1:แค่เพื่อน
แค่เพื่อน:
คุณ…ใช้เวลาลืมรักครั้งเก่านานแค่ไหน?
ผมกับแฟนเก่าคบกันมา7ปี
สำหรับผมไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ก็ลืมมันไม่ได้เลยจริงๆ อาจเป็นเหตุผลของเวลาและทุกอย่างที่เราสร้างมาร่วมกันมันคือเพื่อน คือแฟน คือครอบครัว คือทุกอย่างในชีวิตผมเพื่อนสมัยมัธยมก็เป็นกลุ่มเดียวกัน
ผมเลยหนีมันไม่พ้น...
แต่ความจริงก็ไม่ได้อยากหนีหรอกนะตรงกันข้ามเลยล่ะผมอยากเจอหน้ามันด้วยซ้ำ ผมผูกพันธ์กับมันมานานยึดติดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพอไม่มีมันทุกอย่างในชีวิตผมมันก็เปลี่ยนไป
ผมหัวเราะไม่ได้เหมือนเก่า...
ยิ้มให้กับเรื่องงี่เง่าของตัวเองไม่ได้...
พยายามทำใจและเข้าใจว่าถึงแม้จะได้มันกลับมาก็ใช่ว่าทุกอย่างมันจะเหมือนเดิม รู้ไงครับว่ามันไม่ได้รักผมเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
คิดแค่นี้ใจมันก็ทนไม่ไหวแล้วล่ะ…
ครึ่งปีแล้วนะที่เราเลิกกัน
มือที่ผมเคยจับ ไหล่ที่ผมเคยอิง อกที่ผมเคยซุกหาไออุ่นตอนนี้ผมสัมผัสไม่ได้อีกแล้ว…แม้จะเจ็บแต่ผมก็ยังเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้ให้แนบเนียนที่สุด ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามกาลเวลาผมไม่ได้โหยหาอยากเจอแต่หน้ามันเหมือนเก่า แต่เลือกจะเก็บทุกอย่างระหว่างเราไว้ในใจ
“ไอ้เค!” เสียงไอ้หมงดึงผมออกจากความคิด
วันนี้ผมนัดเจอเพื่อนสมัยมัธยมครับ ปรกติเราก็จะนัดกันเดือนละครั้งครบบ้างไม่ครบบ้างแต่สำหรับผมนั้นไม่ได้มาเจอเพื่อนใน2ครั้งล่าสุด
“ไอ้เมฆล่ะ?” ไอ้หมงมันถามพร้อมกับมองหา
“ยังไม่มา” ผมยิ้มมองเก้าอี้ที่ยังว่างอีกห้าหกตัว
“มึง…โอเคมั้ยวะ”
“อะไร?” ทำเป็นไม่เข้าใจทั้งที่เข้าใจอย่างที่บอกไปแล้วว่าผมกับแฟนเก่ามีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
คนที่ไอ้หมงมันถามหาเมื่อกี้ไงล่ะ
“ทุกครั้งที่กูนัดเจอมึงก็ทำหน้าแบบนี้ทุกที” ไอ้หมงถอนหายใจ
“กูโอเค…” ผมยิ้ม
“มึง…กูไม่นัดไอ้เมฆแล้วก็ได้” ไอ้หมงดึงเศร้าหนักลงไปกว่าเก่า
มันคงรู้สึกผิดที่จับให้เรามาเจอกันหารู้ไม่ว่าผมขอบคุณมันด้วยซ้ำที่ชวนมา
“กูบอกว่าไม่เป็นไรไงมึงจะอะไรนักหนา”
“มึงฝืนไอ้เชี่ย! ...” ไอ้หมงด่า “กูเป็นเพื่อนมึงทั้งคู่ทำไมแม่งจะดูไม่ออกวะ!”
