bc

แค้นรักทาสเสน่หา

book_age18+
357
FOLLOW
1.1K
READ
drama
like
intro-logo
Blurb

คนหนึ่งก็รัก อีกคนก็หวงแหน...

เขาจะเลือกใคร ระหว่างอดีตเด็กหญิงตัวน้อยที่เคยจูงมือ โอบอุ้มและพาขี่คอ

กับสาวสวยที่ทำให้เขาหลงรักตั้งแต่แรกพบ...

“น้องปัญ ได้โปรด... ห้ามพี่ หยุดพี่เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าเสียจนคนฟังยังสะท้าน เขาให้หล่อนห้าม แล้วหล่อนจะห้ามเขาได้อย่างไร ไม่ไหวหรอก หล่อนไม่รู้วิธี...

สมองน้อยๆ คิดอย่างสับสน เขาป้อนความรัญจวนให้ แต่กลับขอให้หล่อนหยุดความรู้สึกนั้น มันโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มมีประสบการณ์รัก

ในความวาบหวามและหวาดหวั่นที่รายล้อมรอบกายสาว ชายหนุ่มกัดฟันกระชากตัวออกจากร่างนุ่มละมุน แต่ให้ตายเถอะ! ราวกับว่าหล่อนพลังดึงดูดเขา และเขากำลังจะคลั่งเพราะคลื่นความปรารถนาที่ถาโถม โดยเฉพาะเมื่อหญิงสาวสะท้านร่างไขว่คว้าเกาะเกี่ยวร่างแข็งแกร่งของเขาไว้ นั่นทำให้สติของชายหนุ่มขาดผึง เขาก้มลงจูบหญิงสาวอีกครั้ง เป็นจูบที่ต่างจากจูบอ่อนหวานในคราวแรก มันเร่าร้อนและรุนแรง เขาลูบไล้ไปทั่วอย่างหนักหน่วง นาบไปถึงไหนก็ร้อนไปถึงนั่น มือหนาลูบผ่านหน้าทองลงมาทาบฝ่ามือกับเนินนารีด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน จนหญิงสาวสะดุ้งเฮือกแต่ก็มิได้ขัดขืน เขาลูบไล้เนินเนื้อผ่านแพนตี้ตัวสวยแผ่วเบา แล้วค่อยๆ กดนิ้วแกร่งลงกรีดตามร่องสวาทผ่านเนื้อผ้าราคาแพง แล้วจึงกระชากผ้าตัวจิ๋วออกจากสะโพกผายในเวลาต่อมา หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบ หญิงสาวรับรู้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวและเย็นยะเยือก ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไร้ซึ่งแรงต้านทาน และไม่มีส่วนใดเป็นความลับกับเขาอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือการพลิกหน้าหนี ความกระดากอายเคลือบฉาบบางๆ เมื่อสายตาคมกริบกวาดไล้ไปทั่วผิวพรรณผุดผาดอย่างชื่นชม

“น้องปัญของพี่สวยเหลือเกิน สวย...ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ปัญจ๋า ยอดรักของพี่ พี่รักน้องปัญ”

chap-preview
Free preview
บทนำ
บทนำ "พี่ภัทรขา อยู่ไหนคะ น้องปัญเหนื่อยแล้วนะคะ" เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงปัญชิตา พิชญเวช วัยห้าขวบ หรือยัยตัวยุ่งของทุกคน ทำให้ ภัทร ภัทรโชติ ต้องเงยหน้าขึ้นจากงาน ดวงตาคมกริบที่ควรมีความสดใสนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบเกินวัย และกำลังมองหาต้นเสียงของ ‘ยัยตัวยุ่ง’ ที่ร้องเรียก... ภัทร หนุ่มน้อยวัยเพียงสิบแปดปี