ตอนที่ 7
บุญคุณนี้ใช้คืนด้วยร่างกาย
มือหยาบกร้านผ่านสมรภูมิการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน บัดนี้กลับใช้ลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งนุ่มลื่น อวบอิ่มล้นมือไม่เว้นว่างแม้ตารางนิ้ว ปราการขวางกั้นระหว่างเขาและเธอถูกปลดไม่ให้ขวางหูขวางตา ไอร้อนระอุพร้อมแผดเผาหญิงชายคู่นี้
ยัยนี่ซ่อนรูปชะมัด!
หญิงสาวนอนหงายไร้การเคลื่อนไหว เธอเอียงหน้ามองบานประตู เรือนร่างเปลือยเปล่าส่วนนูนใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดไว้ ยอดปถุมถันสีชมพูระเรื่อเต่งตึงบ่งบอกถึงความสาวไร้ชายใดเคยครอบครอง หน้าท้องแบนราบ ไล่ลงมาสะโพกกลมกลึงก่อนจะหยุดสายตาลง ณ กลางลำตัวของเธอ
“......” แก่นกายตัวเขื่องผงาดสู้ศึกเต็มกำลัง ไม่รู้ว่าเพราะวิสกี้เลือดหมาป่าที่เขาดื่มเข้าไปหลายขวดหรือว่าเรือนร่างของเธอกันแน่ ที่ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเดือดพล่าน ฮึกเหิม
“อวดดีไม่หยุด” น้ำเสียงพึมพำออกมาจากชายหนุ่ม เขามองร่างเล็กที่ยังคงเมินเฉยใส่เขา หากเธอออดอ้อนเขาเสียหน่อย คืนนี้อาจจะพอปรานีเธออยู่บ้าง แต่เห็นสีหน้าท่าทางของเธอนั้นเขากลับรู้สึกหงุดหงิดแทบบ้า
“งั้นจะมาโทษว่าฉันใจร้ายไม่ได้ที่รุนแรงกับครั้งแรกของเธอ” ราอูลถาโถมคล่อมร่างหญิงสาว ท่อนขาเรียวสวยถูกมือหนาแยกตั้งฉาก เบียดลำตัวแกร่งแทรกตรงกลางหว่างขาที่เขาพึ่งจะจับแยก ร่องทางรักแห้งเหือด เขาไม่สน แก่นกายตัวเขื่องกดชำแรกผ่านร่องทางรักของเธอทีเดียวมิดด้าม เยื่อพรมจรรย์ถูกทะลวงในครั้งเดียว
“โอ้ย!” ดารินทร์สะดุ้งเฮือก ใบหน้าบิดด้วยความเจ็บปวดมากกว่าความเจ็บปวดครั้งไหน ร่างเล็กพยายามขยับหนีชายหนุ่ม
ทำไมมันเจ็บขนาดนี้!
เธอไม่คิดว่าการเสียสาวมันจะเจ็บกว่าถูกรถชนเสียอีก!
“อยู่นิ่งๆอย่าขยับ!” ราอูลคำรามในลำคอ มือสากกดสะโพกกลมให้อยู่นิ่ง ไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวที่เจ็บปวดทรมานกับการเริงรักในครั้งนี้ ช่องทางรักคับแคบแห้งเหือดก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บแก่นกายแกร่งที่รุกรานเข้าไปอยู่ในกายเธอไม่น้อยกว่ากัน
“......” ราอูลก้มโค้งจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มราวกับต้องการปลอบประโลม เขาใช้ความช่ำชองบทเกมส์รักคลอเคลีย หยอกเย้า สำรวจความหวานภายในโพลงปากเล็กเก็บเกี่ยวลิ้นเล็กไปมาเนิ่นนานพอที่เธอจะผ่อนคลายลง
ริมฝีปากร้อนระอุผละออกมา มันไม่หยุดทำหน้าที่ยังคงพรมจูบดวงหน้างามอย่างเผลอไหลและหลงใหล ไล่ขบเม้มลงมาตามซอกคอขาวผ่อง
