☀️ เช้าแรกที่ไม่อยากแยกจาก
เสียงคลื่นยังคงดังซัดเข้าหาฝั่งอย่างสม่ำเสมอ
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ จนเกิดเงาอ่อน ๆ บนผ้าปูเตียงสีขาว รอบ ๆ เกาะเงียบสงบกว่าที่ไหนที่คาริสาเคยตื่นมา
เธอค่อย ๆ ขยับตัว รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่แนบอยู่ด้านหลัง แขนของธีรภพยังโอบเธอไว้จากด้านหลัง นิ้วเขาวางหลวม ๆ บนข้อมือเธอ เหมือนตั้งใจจะกอดไว้จนกว่าเธอจะเป็นฝ่ายปล่อย
คาริสาอยากให้เช้านี้เวลาเดินช้าลง อยากหยุดเวลาเอาไว้ก่อนที่โลกจริงจะกลับมาดึงเธอออกไป เธอไม่เคยคิดเลยว่า แค่ตื่นมาข้างใครสักคน จะทำให้รู้สึกปลอดภัยและสงบได้มากขนาดนี้
“คุณยังไม่อยากลุกใช่ไหม”
เสียงทุ้มของเขาดังเบา ๆ ข้างหู เหมือนรู้ดีว่าเธอตื่นแล้ว
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ มือของเขาขยับจากข้อมือมาทาบบนหลังมือ กดแน่นขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องลุก”
คาริสาหลบตาลง ก่อนจะกระซิบ
“ฉันไม่เคยอยู่เฉย ๆ แบบนี้ได้เลย ไม่เคยคิดเลยว่าการตื่นขึ้นมาเฉย ๆ ข้างใครสักคนจะมีค่าขนาดนี้”
ธีรภพตอบทันที น้ำเสียงมั่นคง
“เพราะคุณไม่เคยเจอคนที่ทำให้คุณอยากอยู่เฉย ๆ มาก่อน”
เธอหัวเราะเบา ๆ พลางหันไปมองเขา
“คุณมั่นใจจังนะ ว่าตัวเองมีผลต่อฉันขนาดนั้น”
เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบกลับด้วยสายตาจริงจัง
“ผมไม่ได้มั่นใจในตัวเอง…ผมแค่มั่นใจในแววตาคุณเมื่อคืน”
✦ มื้อเช้าที่ไม่เคยคิดว่าจะมี
เธออาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา
ขณะที่ธีรภพจัดโต๊ะอาหารง่าย ๆ ไว้บนระเบียงไม้
มีแค่ขนมปังอบใหม่ กล้วยปิ้งหอม ๆ กาแฟดำ และชาอู่หลงที่เขาต้มให้เธอเอง
เธอเดินออกมานั่งตรงข้าม เขาสังเกตเห็นผ้าพันคอบาง ๆ คลุมไหล่ และใบหน้าเปลือยเครื่องสำอางที่สวยจนเขาไม่อยากหันมองที่อื่น
“คุณรู้ไหมคะ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้นั่งกินมื้อเช้าเงียบ ๆ แบบนี้ โดยไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเช็กทุกห้านาที”
เขายิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า
“เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณ…หรือเพราะคุณอยากวางมันลงจริง ๆ”
เธอวางแก้วชาลง มองตาเขาตรง ๆ แล้วพูดเบา ๆ
“เพราะฉันเริ่มไม่อยากกลับไปฟังเสียงจากโลกข้างนอกแล้วค่ะ”
✦ คำถามที่ค้างอยู่ในใจ
หลังอาหาร ทั้งคู่เดินเล่นริมชายหาด มือสอดกันเงียบ ๆ ไม่มีใครเริ่มก่อน แต่ก็ไม่มีใครปล่อยออก
“คุณเคยคิดไหมคะ ว่าเราจะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหน” เธอถาม
