บอสแบบบอยๆ:
ผมลืมตาตื่น…
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนกลับบ้านมาได้ยังไง ผมดื่มไปเยอะ อยากเมา อยากลืมแต่ตื่นมาก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม
ปวดหัวชะมัด!
เดินลงมาข้างล่างหลังอาบน้ำเสร็จ
“ตื่นแล้วเหรอพี่เค” เสียงคินทักทายอย่างสดใส
“อื่ม…หนักไปหน่อยเมื่อคืน” ผมตอบขณะเดินไปหยิบแก้วกาแฟ
“พี่หมงบ่นใหญ่”
“ไอ้หมงมาส่งเหรอ?”
“ครับ…พี่หมงกับยับแบกพี่ขึ้นไป”
“แล้วยับล่ะ?” ผมถามหาแฟนน้องชาย คงต้องขอบใจมันสักหน่อย
“ไปเรียนครับบ่ายๆ เดี๋ยวก็มา…พี่เคล่ะวันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?”
“งาน??? ...” ผมยืนถือถ้วยกาแฟค้างไว้ในมือ “เชี่ย! ...วันเสาร์นี่หว่า!” ผมวางแก้วกาแฟรีบวิ่งขึ้นห้องควานหามือถือเป็นอันดับแรก
“33สาย!”
ตายแน่ๆ ชีวิตผม
แต่งตัวก่อนแล้วค่อยโทรหาแล้วกัน ผมรีบแต่งตัวคว้ากระเป๋าตังและมือถือวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย! ...กุญแจรถ” เดินย้อนกลับเข้าห้องแต่หากุญแจไม่เจอ “คิน! ...ไอ้คิน!!” ผมตะโกนเรียกน้อง
“ครับ” คินหน้าตื่น
“ยืมรถหน่อย!”
“คะ…ครับ” คินวิ่งไปเอากุญแจรถตัวเองมาให้ผม
“ขอบใจ…กุญแจกูหายถ้าว่างก็ช่วยหาให้ที บอกยับด้วยว่าเย็นนี้กูเลี้ยงข้าว” ผมตะโกนสั่งแล้วก็รีบวิ่งขึ้นรถ
สาย! ...
กี่โมงแล้ววะเนี่ย? ...
“11 โมง”
“ไปถึงก็พักเที่ยงพอดี…บอสเอากูตายแน่ๆ …” ผมขนลุกเมื่อนึกถึงเจ้านายสายโหดของตัวเอง
โทรหา! …
ต้องโทรหาก่อน! ...
ผมกดมือถืออย่างรีบร้อนพอๆ กับเท้าที่เยียบคันเร่งเกือบจม ตอนนี้ผมฝึกงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณบอยครับ เอ่ยชื่อนี้บางคนอาจงงว่าเขาคือใครแต่ถ้าบอกว่าเจ้าของแบรนด์ cillic ทุกคนก็ร้องอ๋อกันทั้งนั้น
เขาดังในฐานะเศรษฐีใหม่ ‘อายุน้อยร้อยล้าน’ อายุ34 แต่หน้าเด็กสูสีกับหนังหน้าผมเลยล่ะ หล่อ รวย ดูละมุนเหมือนอปป้าในซีรีย์เกาหลี ครีมเขาคงใช้ดีจริงๆ อ่ะนะ…
แต่อย่าพึ่งชมครับ
เพราะชีวิตจริงหลังกล้องหลังสื่อออนไลน์คือเขาเอาแต่ใจ โมโหร้าย ปากจัด จุกจิกจู้จี้ เป๊ะสุดๆ ชีวิตผมขึ้นอยู่กับน้ำหมึกจากปลายปากกาของเขา
‘….’ ผมโทรไปหลายรอบแล้วครับแต่เขาไม่รับ
เลี้ยวรถเข้าออฟฟิสที่เงียบสงัดมีเพียงลุงทัดรปภ.ที่ยิ้มให้ผม พักเที่ยงไม่มีใครอยู่ครับผมเดินมึนๆ ขึ้นมาบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องทำงานของฝ่ายบริหาร
“ทำอะไรของคุณ! ...ผมบอกให้ไปเอาเอกสารสัญญาฉบับล่าสุดแล้วนี่อะไร 2018! ...คุณหลงปีเหรอ!!!”