“......” ดารินทร์กระตุกเฮือก ริมฝีปากร้อนครอบครองดูดดุนยอดปถุมถันสีหวานอย่างดิบเถื่อนระคนบีบเคล้นเคล้าคลึงทรวงอกอวบขาวล้นมือเต็มแรง จนปรากฎรอยฝ่ามือทั่วบริเวณเต้าอวบ
ร่างแกร่งด้านบนอาศัยช่วงจังหวะที่เธอเผลอขยับเอวสอบเข้าออกเต็มแรง ริมฝีปากยังคงรุกรานทรวงอกอวบขาว ยิ่งสัมผัส ยิ่งคลั่งไคล้ ยิ่งสัมผัส ยิ่งวาบหวาม เนื้อตัวเธอมันแน่นนุ่มจับส่วนไหนก็สามารถทำให้เขากระสันแทบคลั่ง
ความรู้สึกเจ็บร้าวตามเรือนร่างจากสัมผัสรุนแรงที่ชายหนุ่มมอบให้ผสมปนเปความรู้สึกแปลกใหม่ ที่เธอเองก็ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนในชีวิต
“บอกสิว่าเธออยากให้ฉันร่วมรัก” น้ำเสียงแข็งกร้าวพูด มือพลางบีบเคล้นสะโพกกลมกลึงของเธอ ฝ่ามือหนาฟาดสะโพกของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าตามอารมณ์เร่าร้อน
“......” ดารินทร์ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ย แม้เสียงครวญครางก็ไม่มีเล็ดลอดออกมา
“ฉัน!สั่ง!ให้!พูด!” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังลั่น เอวสอบกระแทกกระทั้นตามน้ำเสียง เธอเจ็บจนจุก เขาไม่เกรงกลัวว่าใครด้านนอกจะตกใจเปิดประตูเขามาเห็นเขาร่วมรักกับเธอหรืออย่างไร ประตูก็ยังไม่ได้ล็อก!
“พูด!”
“ดารินทร์อยากร่วมรักกับนายน้อยค่ะ” เธอกลั้นใจเอ่ยวาจานั้นออกไป มิเช่นนั้นเธอคงได้แหลกคามือเขาแน่นอน
รสนิยมร่วมรักของเขามันช่างโหดร้ายกับครั้งแรกของเธอเหลือเกิน...
“ดี ดีเหลือ” ชายหนุ่มคำรามในลำคอ เสียงครางต่ำดังขึ้นเป็นระยะกึกก้องภายในห้องนอน เรือนร่างอวบอิ่มถูกสำรวจฟ้อนเฟ้นหาความหวานทั่วทุกอณู ราอูลใช้ความช่ำชองรุกล้ำเธอทุกกระบวนท่าที่เขาคิดออก
“ฉันชักจะติดใจเธอแล้วสิ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหอบกระเซ่า
“ติดใจก็ได้แค่ครั้งเดียวค่ะนายน้อย อ๊ะ!”
“ครั้งเดียว? หึ...”
ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และอีกหลายครั้งราอูลทิ้งตัวลงนอนข้างหญิงสาว มือแกร่งกระชับเอวเล็กมากอดก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่าเขาไปเอาแรงมาจากไหนกว่าจะยอมหยุด
“รังเกียจตัวเองชะมัด!” ดารินทร์ตวัดผ้าห่มผืนหนาปกปิดร่างกาย เธอลุกยันร่างสั่นเทาขึ้นมาจากเตียงนอนที่เสมือนสมรภูมิรบของเธอเมื่อครู่ จวนเจียนเช้าอยู่รอมร่อ เธอต้องรีบออกไปจากห้องนอนของราอูลก่อนที่ใครจะมาพบเข้า
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาในคืนนี้ก็ถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น...