“…” ผมไม่ตอบยกเหล้าขึ้นดื่มหมดแก้ว
“มึงหลบหน้ามัน”
“กูเปล่าบอกแล้วไงว่ากูยุ่ง…ฝึกงาน” ผมปฏิเสธ
“กูไม่รู้ว่าพวกมึงเลิกกันเพราะอะไร…แต่ถ้ายังให้อภัยกันได้กูก็อยากให้มึงกลับมาคบกันนะเว่ย” ไอ้หมงระบายความรู้สึก
ถามไอ้เมฆมันดูดิว่ากลับมาหาผมได้รึเปล่าสำหรับผมแล้ว...
“มันเป็นไปไม่ได้แล้ว…” ผมถอนหายใจ
“ทำไมวะ? ...กูรู้นะว่ามึงยังรักไอ้เมฆอยู่”
“เฮ้อ...มึงไม่เข้าใจ” ผมบอกไอ้หมงก่อนจะดื่มหมดแก้วอีกครั้ง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบมีเพียงสายตาของไอ้หมงที่มองมาที่ผมเหมือนหงุดหงิดใจ
“ไงไอ้หมง…” เสียงเมฆดังขึ้นผมเงยหน้าขึ้นไปมองเกือบสองเดือนนะที่ไม่ได้เจอมัน
ตั้งแต่วันนั้น…
วันที่มันกอดผมและร้องไห้หาคิน…
สภาพดูดีขึ้นมันดูเหมือนจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้งยิ้มทักทายพูดคุยกับไอ้หมงแล้วก็นั่งลงตรงนั้น
มอง...
ที่นั่งข้างตัวผมที่ว่างเปล่ารู้สึกตัวเบาๆ หวิวๆในใจที่ไอ้เมฆมันไปนั่งข้างคนอื่น ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆครับผมเองก็ต้องปรับตัวให้ชิน
ฝืนยิ้ม...
ให้ไอ้เมฆที่ส่งยิ้มทักทายเพื่อนคนอื่นๆ ทะยอยมา การสนทนาพูดคุยเริ่มสนุกสนาน กิน ดื่ม หัวเราะ ในขณะที่ผมยังจมอยู่กับภาพอดีตเก่าๆ ที่นั่งหัวเราะโดยที่มีมันอยู่ข้างๆ
ไม่ไหวครับ...
ขอเบรคอารมณ์หน่อยใจผมกำลังอ่อนแอเกินไป
“กูไปเยี่ยวแป๊ป” ผมบอกไอ้หมงก่อนลุกขึ้น
เดินเข้าห้องน้ำเปิดก๊อกวักน้ำเข้าหน้ามองตัวเองในกระจก
“มึง…” ผมเห็นไอ้เมฆอยู่ในนั้นตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นภาพหลอนจนกระทั่ง
“มึงเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงที่มันถามดูเป็นห่วงผมไม่เปลี่ยนไปสักนิด
ผมแยกไม่ออกจริงๆว่าที่มันทำตัวเหมือนเดิมได้เพราะที่ผ่านมามันไม่ได้คิดอะไรกับผมอยู่แล้วรึเปล่า
“กู…แค่เหนื่อยๆ งานเยอะน่ะ มึงล่ะฝึกงานเป็นไง” ผมชวนคุย
“อื่ม…รอดมาได้ขอบใจมึงมากนะ ฝาก…ขอบคุณคินด้วย” มันยิ้มเศร้าๆเมื่อพูดถึงน้องชายผม
“ได้…”
เจ็บอีกแล้ว…แค่รู้สึกว่ามันยังคิดถึงคินผมก็เจ็บเกลียดความรู้สึกแบบนี้ของตัวเองจัง
“…สบายดีมั้ยมึง?” มันมองผม
“อื่ม…สบายดี” ผมแสร้งแสดงสีหน้าปรกติ
“กูอยากขอโทษมึงอีกครั้งนะ” ไอ้เมฆยื่นมือมาจับแขนผม
“มันผ่านมาแล้วมึงจะขอโทษอะไรนักหนา”
“เค…ไม่รู้กูขอมึงมากไปรึเปล่าแต่ถ้าได้กูอยากให้มึงเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม” มันจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่วอนขอ
“กูก็เป็นเพื่อนมึงอยู่นี่ไง” ผมยิ้มพร้อมกับหลบสายตาหันมามองมือมันที่จับแขนผมอยู่
“กู…ไม่อยากให้มึงหายไปจากชีวิตนะแม้จะเลิกกันกูก็ยังอยากมีมึงอยู่ข้างๆ”
กูเองก็อยากพูดแบบนั้นเหมือนกันกูโคตรอยากมีมึงอยู่ข้างๆ เลยว่ะเมฆ...ผมได้แต่พูดกับมันในใจ
วูบวาบ อ่อนไหว
“รู้แล้ว…กูเข้าใจที่มึงพูด” ผมปัดมือมันออก แม้ปากจะบอกว่าเข้าใจแต่ข้างในผมยังไม่พร้อมจะเข้าใจอะไรเลยสักนิด
มากกว่าเพื่อนไม่ได้เหรอ? ...
เริ่มกันใหม่ลืมทุกอย่างไปให้หมดผมพร้อมลืมว่ามันเคยแอบคบกับคิน พร้อมลืมว่าจริงๆมันอาจไม่เคยรักผมตั้งแต่ต้น
“เป็นเพื่อนกันนะมึง…” ไอ้เมฆยิ้ม
“อื่ม…” ผมพยักหน้าแล้วมันก็เดินเข้ามากอด
ตึกๆ …
ตึกๆ …
“ขอบคุณนะมึง…ขอบคุณ…” มันตบหลังและเอาแต่พูดขอบคุณซ้ำๆ
ใจผมเต้นผมหวั่นไหวและกำลังอ่อนแอไปกับการกระทำที่ไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนของมัน เผลอลูบหลังพอดึงสติได้ก็รีบถอยตัวเองออกมา
บ้า! มึงบ้าไอ้เค! ออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่หนักกว่าเก่า
“มึงมานี่ไอ้เค!”
ตกใจที่ไอ้หมงเข้ามาดึงตัวผมไปมันเห็นแล้วใช่มั้ยผมยอมให้มันลากออกไปคุยกันที่หน้าร้าน
“อะไร?”
“อ่ะ” มันส่งบุหรี่ที่พึ่งจุดให้ผมแล้วยกอีกมวนในมือขึ้นดูด
ผมรับมาถือมองปลายมวนที่เริ่มมอดนานแล้วนะที่ไม่ได้สูบ
ผมเลิกแล้วเพราะมัน…
ภาพในอดีตย้อนกลับมาอีกหน คำพูดที่มันบ่นไม่อยากให้ผมสูบย้อนเข้ามา ตัดความคิดก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นสูบอัดเข้าปอดให้ลึกจนปลายมวนลุกติดไฟอย่างรวดเร็ว ควันสีขาวลอยคว้างกลางอากาศล้อกับสายลมก่อนจะจางหายไปในไม่กี่อึดใจ
ต่างกับความรู้สึกในใจผมที่ยังแจ่มชัดไม่ยักกะจางไปง่ายๆ เหมือนกลุ่มควัน
“กูเห็นมึงคุยกัน” ไอ้หมงหันมามอง
“อื่ม…” ผมพยักหน้า
“กูอึดอัดแทนจะว่ากูเสือกก็ได้นะมึงช่วยบอกกูทีว่ามึงเลิกกันทำไม?”
“กูก็เป็นเพื่อนกันแล้วไง” ผมหันไปมองไอ้หมง
“ไอ้เค! ...มึงไม่ได้อยากเป็นเพื่อนมัน” ไอ้หมงวางมือบนบ่า
แค่นั้นจริงๆ …
แค่มือมันที่แตะผมเบาๆ เท่านั้นน้ำตาผมก็ไหล…มันรู้สึกว่าความอัดอั้นภายในใจกำลังจะได้ระบายออกมา มีใครสักคนที่พร้อมจะฟังผมที่ผ่านมาผมอยากเล่าผมอยากพูดว่าผมรู้สึกอะไร แต่ผมพูดไม่ได้ไม่รู้จะพูดกับใครจะบอกไอ้คินไปมันก็ยิ่งทำให้น้องผมรู้สึกผิดมากไปกว่าเก่า
ผมไม่อยากทำให้น้องไม่สบายใจเป็นคนอื่นอาจตัดพี่ตัดน้องกันไปแล้วแต่นั่นไม่ใช่ผม ความรักความผูกพันธ์ระหว่างพี่น้องมันมีมากกว่า ผมเลี้ยงมันมากับมือต่อให้มันจะแย่หรือเลวในสายตาคนอื่นแค่ไหนแต่สำหรับผมมันก็คือน้อง
“ใจเย็นมึง” ไอ้หมงบีบไหล่ผมเบาๆ
“แม่ง! ...” ผมหัวเราะทั้งน้ำตาไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ หันไปยิ้มให้ไอ้หมงก่อนจะเริ่มระบายในสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ “มันคบคนอื่น” ผมเริ่มเปิดประเด็น
“เชี่ย!” ไอ้หมงสบถสีหน้าขึงขังจริงจังดูมันจะมีอารมณ์ร่วมไปกับผมซะจริง
ผมไม่ได้บอกว่าคนที่ไอ้เมฆคบคือไอ้คินไม่อยากให้คนอื่นมองน้องผมไม่ดี ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เหตุผล
‘ทำไมมึงต้องคบไอ้เมฆมันเป็นแฟนกูมึงก็รู้นะไอ้คิน’
ผมอยากถามน้องแบบนี้มาตลอดแต่ผมกลัวในคำตอบของมัน ถ้ารู้แล้วผมอาจจะเผลอเกลียดมันขึ้นมาก็ได้งั้นสู้ผมไม่รู้จะยังดีกว่า ตั้งแต่พ่อกับแม่ไปญี่ปุ่นผมก็มีแค่มันที่เป็นครอบครัว
ขอบคุณมันด้วยซ้ำที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกผมด้วยการคบกับไอ้เมฆ ตั้งแต่ผมจับได้คินมันก็เลิกติดต่อกันกลายเป็นไอ้เมฆที่ทุกข์ทรมานคิดถึงน้องผมแทน
“ทำงี้แม่งก็สมควรเลิกป่ะวะกูขอถอนคำพูดมึงห้ามกลับไปหามันเด็ดขาด!"
“7ปีนะมึง…ที่กูคบกับมันทุกอย่างแม่งเกินคำว่ารักอ่ะอีกอย่างมึงก็เห็นว่ามันดีมาก…”
“มึงตัดใจเหอะลืมแม่งซะเชี่ยแบบนั้นไม่สมควรจะเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ” ไอ้หมงโกรธ
ใครๆ ก็คิดว่าไม่ควรกลับไปคบหากับแฟนที่เคยนอกใจสินะ
“มึงจะโกรธทำไมวะ?”
“แปลว่าตอนนี้ไอ้เมฆมันก็มีแฟนใหม่ว่างั้นแล้วมันยังมาขอกลับมาเป็นเพื่อนกับมึงอีก…มึงระวังแฟนใหม่มันจะเข้าใจผิดกูว่าแม่งวุ่นวายว่ะ” ไอ้หมงออกความเห็น
“มันเลิกกันแล้ว”
“ห๊ะ! ...แม่งอะไรวะกูงงหมดแล้ว”
“มึงไม่ต้องงงเอาเป็นว่ากูกับไอ้เมฆกำลังอกหัก” ผมยิ้มบางๆกับบทสรุปที่เจ็บเหมือนๆกันทุกคน “กูพยายามจะลืมมันอยู่กูรู้ว่ากลับไปคบกับมันไม่ได้อีกแล้วมันไม่ได้รักกูแล้ว” ผมปาดน้ำตาทิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามจะเข้มแข็งให้ได้อีกครั้ง
“แม่งน้ำเน่า! ...โคตรเศร้าเลยว่ะอย่างกับดูซีรีย์มึงก็ดีเกินไปไอ้เค!” ไอ้หมงตบบ่าผมอย่างเข้าใจ