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายโวยวายอยู่ในห้อง นี่เขาไม่ได้ออกไปทานข้าวหรอกเหรอ สมองคิดเท้าก็รีบก้าวยาวๆ ขณะที่มือก็ผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานเจ้านายอย่างลืมตัว
“นี่คุณ!!!” บอสชี้หน้าผมทันที
“บอสต้องการสัญญาของใครครับ?” ผมรีบแก้สถานการพร้อมกับใช้สายตาที่สำนึกผิดส่งไปให้พี่ที่ต้องมาทำงานแทนผม
เธอตวัดสายตามองผมเหมือนโกรธแต่จะโทษเธอก็ไม่ได้
“คุณออกไป! ส่วนคุณ...เคทัต!!!” บอสกระดิกนิ้วเรียกให้ผมเข้าไปใกล้ๆ
ผมหันไปขอโทษเพื่อนร่วมงานระหว่างเดินสวนกันและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับบอส
ปัง!!!
เสียงตบโต๊ะดังสนั่นดึงให้ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงด้วยความตกใจค่อยไล่สายตาขึ้นไปมองผู้ชายในชุดสูทสีขาวสะอาดตากำลังส่งสายตาที่ดุเข้มมาที่ผม
ซวยแล้วไง… ผมคิดในใจ
“สะ…สวัสดีครับ” มารยาทงามยกมือไหว้ท่านceoไว้ก่อนครับแม้จะช้าไปหน่อยก็เถอะ
“นี่กี่โมงแล้วคุณเคทัต!” เขายังจ้องผมแถมยังยิ้มให้อีกต่างหาก
ขนลุกแล้วครับ…
อะไรที่ลุกได้ในตัวตอนนี้ลุกหมด
“ผมขอโทษครับ” ผมยกมือตั้งฉากพนมจนแทบจะกราบบอสอีกหน
ผมรู้ครับว่าผมผิด เป็นแค่เด็กฝึกงานแต่ดันมาสายโดยไม่แจ้งอะไรและติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก
“ผมโทรหาคุณ33สาย…เด็กสมัยนี้นี่มันยังไง ไม่มีวินัย! ไร้ความรับผิดชอบ! ตื่นให้มาทำงานทันเวลายังทำไม่ได้กันเลยสินะ!!!” เขาตะคอกคำหลังใส่ผมจนขี้หูสั่นเลยทีเดียว
นั่นไง…
พายุลูกใหญ่มาแล้วครับ…ใครว่าบอสผมใจดีนี่ผมตีปากแตกเลยนะมาดูตอนนี้สิ!
“ผมขอโทษครับ…รับรองครับว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ผมอธิบายและยิ้มให้บอสแบบสำนึก
ใจดีสู้เสือครับ…
“อีกอาทิตย์เดียวคุณก็ฝึกงานจบ…เรื่องที่เราจะรับคุณเข้าทำงานคงต้องพิจารณาใหม่”
“อะ…อะไรนะครับ!!” ผมตกใจ
นั่นไง…
ตื่นผิดชีวิตเปลี่ยน ผมจะได้งานทำแล้วนะครับเนี่ยแล้วที่ผมแพลนทุกอย่างเอาไว้ล่ะ
ไม่นะ! ...