“......” ร่างบางเดินออกจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เกรงจะทำให้ชายหนุ่มตื่น
เช้าวันใหม่วันแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้งานภายในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเอนส์เวิร์ธ สาขาประเทศไทยเป็นสาขาย่อยจากบริษัทหลักประเทศเม็กซิโก สองพี่น้องฝาแฝดแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ฟาร์อูลดูแลบริษัทหลักจึงต้องเทียวไปมาต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ราอูลดูแลสาขาย่อย
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่รับฟังกันอย่างตั้งใจจนจบ” ดารินทร์พรีเซนต์ตัวอย่างโครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่จบจึงก้มโค้งขอบคุณคณะกรรมการบริษัทที่นั่งฟังและให้คำชี้แนะ
“คุณดารินทร์อายุยังน้อยแต่ออกแบบโครงการคอนโดได้สวยกว่าสถาปนิกที่เราเคยจ้างมาอีกนะครับ ไม่แปลกใจที่ผู้บริหารมอบหมายงานนี้ให้” ดนัยชายวัยกลางคนเอ่ยชมหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก เขาทึ่งในความสามารถของเธอ แม้นในคราแรกจะสบประหม่าเธอภายในใจ คิดว่าเธอคงเป็นเด็กเส้นของท่านประธานตระกูลเอนส์เวิร์ธ
“ต้องยกความดีความชอบให้คุณดนัยเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ ดาร์จะนำไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ” ดารินทร์ก้มโค้งรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เธอให้เกียรติเพื่อนทำงานทุกคน ไม่ว่าจะคนนั้นจะชั่วโมงบินสูงหรือพึ่งจะฝึกหัดบิน
“เย็นนี้ไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานกันเสียหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเองไปกันหมดทุกคนเลย ถือว่าจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง เขาดูท่าทางใจดี พนักงานทุกคนให้เกียรติและเคารพเขาเป็นอย่างมาก
‘เธอก็อยากไปอยู่หรอก หากแต่อาหารธรรมดาของมนุษย์นั้นมันช่างจืดชืดสำหรับเธอ ทำไงได้ล่ะแวมไพร์นั้นดื่มเลือดแทนอาหาร อาหารสำหรับแวมไพร์มนุษย์ก็คงจะทานไม่ได้’
“คราวหน้าได้ไหมคะคุณดนัย พอดีเย็นนี้ดาร์มีนัดแล้ว ไว้คราวหน้าดาร์จะเลี้ยงทุกคนเองนะคะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอคลี่ยิ้มหวานก่อนเลี่ยงขอตัวลา เธอตื่นทันมาพรีเซนต์งานก็ดีแค่ไหน ร่างกายร้าวระบมแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เนื้อหนังภายใต้เสื้อเชิ้ตคอวีกระโปรงรัดรูปสีดำเหนือเข่าแหวกข้าง มีร่องรอยขบเม้มสีแดงเข้มเป็นจ่ำแทบทุกตารางนิ้ว
“จะไปไหนดีล่ะเรา” เธอพูดเลื่อนลอย รถยนต์สีดำราคาแพงกระชากวิ่งแล่นออกไปด้วยความเร็ว
คลับลับของพี่ฟาร์อูลตั้งอยู่ในตึกตระหง่านสูงนับสิบชั้น บริเวณด้านนอกเปิดเป็นสำนักงานบังหน้า ภายในนั้นกลับมีลูกเล่นดึงดูดนักท่องราตรีกระเป๋าหนักจำนวนมาก บริเวณชั้นใต้ดินมีฟอร์สำหรับนักเต้นมืออาชีพสุดเซ็กซี่นุ่งน้อยห่มน้อย ไม่น้อยหน้าสำหรับบริการนักท่องราตรีผู้หญิง ทางคลับมีชายหนุ่มหน้าตาตีหลายร้อยคนคอยให้บริการเอาใจคุณผู้หญิงอีกต่างหาก คลับแห่งนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไร้ตำรวจคอยกวนใจด้วยอำนาจแห่งเงินที่จ่ายปิดปากทุกเดือน