ต้องแบกรับหน้าที่อันหนักหนาแทนบิดาที่จากไปกะทันหัน ด้วยการดูแลไร่อุ่นรักแทนบิดาผู้วายชนม์ ส่วนคุณอุ่นเรือนผู้เป็นมารดานั้น ร่างกายไม่แข็งแรงนัก แต่ดีอยู่ว่าฐานะทางการเงินที่บิดาได้สร้างไว้มั่นคง เขาและมารดาจึงไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงิน เพียงแต่เขาต้องสานต่องานของครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาจะต้องทำอยู่แล้วในอนาคต แค่เร็วกว่าที่ทุกคนคิดไว้เท่านั้น... เสียงเล็กๆ ร้องเรียกพี่ชายใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ต้องลุกขึ้นไปหา… "ว่าไง ยัยตัวยุ่ง" เมื่อได้ยินเสียงร้องทักจากพี่ชาย เด็กหญิงปัญ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาพี่ชายสุดที่รักทันที ใบหน้าเล็กๆ เงยขึ้นมองใบหน้าคมคายของเขา ดวงตากลมโตเป็นประกาย แล้วริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสดก็เริ่มทำงาน... "พี่ภัทรขา น้องปัญหาตั้งนานแน่ะเมื่อยแขนขาหมดแล้ว" ยัยตัวยุ่งรายงานทันทีที่เจอหน้า ปากจิ้มลิ้มยื่นยาวเป็นเชิงฟ้อง ภัทรหัวเราะในลำคอพร้อมกับยอบตัวลงแล้วถามเด็กหญิงตัวกลมป้อมตรงหน้าด้วยความเอ็นดู "แล้วน้องปัญตามหาพี่ภัทรทำไมเอ่ย" "ก็ ก็...” แม่หนูน้อยทำท่าคิดว่าจะบอกเขาดีหรือไม่ แต่แล้วก็เอ่ยออกมาว่า “น้องปัญจาเอานกบนต้นไม้มาเลี้ยงค่ะ น้องปัญตัวเล็กขึ้นต้นไม้ไม่ได้ น้องปัญก็เลยหาพี่ภัทร ให้พี่ภัทรจับนกให้น้องปัญสักตัวจะได้ไหมคะ" แม่หนูตัวป้อมแก้มยุ้ยจีบปากจีบคอชะอ้อนบอก "น้องปัญสัญญานะคะ ว่าจะเลี้ยงให้ดีเลย จะสอนให้พูดด้วย" แม่คนตัวเล็กยิ้มหวาน อวดฟันซี่เล็กเอาใจพี่ชาย ขณะที่ภัทรยิ้มขันคำพูดที่ออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นแทบไม่หยุดหายใจ เพราะกลัวว่าพี่ชายจะไม่อนุญาต แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะนอกจากภัทรจะไม่รู้สึกขัดใจแล้ว เขายังยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูและรักใคร่ มือใหญ่จึงยกขึ้นแล้วยีผมเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้ "พี่ภัทรอนุญาตนะคะ" เมื่อเห็นเขายิ้มให้และเล่นด้วย จึงรีบเอ่ยถามอย่างมีความหวัง "น้องปัญคะ ทำไมน้องปัญถึงอยากเลี้ยงนกล่ะ" คำถามนั้นทำให้หนูน้อยปัญชิตารีบยิ้มกว้างเอาใจ "ก็น้องปัญอยากมีเพื่อนค่ะ เพื่อนที่เป็นสัตว์เลี้ยงด้วยนะคะ หนูนิดเพื่อนของน้องปัญก็มีค่ะ มีนก นกของหนูนิดพูดได้ด้วย น้องปัญก็เลยอยากมีมั่งค่ะ" ภัทรฟังแล้วอมยิ้ม เมื่อแม่หนูปัญของเขาพูดเป็นต่อยหอย แทบไม่เว้นช่องว่าง "แล้วน้องปัญรู้ไหม การที่เราไปเอานกมาเลี้ยงเนี่ย เราต้องไปเอาตอนมันยังเล็กอยู่ ถ้าแม่มันกลับมาไม่เจอลูกของมันจะทำยังไง