อยากจะร้องไห้อุตส่าห์ได้รับโอกาสที่ดีแล้วแท้ๆ คือความจริงผมก็มาฝึกงานฝ่ายการตลาดน่ะครับแต่วันที่ผมมาดันเห็นบอสเขากำลังอาละวาดและไล่เลขาตัวเองออกพอดี พวกพี่ๆ ก็เลยส่งผมไปเป็นผู้ช่วยบอสแทน ยอมรับว่าเครียดกดดันมาก
พึ่งรู้ว่าเด็กฝึกงานต้องรับบทหนักขนาดนี้
แต่ผมก็เป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจนะแม้ช่วงที่ฝึกงานจะมีเรื่องส่วนตัวมาทำให้ผมเสียสมาธิบ้างก็เถอะ บอสก็พอใจที่ผมทำงานได้ดีกว่าเลขาคนเก่าก็เลยเปรยๆ ชวนผมเข้าทำงานครับ
“พอๆ ไอ้บอยเสียงดังโวยวายอยู่นั่น” เสียงแหบแห้งของคุณแป้งโก๊ะดังขึ้น
ราชินีของผมมาแล้วครับ…
ผมยิ้มก่อนจะยกมือไหว้คุณแป้งโก๊ะ
“สวัสดีครับ”
“ไหว้พระค่ะหนุ่มน้อย” เธอยิ้มพร้อมกับยื่นมือมาเกาคางผมแบบหยอกล้อ “เอ็นดูวว์…” คุณแป้งยิ้มก่อนจะหันไปตวัดสายตาใส่เพื่อนอย่างเอาเรื่อง
ใช่ครับ…
ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน
ส่วนความสนิทนั้นผมบอกเลยว่ามากกกก… จากที่ทำงานมาไม่ว่าบอสจะเหวี่ยงจะโหดใส่ใครพอเจอคุณแป้งเข้าไปก็จะเงียบทันที
“ตอนมึงเรียนมึงเคยมาทันเช็คชื่อแบบไม่มีสายเลยกี่วิชา! ...5ปีที่เรียนมามึงบอกกูสิว่าโคตรขยันตั้งใจ…ให้กูพูดย้อนอดีตระลึกชาติให้น้องเคฟังมั้ย” คุณแป้งกอดอกจ้องบอสอย่างผู้ชนะ
นี่แหล่ะครับราชินีที่แท้จริง…
ตอนเข้ามาแรกๆ ผมคิดว่าบอสกับคุณแป้งเป็นแฟนกันแต่อยู่นานไปก็รู้จากคนอื่นว่าคุณแป้งกับบอสเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน เธอเป็นสาวร่างอวบที่แต่งตัวจัด แต่งตัวเต็ม มั่นใจ นิสัยผู้ชายๆ หน่อยไม่จุกจิกจู้จี้ แต่มีข้อเสียคือชอบแอ๊วผู้ชาย สายเปย์ รักคนง่ายและอกหักเก่งฉายาสมัยเรียนคือแป้งโก๊ะ
“ไอ้แป้ง! ...กูกำลังสอนเด็กมันอยู่” บอสอธิบายเสียงเรียบ
“กูก็สอนมึงเหมือนกัน…มาสายหนึ่งครั้งเวลารวมยังไม่เท่า5ปีของมึงเลย เบาๆ หน่อยจะเยอะไปไหนถามน้องเขารึยังเผื่อ หมาตายควายตัดหน้ารถไม่ใช่เอาแต่ด่าแบบนี้” คุณแป้งดุเป็นชุดก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีก “ไอ้บอยไม่รับ…แต่พี่รับนะน้องเค” คุณแป้งยิ้มพร้อมกับโอบไหล่ผมอย่างปกป้องเข้าข้างสุดๆ
ผมขอย้ายไปเป็นผู้ช่วยคุณแป้งจะได้มั้ยนะ…
“มึง!” บอสหัวเสียตวัดสายตามามองผม “ไปเอาสัญญาของแพรพลอยมา!”
“ครับ!” ผมลุกขึ้นออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
แป้งปรายตามองเพื่อนรักที่อารมณ์ดีผิดกับก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน
“อารมณ์ดีแล้วนะ…” แป้งหันไปมองหน้าบอยที่เผลอยิ้มบางๆ เมื่อมองแผ่นหลังกว้างของเคทัตที่รีบวิ่งออกไป
“ดีเชี่ยไร!”
“แหมมม….กูละอยากแหมให้ถึงดาวอังคารสายตารอยยิ้มมึงมันคิดไม่ซื่อไอ้บอย!”
“ตรงไหน?”