“......” ดารินทร์กวาดสายตาสำรวจคลับหรูของพี่ฟาร์อูล นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอย่างกรายเข้ามาเหยียบสถานที่แห่งนี้ ขวดบรั่นดี ไวน์ เหล้านอกหลากหลายแบรนด์ตั้งโชว์เรียงรายบนชั้นวาง หลังเคาท์เตอร์บาร์ลายหินอ่อนสีดำ
นักท่องเที่ยวเดินควักไขว่ บ้างก็นั่งดื่มวิสกี้คลอเคลียหนุ่มสาวที่ทำงานภายในคลับ เสียงดนตรีเบสหนักเป็นจังหวะกลบเสียงพูดคุยจ้อแจของใครหลายคน หากแต่ว่าสัญชาตญาณแวมไพร์สาวย่อมได้กลิ่นแวมไพร์ตนอื่นที่ไม่ใช่คนของตระกูลเอนส์เวิร์ธ
เสียสาวจนใจแตกเลยหรือเรา... เธอยิ้มเยาะความคิดขบขันภายในหัว
“คนของตระกูลเอนส์เวิร์ธมาแต่หัววันเชียว” น้ำเสียงขี้เล่นทะเล้นดังขึ้นผ่านโทรจิต ดวงตากลมโตหันหน้าไล่ตามหาเจ้าของเสียงที่ส่งมา
“......” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าซีดขาวนัยตาสีเขียวหม่น จ้องมองเธอจากโต๊ะวีไอพีมุมเสาลับตาคน แก้วไวน์ยกขึ้นเชื้อเชิญหญิงสาว
ดารินทร์ลังเลยามที่เขากำลังนั่งรอเธอบนโซฟารูปตัวยูผ้ากำมะหยี่ เขาคือใครที่ไหนก็ไม่รู้ ดวงหน้างามสะคราญขมวดคิ้วผูกโบว์ พริบตาเดียวร่างของชายหนุ่มปริศนาก็มาปรากฎเบื้องหน้าใกล้กับเธอเพียงคืบเดียว ความว่องไวของแวมไพร์หนุ่มไม่เป็นที่น่าสังเกต ในยามที่นักท่องราตรีมึนเมากันหมดแล้ว
“คุณเมินผมได้ลงคอนะครับ” ชายหนุ่มปริศนายักคิ้วหยอกล้อเธอ
“ฉันไม่รู้จักคุณ ขอโทษด้วย ฉันไม่สะดวกอยากนั่งคนเดียว” เธอตัดบท ไร้การสานต่อสัมพันธ์ไมตรี กฎของตระกูลคือห้ามติดต่อแวมไพร์นอกตระกูล หากฝ่าฝืนย่อมมีบทลงโทษสุดแสนจะป่าเถื่อนรอรับ
“ตัวคุณมีกลิ่นไอ้ราอูลคละคลุ้งเต็มไปหมด คุณเป็นอะไรกับมันอย่างนั้นหรือ?” สายตาขี้เล่นพยายามเค้นคำตอบจากหญิงสาว
“พึ่งเจอกันคุณก็ละลาบละล้วงถามเรื่องส่วนตัวเลยหรอคะ ไม่เกินไปหน่อยหรอ อีกอย่างฉันเป็นคนของตระกูลเอนส์เวิร์ธมีกลิ่นของคนในตระกูลย่อมไม่แปลก หากมีกลิ่นของคุณคงจะน่าถามเสียมากกว่า” น้ำเสียงหวานบอกกล่าว ทว่าวาจากับเฉือดเฉือนคนซักไซร้ แววตาของเธอบ่งบอกความรู้สึกหงุดหงิดใจเกินลิมิต ยามได้ยินชื่อของใครบางคน
มาที่นี่ก็ยังจะเอาชื่อนี้มาตามหลอกหลอนเธออีก...
“โทษทีครับ พอดีเจอเผ่าพันธุ์เดียวกันเลยตื่นเต้นไปหน่อย”
“สถานที่แห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีแวมไพร์อยู่กันสองตนนะคะ” รอยยิ้มเคลือบยาพิษของเธอช่างมีเสน่ห์เหลือร้าย เธอกวาดสายตามองรอบๆคลับ กลิ่นเผ่าพันธุ์แวมไพร์ปะปนอยู่กับมนุษย์แทบทั้งคลับ
“เก่งนี่...จมูกไวดี ผมแนะนำตัวเลยละกัน ผมโจชัว เวย์ อาเธอนอล” ฝ่ามือหนายื่นมือออกไปหนึ่งข้างหวังทำความรู้จัก ก่อนจะหน้าชาเมื่อหญิงสาวคนตรงหน้ายืนนิ่ง
นายน้อยตระกูลอาเธอนอลนี่เอง...
เธอพอจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของตระกูลอาเธอนอล หนึ่งในสองตระกูลที่โหดร้าย ดุดัน สูสีตระกูลเอนส์เวิร์ธ แล้วข้อสำคัญสองตระกูลนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายศตวรรษ
“ฉันขอตัว” ดารินทร์ปฏิเสธ เธอเดินเลี่ยงขึ้นไปบริเวณชั้นสองห้องวีไอพี หลีกหนีความวุ่นวายจากชายหนุ่มคนตรงหน้ารวมไปถึงชายหนุ่มคนอื่นที่มองเธอตาเป็นมัน
“ขอวิสกี้แรงๆมาสักขวดทีค่ะคุณลุง” เสียงหวานเอ่ยกับผู้จัดการคลับสูงวัยที่ดูท่าทางจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน เขารีบมาอำนวยความสะดวกดูแลเธอ ทันทีที่รู้ว่าเธอมา
“ดื่มไปก็เท่านั้นครับคุณ คุณเองก็รู้” เขาพูดตามตรงกับน้องสาวบุญธรรมนายน้อยฟาร์อูล
“งั้นหนูควรสั่งอะไรคะ ชีวิตมันเฮงซวยมากค่ะช่วงนี้”
“จะควรหรือครับ หากนายน้อยฟาร์อูลรู้เข้า ผมจะไม่โดนลงโทษด้วยกริชเงินหรอกหรือ...” ชายสูงวัยหน้าตาเลิกลั่กยามเอ่ยถึงบทลงโทษอันเลื่องลือ แวมไพร์อย่างพวกเขากลัวเครื่องเงินเป็นที่สุด เพราะมันสามารถทำร้ายและคร่าชีวิตพวกเขาได้ขณะเดียวกัน
“รบกวนสั่งลูกน้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะคะคุณลุง ถือว่าหนูขอ” เธออ้อนวอนชายสูงวัยเสียงหวานราวกับเด็กน้อยอ้อนขอขนมคุณพ่อ
“เห้อ...หาเรื่องให้ผมอีกแล้ว คุณใช้มันแล้วห้ามออกนอกห้องนะครับ ผมจะให้คนเฝ้าหน้าประตูไว้” ชายสูงวัยล้วงหยิบแคปซูลสีฟ้ามีฝาปิดคล้ายสีน้ำหวาน วางลงบนโต๊ะกระจกสีดำด้าน พลางสอนวิธีใช้
“แคปซูลเลือดหมาป่าใช้หยดลงบนดวงตา ไวต่อระบบประสาทแวมไพร์จะทำให้เมาชั่วขณะ ใช้ครั้งแรกหยดทีละ 1 หยดพอนะครับ มันก็จะเหมือนมนุษย์ดื่มเหล้านั่นล่ะครับ”
“ไฮเทคจังค่ะ”
“อย่าใช้เยอะนะครับระวังด้วย”
“แล้วพอจะมีผู้ชายเอนเตอร์เทรนบ้างไหมคะ คนที่สะดวกอยู่กับ...” เธอเว้นช่วงเอ่ยวาจา
คนที่ใจถึงพอจะอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์แวมไพร์ หากเมาแล้วเขี้ยวเธองอกขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า
“มีครับ คุณดารินทร์อยากเลือกด้วยตัวเองไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคนไหนก็ได้”
ดารินทร์มองตามชายสูงวัยเดินออกนอกห้องจนสุดสายตา มือเล็กคว้าแคปซูลเลือดหมาป่าหยดลงบนดวงตาตามทำแนะนำ หยดน้ำสีฟ้ากระจายลงบนดวงตาโชว์ฤทธิ์เดชของมัน ในเวลาไม่นานสติสัมปัชชัญญะเริ่มขาดผึ่ง ภาพด้านหน้าพร่ามัวเล็กน้อย
“หยดเดียวยังกะดื่มเพียวไปห้าแก้ว...” เธอพำพำ พยายามประคองร่างโอนเอียงให้อยู่นิ่ง ทว่าแคปซูลสีฟ้าออกฤทธิ์เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หญิงสาวจึงหยอดเพิ่มอีก 4-5 หยด หวังเพิ่มระยะเวลาผ่อนคลายของเธอ
ดวงหน้างามหลับหลับตาพริ้ม เธอล่องลอยดื่มด่ำอยู่กับความสนุก คลายความกังวลเสียจนสิ้น มีเพียงรอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุขล้นระบายออกมา มีเสียงเพลงภายในห้องวีไอพีเปิดคลอเบาๆ นานเท่าใดไม่อาจทราบได้จนเธอลืมเรื่อง... ได้ชั่วขณะ