แล้วถ้าเราเอาลูกมันมา มันก็ต้องคิดถึงแม่มัน การทำแบบนี้ก็เท่ากับเราไปพรากลูกมาจากแม่ ถ้าเป็นน้องปัญจะทำยังไงคะ ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนมาพาน้องปัญไปอยู่ที่อื่นแล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีก" เขาเอ่ยถามให้เด็กน้อยที่ยืนฟังเขาตาแป๋ว เด็กหญิงปัญชิตาทำตาโต รีบส่ายหน้าจนผมเส้นเล็กละมุนมือปลิวกระจาย “น้องปัญไม่ไปหรอก! ถ้ามีคนมาพาน้องปัญไป น้องปัญก็จะร้องดังๆ ให้พี่ภัทรช่วย" เด็กหญิงรีบพูดพร้อมทำหน้าขึงขัง ภัทรยิ้มพอใจ ก่อนบอก... "เห็นไหม ทีน้องปัญยังไม่ยอม ไม่อยากไปเลย แล้วนกมันจะอยากมาอยู่กับน้องปัญเหรอ" ถึงแม้ว่าปัญชิตาจะยังเยาว์นัก แต่แม่หนูน้อยก็ฉลาด รู้คิด คำพูดของเขาจึงทำให้เด็กน้อยที่คิดตามทำหน้าเศร้า... เมื่อเห็นเช่นนั้น ภัทรจึงอธิบายต่อ “ยิ่งถ้าเราจับมันมาขังไว้อีก มันก็จะไม่มีความสุข ก็เหมือนกัน ถ้าน้องปัญถูกจับมาขังไว้ในกรง ไม่มีใครยอมปล่อยน้องปัญให้ออกไปเล่น น้องปัญจะรู้สึกยังไง" ไม่มีคำตอบจากเด็กหญิง ใบหน้ากลมแป้นเริ่มซีดลง ภัทรลอบยิ้ม แล้วอธิบายต่อไปว่า... “เพราะฉะนั้น เมื่อน้องปัญไม่ชอบถูกขัง ก็ควรจะปล่อยให้นกอยู่ตามธรรมชาติ ปล่อยให้เขามีอิสระ เมื่อน้องปัญโตขึ้น ก็จะรู้ว่าการที่เราได้นอนฟังเสียงนกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ มองมันบินมาบินไป ทำให้น้องปัญมีความสุขเสียยิ่งกว่าการจับมันมาเลี้ยงและต้องขังไว้ในกรง รอวันที่มันเฉาตายเพราะความเศร้า" เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายด้วยแววตารู้สึกสงสารนกน้อยขึ้นมาจับใจ "งั้นน้องปัญไม่เลี้ยงแล้วก็ได้ เพราะน้องปัญอยากให้นกมีความสุขค่ะ" เขายิ้มให้ด้วยความเอ็นดู แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นไว้ในอ้อมแขน พาเดินออกจากห้องทำงาน ตรงไปยังสวนหลังบ้านทีมีผลไม้นานาชนิด แล้วหยุดอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับชี้ชวนให้ดูนก "น้องปัญ เห็นนกไหม " "เห็นค่ะ เยอะแยะเลย โอ้โห! ตัวนั้น ส๊วย สวย ค่ะ มีสีเหลือง สีเขียวด้วย " แม่หนูปัญชิตาพูดพลางชี้ให้เขามองตาม "แล้วน้องปัญว่าถ้าปล่อยให้มันอยู่แบบนี้กับเอามันไปขังไว้ แบบไหนถึงจะมีความสุขมากกว่ากันเอ่ย" "ก็อยู่แบบนี้ มีความสุขกว่าค่ะ ดูมันสนุกกันจังเลย บินไป บินมา ร้องจิ๊บๆ จิ๊บๆ" แม่หนูน้อยขยับปากเลียนเสียงนก ขณะที่ดวงตากลมโตมองตามนกตัวน้อยบินเหนือศีรษะ "งั้น น้องปัญก็ไม่อยากเลี้ยงแล้วใช่ไหม" คนตัวเล็กในอ้อมแขนกว้างพยักหน้าจนผมกระจายอีกรอบ "ไม่อยากเลี้ยงแล้วค่ะ น้องปัญสงสารมันค่ะ เดี๋ยวมันเหงา" เด็กหญิงสบตาพี่ชายใหญ่ ก่อนเงยหน้ามองนกหลากสีที่บินไปมา ทว่าลึกลงไปภายในหัวใจดวงน้อยแสนบริสุทธิ์ กลับยังไม่เลิกคิดเรื่องสัตว์เลี้ยง หนำซ้ำคิดวางแผนต่ออีกว่า... หากพี่ภัทรคนดีไม่ให้เลี้ยงนกเพราะต้องขังมัน ง้ันเดี๋ยวน้องปัญหาสัตว์ที่ไม่ต้องขังมาเลี้ยงดีกว่า ความคิดเจ้าเล่ห์ของเด็กน้อยไม่ได้รอดพ้นสายตาของเขาไปได้ เพราะดวงตาสุกใสกลมโตที่ฉายแววตื่นเต้นนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า จะไม่ยอมหยุดคิดหาเพื่อนเล่นมาแทนที่เจ้านกเป็นแน่แท้... หลายวันต่อมา... งื้ด...งื้ด... “มามะ มาหาพี่ปัญ เร็วเข้า เร็ว อื๊ด... โธ่! ทำไมต้องดื้อล่ะ เดี๋ยวพี่ปัญใส่เสื้อให้นะจ๊ะ” ขณะที่เด็กหญิงปัญชิตากำลังง่วนอยู่กับการใส่เสื้อให้น้องหมาที่ได้มาใหม่นั้น คุณอุ่นเรือนที่เดินเข้ามาตามเสียงเล็กๆ ก็ต้องส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวน้อยกับลูกหมาตัวจิ๋วกำลังชักกะเย่อกันอยู่ “โธ่! น้องปัญลูก อาบน้ำให้น้องหมาอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวน้องก็ไม่สบายกันพอดี” พูดจบคุณอุ่นเรือนก็เดินเข้ามานั่งข้างหลานสาวพร้อมกับลูบผมอ่อนนุ่มของเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความรักใคร่เอ็นดูและสงสารไปพร้อม ๆ กันในความอาภัพ “จริงๆ เหรอคะคุณป้า น้องปัญแค่ทำความสะอาดให้น้องหมา เท่านั้นค่ะ” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นถาม เกิดความกังวลเพราะกลัวว่าเจ้าหมาน้อยแสนน่ารักตัวนี้จะไม่สบาย “จริงสิจ๊ะ ตอนนี้น้องหมาของหนูยังเด็กอยู่ ถ้าอาบน้ำให้มันบ่อยๆ มันก็จะไม่สบาย เหมือนหนูไงจ๊ะ ถ้าหนูเปียกน้ำบ่อย หนูก็จะไม่สบาย เหมือนคราวก่อนที่หนูแอบไปเล่นน้ำฝนหลังบ้านจำได้ไหมจ๊ะ” เด็กหญิงปัญชิตาพยักหน้าหงึกหงัก เข้าใจที่คุณอุ่นเรือนสอน พร้อมกับนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์คราวก่อน “น้องปัญจำได้แล้ว น้อยปัญปวดหัว ตัวร้อน ตั้งหลายวันแน่ะค่ะ งั้นน้องปัญก็ต้องเช็ดตัวน้องหมาให้แห้ง ใส่เสื้อให้ความอบอุ่น น้องหมาจะได้ไม่เป็นไข้ ใช่ไหมคะ” ในขณะที่ปากจิ้มลิ้มกำลังพูดจำนันจาอยู่นั้น ภัทรก็เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบพร้อมกับให้สัญญาณมารดาไม่ให้ส่งเสียง “คุณป้าขา น้องปัญกลัวพี่ภัทรไม่ให้น้องปัญเลี้ยงน้องหมา ถ้าพี่ภัทรไม่ให้เลี้ยงแล้วน้องปัญจะทำยังไงดีค่ะ คุณป้าต้องช่วยน้องปัญคิดนะคะ” หลานสาวตัวน้อยรีบออดอ้อนหาทางช่วยเหลือน้องหมาทันที ปากก็พูดส่วนมือก็ลูบหัวลูบหางแล้วก็ก้มลงหอมน้องหมาดังฟอด ด้วยความรักเจ้าหมาน้อย ถึงแม้จะเพิ่งได้มาแค่วันเดียวก็ตาม “อะแฮ่ม! สองป้าหลาน ทำอะไรกันเอ่ย” ภัทรแกล้งทักเสียงดัง