“เออ…เจ้านาย…ลูกน้อง…” แป้งประชดเพื่อนก่อนจะเดินออกจากห้องไป
รู้ดีว่าง้างปากยังไงไอ้บอยมันก็ไม่พูดหรอกแต่สายตามันน่ะตอบไปหมดแล้ว…
แป้งยิ้มมองเด็กหนุ่มที่อายุห่างจากเธอเลยสิบปีอย่างเอ็นดู เขาก็น่ารักจริงแถมยังทำงานดี ขยัน ใจเย็น
“คุณนะครับคุณแป้ง…” เคยกมือไหว้เธออีกรอบ
“พี่ค่ะ…ไม่เรียกคุณนะคะดูไม่สนิท” เธอยิ้ม เอนตัวมาพิงบนโต๊ะแถมยังจับไหล่หนาของเด็กหนุ่มก่อนจะลูบมือลงไปจนเกือบสุดปลายแขน
เคทัตตกใจรีบดึงมือกลับมุดลงไปใต้โต๊ะ
“น่ากินเน๊อะ! ...เสียดายของ” เธอหัวเราะเบาๆ ขณะเดินกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง
ผมกลับมาสนใจงานบนโต๊ะอีกครั้งบอสกำลังรอเอกสารสำคัญอยู่ รีบเอาสัญญาออกจากเครื่องปริ้นใส่แฟ้มและเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง
“เรียบร้อยครับ…” ผมวางแฟ้มสัญญาตรงหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ บอสมองผมหน้านิ่งก่อนจะอ่านเอกสารสัญญา “คอนเฟิร์มเวลากับคุณแพรพลอยแล้วนะครับ ตอน11:30 เธอมีเวลาไม่มากมีเรียนตอนบ่าย”
“แล้วทำไมไม่นัดเร็วขึ้น”
“เธอไม่สะดวกครับ…ผมเห็นว่าสัญญาฉบับนี้มีรายละเอียดที่ไม่แตกต่างจากฉบับที่แล้วเท่าไหร่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรและ…..”
“อะไร?”
“คุณแพรพลอยเธอคงอยากให้บอสทานข้าวกับเธอสักมื้อ” ผมยิ้ม
“อะไรนะ?...คุณไปได้ยินอะไรผิดๆ มา!” บอสตวัดสายตาดุๆ ใส่ผม
“ให้เปลี่ยนสถานที่นัดจากบริษัทเป็นร้านสวยๆ แถวนี้มั้ยครับ?”
“เค…ทัต!!”
“ขอตัวครับ…” ผมยิ้มเสียววาบไปทั้งหลัง
แอบชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องทำงานบอสเพื่อความแน่ใจก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงโต๊ะหน้าห้องลงนั่งพร้อมกับผ่อนลมหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานอย่างสิ้นสภาพ
ความจริงคือผมยังมึนๆ งงๆ ไม่หายเลยครับ ร่างกายชักจะพะอืดพะอมหวิวๆ โหวงๆ ในท้องแล้วล่ะ
“เฮ้อ…” ผมถอนหายใจในหัวกลับไปนึงถึงเรื่องเมื่อคืออีกครั้ง “เพื่อนเหรอ?” ผมถามตัวเองเมื่อตบปากรับคำว่าจะเป็นเพื่อนกับไอ้เมฆมันไปแล้ว
เพื่อนกันมันต้องเป็บแบบไหนวะ? ...
มันนานเกินไปจนกูลืมไปหมดแล้ว กูห่วงมึงได้มั้ย พูดทุกอย่างที่ใจคิดได้รึเปล่าหรือแค่เป็นเพื่อนกินเหล้ากับมึงแค่นั้น
กูยังรักมึงอยู่เลยว่ะเมฆ…
ปวดหัว…
มวนท้อง…
ผมต้องหายาแก้ปวดกินแก้ขัดไปก่อน ลุกออกจากโต๊ะเดินไปห้องแคนทีน ผมกินยาดื่มน้ำและเดินไปหยิบแก้วกาแฟ
ในหัวนึกถึงเรื่องของมันอีกแล้ว
กอดของมันแม่งอบอุ่นชิบหาย…
ผมเผลอยิ้มสมเพชตัวเองที่ยังคิดอะไรแบบนั้น เมาไปก็เปล่าประโยชน์ครับมันไม่ช่วยทำให้ผมลืมสักนิด
“ลืมไม่ได้ก็ไม่ต้องลืม…” ผมพูดกับตัวเอง ยื่นมือไปกดน้ำร้อนและถอนหายใจทิ้งยาวๆ หนึ่งที
ใช่…
ฝืนทำไมล่ะ…
ยังรักมันอยู่ก็รักไปสิ แม้จะเจ็บแต่มันก็ยังดีกว่าจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกนะ