ลำคอเหมือนอยากแน่ใจว่าเธออยู่ตรงนี้จริง ๆ
เธอหลับตา ไม่ได้พูดอะไร ไม่มีการเรียกร้อง แค่ยืนในอ้อมกอดเขา
อ้อมกอดนั้นเหมือนบอกว่า ต่อให้เขาคุมทุกอย่างบนโลกนี้ได้ แต่สิ่งที่เขาไม่อยากเสียที่สุดก็คือ “เธอ”
“ฉันไม่อยากให้คุณรักฉันนะคะ” เธอพูดเสียงสั่นในอกเขา
แต่เขาตอบชัดเจน “ผมไม่เคยถามเลยว่าจะหยุดรักคุณยังไง”
🖋️ “คืนที่เธอปล่อยใจ”
คืนนั้นไม่มีโลกธุรกิจ ไม่มีอดีต ไม่มีแผนการ มีเพียงเธอกับเขา ที่ยอมวางหน้ากากและสถานะไว้ แล้วเลือกอยู่กับความรู้สึกตรงหน้าเท่านั้น
⸻
✦ คืนที่เธอปล่อยใจ
เสียงคลื่นดังแผ่ว ลมหายใจผสมกลิ่นทะเลยามค่ำ แสงจันทร์ส่องลงบนระเบียงไม้อย่างเรียบง่าย
คาริสามานั่งพิงราวระเบียง ผมปลิวตามลม สวมชุดคลุมสีครีมที่เขาเตรียมไว้ให้ ธีรภพนั่งข้าง ๆ มือหนึ่งถือแก้วน้ำ อีกมือยื่นออกมาให้เธอวางมือ เธอวางโดยไม่ต้องพูดอะไร
“รู้ไหมคะ ฉันกลัวคำว่ารักมากแค่ไหน”
เสียงเธอนุ่ม ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ แต่เพราะพูดออกมาจากใจ
“ทุกครั้งที่เริ่มชอบใคร ฉันจะถอยก่อนเสมอ เพราะฉันมีบางอย่างที่เขาไม่ควรรู้”
ธีรภพฟังเงียบ ๆ ไม่ถาม ไม่ปลอบ แค่สายตาที่บอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้
“แต่กับคุณ ฉันหยุดถอยไม่ได้ ยิ่งอยู่ด้วยกัน ฉันยิ่งไม่อยากโกหก”
เขาจับมือเธอแน่นขึ้น
“งั้นอย่าโกหก แค่ยังไม่พูดตอนนี้ก็ได้ แต่ขออย่างเดียว…”
เธอหันมามองตาเขา หัวใจเต้นแรง
“อย่าจากไป โดยไม่ให้ผมรู้ความจริงจากปากคุณ”
⸻
✦ ห้องนอนที่ไม่มีขอบเขต
คืนนั้นไม่มีคำว่ารัก ไม่มีคำยอมรับ แต่เมื่อเธอเดินเข้าห้อง เขายืนอยู่ตรงประตู แววตาเหมือนขอว่า
“คืนนี้อยู่ตรงนี้กับผม แค่ในฐานะคนที่คุณไว้ใจ”
และเธอก็เลือกปิดประตูด้วยมือเธอเอง
⸻
✦ แสงไฟในความจริง
ในห้องมีเพียงโคมไฟเล็ก กลิ่นไม้หอมลอยอ่อน ๆ
เขาถอดนาฬิกา วางเสื้อเชิ้ต เหลือแค่เสื้อยืดเรียบง่าย แล้วนั่งลงข้างเตียง เธอเดินมานั่งข้างเขา ความเงียบระหว่างกันไม่อึดอัด แต่เป็นความสบายใจ
เขามองเธอ ก่อนถามสั้น ๆ
“หนาวไหม?”
เธอส่ายหน้า แล้วเอนลงข้าง ๆ เขา ขยับเข้ามาใกล้ จนหัวใจสองดวงเต้นไปด้วยกัน
⸻
✦ อ้อมแขนที่จริงใจ
เขาโอบเธอจากด้านหลัง อบอุ่นแต่ไม่รั้ง ปลายนิ้วไล้เบา ๆ จนเธอหลับตา
“ฉันไม่เคยนอนกับใครโดยไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้” เธอพูดเบา ๆ
“แต่คืนนี้ ฉันขออยู่ตรงนี้ ไม่ต้องรีบตื่นทันทีที่เช้า”
เขากดจมูกแตะข้างแก้มเธอ กระซิบกลับ
“ผมจะยังอยู่ แม้คุณยังไม่พร้อมตื่นมาเจอผมทุกเช้า ผมก็จะรอวันนั้นอยู่ดี”
คืนนั้นไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีความร้อนแรงเกินไป มีเพียงสัมผัสเงียบ ๆ ที่ค่อย ๆ ทำให้ทั้งคู่ถอด “กำแพง” ออกจากกัน
เธอนอนพิงอกเขา เขามองเส้นผมเธอบนหมอน มือไม่เคยปล่อยมือเธอเลยทั้งคืน และครั้งแรกในรอบหลายปี เธอหลับโดยไม่มีฝันร้าย
⸻
🖋️ “เช้าแรกที่ไม่อยากแยกจาก”
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น คาริสารู้ว่าวันใหม่จะมีคำถามมากมายรออยู่ แต่เช้านี้เธอขอแค่อยู่ตรงนี้อีกนิด ใต้แดดอุ่นเงียบ ๆ และในอ้อมกอดที่เธอไม่อยากปล่อยไปเลย
*.❅· ⋆·˚ ༘ ‧⁺◟꒰ ꒱˚ ༘♡