ทำให้เด็กหญิงปัญชิตาที่กำลังนั้งกอดน้องหมาถึงกับสะดุ้งโหยง หน้าซีด รีบอุ้มน้องหมาแล้วลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างหลังผู้เป็นป้าทันที ภัทรเห็นแล้วก็กลั้นหัวเราะ แสร้งเอ่ยถาม “อะไรกันครับน้องปัญ ทำไมต้องไปยืนแอบข้างหลังคุณป้าด้วยล่ะจ๊ะ” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าขรึม ยิ่งทำให้แม่หนูน้อยหวาดกลัว “คุณป้าขา บอกพี่ภัทรซีคะ น้องปัญกลัว” คุณอุ่นเรือนยิ้มให้บุตรชายพร้อมกับลูบศีรษะเด็กน้อยที่พยายามแอบอยู่ข้างหลังโดยมีลูกหมาอยู่ในอ้อมแขน ชายหนุ่มมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พยักหน้าเรียกเด็กหญิงเข้ามาหา “น้องปัญเข้ามาหาพี่ภัทรครับ” แม่หนูน้อยมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ อิดออดไม่ยอมเข้าไปหาเขาง่ายๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะแย่งน้องหมาไปแล้วไม่ยอมคืน “น้องปัญไม่ได้ยินที่พี่เรียกเหรอ ถ้าน้องปัญดื้อต่อไปพี่ภัทรจะไม่ให้น้องปัญเลี้ยงอะไรเลย” หน้าตาขึงขังและน้ำเสียงจริงจังทำให้คนที่กลัวรีบออกมาหาเขาทันที ด้วยความหวังว่าจะได้เลี้ยงน้องหมาถ้าไม่ดื้อ “พี่ภัทรจะให้น้องปัญเลี้ยงน้องหมาใช่ไหมคะ” ดวงตาคู่น้อยดำขลับราวเม็ดลำใยเป็นประกายเมื่อมีความหวัง “ดูสิคะมันน่ารักออก ตัวเล็กนิดเดียวเอง แล้วมันก็อยู่ตัวเดียวไม่ได้ เราต้องเลี้ยงมันนะคะ พี่ภัทรให้น้องปัญเลี้ยงนะ นะๆ” เขาเองก็ไม่คิดจะขัดใจ ยิ่งมองเห็นความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยมจากนัยน์ตาคู่น้อย ก็ไม่คิดจะแกล้งยัยตัวยุ่งอีกต่อไป “ก็ได้พี่ภัทรอนุญาต แต่น้องปัญต้องสัญญาก่อนนะว่าจะดูแลมันอย่างดี” ดวงตาดำขลับเบิกกว้าง เช่นเดียวกับริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ร้องถามด้วยความดีใจ “จริงนะคะ “ เสียงเล็กๆ นั้นแสดงออกถึงอาการตื่นเต้น เขาจึงพยักหน้ายิ้มๆ “จริงสิ” “เย่ เย่ เย่ ไชโย ขอบคุณค่ะพี่ภัทร น้องปัญสัญญาว่าจะดูแลน้องหมาให้ดีที่สุดเลยค่ะ” พูดจบก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จากนั้นเด็กหญิงปัญชิตาก็ได้เลี้ยงน้องหมาสมใจ เด็กน้อยเฝ้าดูแลด้วยความเอาใจใส่ตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับพี่ชาย อาทิตย์ต่อมา … “น้องปัญอยู่ที่ไหนเอ่ย พี่ภัทรกลับมาแล้วจ้า ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ” เงียบ... ไร้เสียงตอบรับจากยัยตัวยุ่งระดับปรมาจารย์ ทำให้เขาแปลกใจ เพราะปกติเมื่อเขากลับมาจากมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่นั้น จะต้องเห็นยัยตัวยุ่งเล่นอยู่กับเจ้าหมาน้อยตัวโปรดทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เจอทั้งคนทั้งหมา