“ไม่นาน” เขาตอบทันที
เธอหันมามองเขาเล็กน้อย ยังไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร
เขาพูดต่อช้า ๆ
“เพราะโลกจริงจะตามเราทันทั้งข่าวลือ คนที่ไม่พอใจ และความจริงที่คุณยังไม่ได้บอกผม มันจะทำให้เราไกลกันในที่สุด”
เธอหยุดเดิน แล้วถามด้วยเสียงที่เหมือนกำลังขอความหวัง
“แล้วคุณจะยังอยู่ไหมถ้าวันหนึ่งคุณรู้ว่าฉันไม่ได้ซื่อสัตย์กับคุณตั้งแต่แรก”
ธีรภพเดินเข้ามาใกล้ ใช้มือประคองใบหน้าเธออย่างมั่นคง
“ผมไม่ต้องการผู้หญิงที่ไม่เคยโกหก
ผมต้องการผู้หญิงที่กล้ายืนอยู่ตรงหน้าผมต่อไป
ถึงแม้ว่าในตอนแรกเธอจะเคยโกหกผมก็ตาม”
✦ เสียงเรียกจากกรุงเทพฯ
ตอนบ่าย เรือสปีดโบ๊ทที่บริษัทส่งมาแล่นเข้ามาจอดที่ท่า
เขามองเธอ
เธอมองเขา
“ฉันต้องกลับแล้ว” เธอพูดเสียงเบา
“ผมรู้” เขาพยักหน้า “แต่ถ้าคุณอยากอยู่ ผมจะไม่ให้เรือมารับ”
เธอยิ้มเศร้า ๆ แล้วตอบ
“แต่ฉันต้องกลับไปเจอโลกที่ฉันทิ้งไม่ได้ค่ะ”
เขาเดินมาส่งจนสุดสะพานไม้ ไม่ได้พูดคำลาหวาน ไม่ได้ให้สัญญาใด ๆ แต่เธอรู้ดี…ว่าเขาจะรอ
✦ หันกลับไปอีกครั้ง
คาริสาหันกลับไปมอง เขายังยืนอยู่ที่ปลายสะพานเหมือนเดิม เหมือนเมื่อคืน เหมือนทุกครั้งที่เธออยากให้ใครสักคนอยู่ที่เดิม แม้เธอเองจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม
ครั้งนี้…เธอหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นเรือ ทั้งที่ใจยังไม่อยากกลับ แต่เธอตัดสินใจ “กลับ” เพราะรู้ดีว่า ถ้าเขาคือความสุข… เธอก็ยังมี “หน้าที่” ที่ต้องทำให้เสร็จก่อน ถึงจะสมควรได้รับมัน
🖋️ “เธอกลับสู่เมืองใหญ่”
เมื่อคาริสากลับถึงกรุงเทพฯ ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ข่าวลือในบริษัททวีความร้อนแรงขึ้น ภัทรกรเริ่มรุกเข้ามาใกล้กว่าเดิม และสิ่งที่รอเธออยู่อาจไม่ใช่แค่ความจริงเกี่ยวกับพ่อ… แต่เป็นความรู้สึกของเธอเอง ที่ต้องเลือกและตัดสินใจเสียที
✦ การกลับสู่ความจริง
การกลับมาของคาริสา เหมือนโลกในเมืองที่เธอเคยพยายามหนี เริ่มไล่ตามมาทัน พร้อมกับสายตาของคนรอบตัวที่ไม่เหมือนเดิม และบททดสอบเงียบ ๆ จากคนที่ไม่พูดตรง ๆ แต่เหมือนรู้มากกว่าที่ควรรู้
✦ วันที่เธอกลับมาสู่เมืองใหญ่
เสียงประตูรถเบนซ์หรูปิดลงทันทีที่เธอก้าวออกมา รองเท้าส้นสูงแตะลงบนพื้นกระเบื้องหน้าตึก Artemis Group
คาริสารู้สึกได้ถึงแรงกดดันทันที ไม่ใช่เพราะแสงแฟลช ไม่ใช่เพราะเสียงนักข่าว แต่เป็นเพราะ “สายตาของคน” ที่มองมา
เธอเดินผ่านพนักงานที่เคยยิ้ม เคยทักทาย วันนี้รอยยิ้มนั้นหายไป กลายเป็นแววสงสัยและเหมือนตัดสินเธอเงียบ ๆ โดยไม่ต้องพูดออกมา
“เธอกลับมาคนเดียวเหรอ?”
“ผู้หญิงที่ได้สิทธิพิเศษขนาดนี้…เป็นใครกันแน่?”
“ที่ปรึกษาพิเศษ หรือมีอะไรพิเศษกว่านั้น?”
เสียงเหล่านี้ไม่ได้ดังให้ได้ยินจริง แต่เหมือนกระซิบอยู่ข้างหลัง อยู่ในแชทกลุ่มที่เธอไม่มีชื่อ อยู่ในคำพูดที่ไม่เรียกตรง ๆ แต่เธอก็รู้…ว่าได้ยินมันทั้งหมด
✦ ห้องทำงานที่ไม่เหมือนเดิม
คาริสากลับขึ้นไปที่โต๊ะประจำชั้น 28 ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม แต่ความเงียบรอบตัวทำให้เธอรู้ว่า อะไรบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
แม้แต่เลขาฯ ของธีรภพ ที่ปกติจะยิ้มทักทายสุภาพ วันนี้ก็หลบตา ก่อนจะวางแฟ้มบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“คุณธีรภพจะเข้าประชุมสายค่ะ เขาฝากให้คุณดูแฟ้มนี้ก่อน”
คาริสารับแฟ้มมาโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจรู้ดีว่า…สิ่งที่รอเธออยู่ข้างหน้า ไม่มีใครบอกล่วงหน้าแน่นอน
✦ ภัทรกรรออยู่ก่อนแล้ว
ในห้องประชุมเล็กที่มีกระจกใสเห็นวิวเมือง
คาริสาเดินเข้าไปแล้วนั่งตรงข้ามภัทรกร
ผู้ชายที่ไม่เคยพูดตรง ๆ แต่ทุกคำของเขามีน้ำหนัก
“ทริปเงียบ ๆ น่าสนใจนะครับ”
เขาพูดเสียงเรียบ
“ยิ่งพอกลับมา คนในบริษัทก็พูดถึงมันมากกว่างานจริง ๆ เสียอีก”
คาริสาวางแฟ้มลง ยิ้มบาง ๆ
“บางทีการเงียบ ก็ทำให้เสียงอื่นดังขึ้นเองค่ะ”
“แต่เสียงเหล่านั้น…บางครั้งก็ไม่เลือกว่าจะทำลายใคร”
เขามองตรง
“ผมเตือนในฐานะคนที่รู้ว่าวงการนี้ ไม่ยอมให้ใครขึ้นมาได้ โดยไม่มีต้นทุน”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันไม่สนใจว่าใครจะคิดว่าฉันขึ้นมาด้วยอะไร สนใจแค่ว่าฉันกำลังทำอะไรเพื่อบริษัทนี้”
ภัทรกรยิ้ม แต่แววตายังคงกดดัน
“ดีครับ เพราะอีกสามวัน ผมจะเชิญคุณพรีเซนต์โครงการใหม่ต่อหน้าคณะกรรมการทั้งหมด”
เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย
“โครงการไหนคะ?”
“SkyEast Revival Initiative”
เขาตอบทันที
“โครงการที่จะฟื้นฟูชื่อเดิมของบริษัท…ชื่อที่เคยล้มเพราะคดีเก่า และชื่อที่พ่อคุณเคยเกี่ยวข้องด้วย”
หัวใจเธอชะงัก แต่สีหน้ายังคงนิ่ง
เธอพยักหน้า
“ได้ค่ะ ฉันจะเตรียมตัวให้พร้อม”
✦ ด้านธีรภพ
ช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังกลับจากประชุมใหญ่
ทันทีที่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ธีรภพก็ตรงขึ้นมาที่ชั้น 28 ทันที
เขาเปิดประตูเข้าไป เห็นคาริสากำลังอ่านเอกสาร ใบหน้าสงบเหมือนเดิม
แต่เขารู้ดีว่าภายในใจ เธออาจจะไม่สงบขนาดนั้น
“ผมควรอยู่ตอนคุณกลับมา”
เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
เธอเงยหน้ามองเขาแล้วส่ายหัว
“คุณมีประชุมสำคัญ ฉันเข้าใจค่ะ”
เขาก้าวเข้ามา ยืนตรงหน้าเธอ
“มีใครพูดอะไร ทำให้คุณรู้สึกผิดบ้างไหม?”
เธอส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนตอบเบา ๆ
“ไม่ค่ะ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
เขานิ่งไปสักพัก ก่อนวางมือลงบนแฟ้มเอกสารตรงหน้าเธอ
“งั้นอย่าลังเลอีก เพราะถ้าคุณไม่กลัวจะอยู่ข้างผม ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณต้องเผชิญอะไรคนเดียว”
🖋️ เกมในห้องประชุม
อีกสามวัน คาริสาจะต้องเผชิญหน้าคณะกรรมการ ที่บางคนยังเชื่อข่าวลือ และบางคนอาจเกี่ยวพันกับอดีตของพ่อเธอ การประชุมครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การเสนอแผน แต่คือบทพิสูจน์ว่าเธอจะยืนตรงไหนต่อไป
คาริสากับธีรภพที่เปลี่ยนไป
หลังจากคืนที่ทั้งคู่ได้ “วางใจ” อยู่ข้างกัน
✦ เกมในห้องประชุม
เช้าวันอังคาร ห้องประชุมชั้นบนสุดของ Artemis Group เต็มไปด้วยความเงียบกดดัน
โต๊ะหรู โทนสีเทาเงิน ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายเลย
คาริสา ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้อง ยืนอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์
สายตาทุกคู่จับมาที่เธอ ไม่ใช่เพราะแผนงานที่เธอจะเสนอ แต่เพราะตัวตนของเธอ
ลูกสาวอดีตซีอีโอ SkyEast
ผู้หญิงที่ใกล้ชิดประธานบริษัทที่สุด
และเจ้าของแนวคิดจะฟื้นชื่อที่ใคร ๆ คิดว่าควรหายไปแล้ว
✦ การเริ่มต้นที่ไม่ง่าย
เธอกดรีโมต เปลี่ยนสไลด์ขึ้นจอ
“SkyEast Revival Initiative”
ตัวอักษรสว่างชัด
เสียงเธอนิ่ง เรียบ แต่หนักแน่น
“ฉันเชื่อว่า แบรนด์ที่เคยล้มเหลว ถ้าได้รับการฟื้นด้วยข้อมูลจริงและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง มันจะไม่ใช่ความเสี่ยง แต่เป็นทรัพย์สินที่ถูกทิ้งไว้”
ห้องยังเงียบ ไม่มีแม้แต่การพยักหน้า
เธอกล่าวต่อ
“ชื่อ SkyEast ยังคงมีฐานลูกค้ากว่า 5 แสนคน
และยังถูกค้นหาและพูดถึงออนไลน์ทุกเดือน โดยที่เราไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเลย”
เธอเดินขึ้นไปข้างหน้าอีกก้าว
ไม่ใช่เพื่อท้าทาย
แต่เพื่อให้เสียงของเธอถึงทุกคนที่ยังลังเล
“วันนี้ฉันไม่ได้มาพิสูจน์ว่าฉันเก่งกว่าทุกคน
แต่ฉันอยากถามว่า…เราจะทำให้ชื่อที่เคยถูกเกลียด กลายเป็นชื่อที่คนกลับมาเชื่อใจได้อีกครั้งไหม”
✦ คำถามที่เธอรู้ว่าจะต้องเจอ
คุณชัยณรงค์ กรรมการอาวุโสผู้ทรงอิทธิพลเงยหน้าจากเอกสาร
แล้วถามเสียงเรียบ
“คุณรู้ไหมว่าทำไมชื่อ SkyEast ถึงไม่มีใครอยากพูดถึง?”
เขาหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“เพราะมันเคยโกงทั้งประเทศ แล้วก็หายไปโดยไม่เคยขอโทษใคร”
คาริสานิ่งไปเสียงในอกแทบสั่น
แต่เธอตอบตรง ๆ
“ใช่ค่ะ ฉันรู้”
“แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะลูกสาวใคร
ฉันมาในฐานะคนที่เห็นว่าความผิดพลาดควรถูกแก้ไข ไม่ใช่ถูกลืม”
คุณชัยณรงค์จ้องเธอ
แล้วถามต่ออย่างชัดถ้อย
“ถ้าโครงการนี้ล้ม คุณกล้ารับผิดชอบแทนพ่อคุณไหม?”
คาริสาหยุดหายใจแค่เสี้ยววินาที
ก่อนตอบโดยไม่ถอย
“ค่ะ…ฉันกล้า”
✦ ธีรภพพูดครั้งแรก
เขานั่งเงียบอยู่ปลายโต๊ะ ตลอดการนำเสนอไม่พูดแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่งตอนนี้ เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นและมั่นคง
“ถ้าแผนนี้ล้ม ผมจะรับผิดชอบด้วย”
ทุกคนหันมามองเขา แม้แต่คาริสาก็หยุดชะงัก
“Artemis Group จะไม่ปล่อยให้ใครต้องรับทุกอย่างคนเดียว
ถ้าเธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่มีใครกล้า
ผมในฐานะ CEO ก็พร้อมจะรับมันเป็นของเราเหมือนกัน”
เขาหันมามองตาเธอตรง ๆ
สายตานิ่ง ไม่อ่อนโยน แต่ชัดเจนจนไม่มีใครตีความอย่างอื่นได้
“เธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
✦ หลังประชุม
เมื่อประตูห้องประชุมปิดลง
คาริสากลับมาที่ห้องทำงาน วางแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างช้า ๆ
เธอนั่งพิงเก้าอี้ ถอนหายใจยาว
ไม่นาน ธีรภพก็เดินตามเข้ามา
เขาปิดประตูแน่น แล้วก้าวมาหยุดตรงหน้าเธอ
“ผมรู้ว่าผมไม่ควรพูดแทรก”
เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ตอนที่เขาพูดถึงพ่อคุณ…ผมเห็นคุณกำมือแน่นมาก ผมไม่อยากให้คุณล้มตรงนั้น”
คาริสาเงยหน้าขึ้น
ตาแดงเล็กน้อย แต่ไม่ร้องไห้
“คุณช่วยฉันอีกแล้ว…ทั้งที่ฉันไม่ได้ขอ”
ธีรภพนั่งลงข้างเธอ เงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะพูดเสียงเบา
“ก็ให้ชินไปเลย
เพราะต่อจากนี้…คุณไม่ต้องขอ ผมจะอยู่ตรงนี้เอง”
คาริสายิ้มบาง ๆ
ตอบกลับด้วยเสียงที่แทบเป็นกระซิบ
“งั้นอยู่ให้นาน…จนกว่าฉันจะไม่ต้องกลัวอดีตของตัวเองอีกนะคะ”
🖋️ “เงาที่ซ่อนในไฟล์”
เมื่อเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น จู่ ๆ ก็มีอีเมลลึกลับส่งเข้ามาในเครื่องของคาริสา
เป็นไฟล์เก่าที่เกี่ยวข้องกับ SkyEast ข้อมูลที่ไม่เคยอยู่ในฐานระบบบริษัท
และชื่อผู้ส่งคือ “C. Sirinthorn”…ชื่อเดียวกับพ่อของเธอ
❤️🩹☀️. ˗ˏˋ ♡ ˎˊ˗ ♡̷̷̷. ᙏ̤̫͚. ✿. ( *´ސު`*)