ครู่ต่อมาจึงยินเสียงมารดาแว่วมาแต่ไกล ชายหนุ่มจึงเดินตามเสียงไปทันที “สวัสดีครับแม่ วันนี้ทำอะไรฮะ” เขากวาดตามองอาหารที่มารดาลงมือทำ “อื้อฮือ น่ากินจังเลย และยัยตัวยุ่งอยู่ไหนล่ะครับ” เขาถามพร้อมยื่นหน้าเข้าไปสูดกลิ่นอาหารที่คุณอุ่นเรือนกำลังปรุง... “โน่นแน่ะ เล่นอยู่ใต้ซุ้มกระดังงาอยู่กับพวกลูกข้างบ้านนะ เห็นเอาลูกหมาอวดเพื่อนใหม่ยกใหญ่” คำบอกกล่าวของผู้เป็นมารดาทำให้เขามีสีหน้ายิ้มๆ ปนกังขา ใครกันลูกข้างบ้าน เจ้าของเก่าบอกขายไปตั้งนานแล้วนี่ เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเจ้าของบ้านใหม่ ชายหนุ่มแปลกใจอยู่ได้ไม่นานคุณอุ่นเรือนจึงไขข้อกังขาให้เขาได้รับรู้ “ลูกจำอาฉัตรกับอาวิไลได้ไหม รุ่นน้องพ่อไงจ๊ะ” “จำได้ครับแม่” “ก็นั่นแหละจ้ะ ตอนนี้พวกเขาย้ายมาอยู่ข้างบ้านเราแล้ว คุณอาทั้งสองมีลูกสามคน คนโตน่ะเป็นผู้หญิง ตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียว เรียนอยู่กรุงเทพฯ อายุเท่ากับลูกเลย ส่วนคนที่สองเป็นผู้ชาย อายุสิบห้าปี คนสุดท้องนี่เป็นผู้หญิง อายุสิบขวบ พวกเขามาหาแม่ ก็ถึงได้รู้ว่าตาฉัตรกับแม่วิไลเขาซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากเจ้าของคนก่อน นี่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้กันหมด ยกเว้นลูกสาวตนโตเพราะเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ยัยตัวยุ่งของเราก็เลยได้เพื่อนเล่น เพลินไปเลย” คำบอกเล่าของคุณอุ่นเรือนทำให้ชายหนุ่มนึกถึงตอนที่คุณฉัตรและคุณวิไลพร้อมทั้งลูกสาวหน้าตาน่ารัก อายุเท่ากับเขามาเยี่ยมครอบครัวของเขาตอนช่วงปิดเทอมใหญ่ ตอนนั้นเขาเองอายุแปดขวบเท่านั้น ยังจำได้ว่าได้วิ่งเล่นกับสาวน้อยอย่างสนุกสนาน ตอนนั้นเขาและหล่อนยังเด็กนัก แล้วตอนนี้ล่ะ หล่อนจะเปลี่ยนไปจากเดิมสักแค่ไหน จะยังจำเด็กผู้ชายที่เคยพาจูงมือวิ่งเล่นได้ไหม แต่เขากลับไม่เคยลืม หนำซ้ำยังดีใจที่จะได้พบอีกครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้น สองเท้าก็ก้าวออกไปจากครัวทันที “อ้าวจะรีบไปไหนล่ะลูก” “ว่าจะไปดูยัยตัวยุ่งสักหน่อยนะครับแม่ เดี๋ยวผมมานะครับ” พูดจบร่างสูงทะมัดทะแมงก็รีบเดินจากไปทันที ทิ้งให้คุณอุ่นเรือนได้แต่มองตามหลังบุตรชายไปจนลับตา...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.4K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
31.2K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
1.9K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
4.3K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook