เพื่อนกันจริงๆ(เหรอ?)
ครืดดดด….
มือถือผมสั่นในจังหวะเดิมซ้ำๆ เมื่อเปิดมันออกมาดูก็เห็นข้อความในกรุ๊ปแชท เพื่อนๆ ทะยอยลงรูปกินเลี้ยงมีทั้งรูปดีๆ สวยๆและรูปเหี้ยๆปะปนกันไปใครเก็บทรงไม่อยู่ประคองสติไม่ได้ก็ซวยไปกลุ่มก๊วนผู้ชายก็เล่นกันอย่างนี้ล่ะครับ
ผมยิ้มเลื่อนปัดหน้าจอมือถือดูรูปไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นรูปนี้
รูปผมกับไอ้เมฆ…
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ายืนถ่ายรูปคู่กันตั้งแต่ตอนไหนเปิดจอค้างไว้แบบนั้นก่อนจะตัดสินใจเซฟรูปเข้าเครื่อง
เพราะผมห้ามใจไม่ได้…
“…” ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากความรู้สึกทางร่างกายที่มันดูเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง เมื่อไหร่มันจะผ่านไปสักที ผมไม่อยากติดกับความรู้สึกนี้ในใจ
พยายามจะไม่รัก
พยายามจะไม่คิดถึง
พยายามจะนึกถึงแต่เรื่องแย่ๆ เพื่อให้ตัวเองเจ็บช้ำแล้วเดินออกไป
แต่…
ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจริงๆพยายามไม่รักต้องทำยังไง ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถ้าไม่ให้คิดถึงเพราะถึงแม้จะนึกถึงเรื่องแย่ๆ แต่ก็ดันเผลอยิ้มให้สายตาที่เคยแคร์เคยห่วงใย
ผมไม่ควรเจอมันใช่มั้ย?
หรือว่าต้องเจอต่อไปให้หัวใจมันชาชิน? ...
จะเป็นไปได้มั้ยถ้าผมจะกลับไปขอคบกับมันบ้าง?
แกล้งลืม…
ไม่รู้ไม่เห็นว่ามันรักใคร? ...
ผมทำได้รึเปล่า?
ไม่อยากเหงาและจมอยู่กับความว่างเปล่าแบบนี้เลย
ผมเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน
มองเอกสารที่ยังพิมพ์ไม่เสร็จดีแต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วครับเลยเวลาเลิกงานมานานมากแล้ว สมองเบลอๆ ผมคงต้องกลับบ้านแล้วล่ะ
กลับมาถึงบ้านก็เห็นรถยับจอดอยู่
ถึงเวลาที่ผมต้องปั้นหน้าแสร้งทำว่าตัวเองสบายดีแล้วสินะถอนหายใจ…
รู้ดีว่าตัวเองต้องทำอย่างไร ได้เวลาทานข้าววันนี้ป้าติ๋วทำพะโล้ของโปรดของยับไว้ให้บรรยากาศในบ้านดูสดใสเวลาที่ยับและคินอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวผมนั้นก็ได้แต่มองด้วยความโล่งใจ เห็นคินมีความสุขผมก็ยิ้มได้แบบไม่ต้องกังวล
“เมื่อคืนขอบใจนะยับเห็นคินว่าช่วยกันแบกพี่ขึ้นห้อง”
“ไม่เป็นไรเลยพี่”
“เอาไว้เลี้ยงข้าว…หรือเลี้ยงเหล้าดี” ผมยิ้ม
“ได้หมด” ยับยิ้มก่อนหันไปมองคินเหมือนจะขออนุญาต
“เอ่อ…ผมเจอกุญแจรถพี่เคแล้วนะ”
“เหรอ? ...อยู่ไหนวะ”
“เป๋ากางเกง”
“เออ…ขอบใจครั้งนี้สุดจริงหนักไปหน่อย” รู้สึกผิดที่เป็นภาระคนอื่นครับ
“โดนเจ้านายดุมั้ยครับ?”
“ไม่เหลือ…มึงก็รู้ว่าคุณบอยเขาเป็นแบบไหน” ผมได้ทีบ่นเรื่องเจ้านายให้น้องฟัง
ยอมรับครับว่าเล่าไปหลายอย่างตั้งแต่ได้ทำงานที่นี่คินมันตื่นเต้นมากตอนที่รู้ว่าผมได้ไปฝึกงานแถมได้กลายเป็นผู้ช่วยคุณบอย เหมือนบอสผมเขาจะมีชื่อเสียงในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาแต่ผมน่ะไม่รู้จักเขาหรอกครับ
คินบอกว่าเขาเป็นเน็ตไอดอลรุ่นบุกเบิก
พอผมเริ่มหาข้อมูลเก่าๆถึงเข้าใจครีมเขาก็มีแต่พวกเน็ตไอดอลเป็นพรีเซ็นเตอร์อ่ะนะ แต่ที่ขายดีผมบอกได้เลยว่ามาจากเจ้าของแบรนด์ล้วนๆ บอสผมหน้าใสมาก หน้าเด็กหมือนเวลาไม่อาจฆ่าบอสได้เลยมันเลยเป็นการการันตีคุณภาพว่า cillic ใช้ดีจริงๆ
บางทีผมก็แอบเคลิ้มนะเวลาที่เขาดูหล่อเป็นพิเศษแบบ...วันไหนต้องไปออกรายการหรือไปงานอีเว้นต์ เขาจะหล่อละมุนกว่าเดิมถ้าบอกว่าเด็กกว่าอายุจริง10ปีเหลือสัก24ผมก็เชื่อนะ
“พี่เค…ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”
“เป็นอะไรกูก็สบายดีนี่”
“ผมหมายถึง…เรื่องที่ไปเจอพี่เมฆ…”
“มึง!” ยับทำเสียงเข้มมองคินแบบไม่ชอบใจผมเองก็ได้แต่ยิ้ม
“ไอ้หมงบอกมึงเหรอ?”
“ครับ”
“ไม่เป็นไรเลย…กูสบายดี” ตอบยิ้มๆยังพยายามเต็มที่กับการไม่ทำให้ใครต้องเสียใจ
“ดีแล้วครับ…ผมดีใจที่เห็นพี่ยิ้ม” คินยิ้มให้ผมอย่างสดใสแววตาไร้ความระแวงกังวลใดๆ ทั้งสิ้น
ผมวางช้อนลงและมองน้องทั้งสองคนอย่างจริงจัง
“มีเรื่องที่กูยังไม่ได้บอกมึงนะคิน…”
“ครับ?” คินงงๆ
“มันดีขึ้นมากเริ่มเป็นผู้เป็นอันนี้กูก็ต้องขอบใจมึงด้วย…”
“หมายความว่าไงครับ? ...พี่กลับไปคบกันเหรอ?” คินถามหน้าตื่น
“เปล่า…แต่กูกับเมฆกลับมาเป็นเพื่อนกัน” ผมยิ้มฝืนรู้สึกเต็มกลืนกับคำว่าเพื่อนที่ผมกับเมฆพึ่งกลับมาใช้สถานะนี้กัน
กดไว้…
อย่าแสดงความรู้สึกอื่นใดออกมา…
ผมได้แต่บอกตัวเองขณะมองน้องทั้งสองคนที่ดูจะกังวลและสงสัย
“เพื่อน!!!” ผมกับไอ้ยับพูดพร้อมกัน
“เลวขนาดนั้นพี่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อีกนะ” ยับประชดขณะที่คินก็หันไปดุ
“งั้นมั้ง…แต่ยังไงมันก็ยังเป็นเพื่อนที่กูห่วงใย คิดถึง ปรารถนาดีด้วยตลอด กูไม่รู้หรอกว่าตัดสินใจถูกรึเปล่าแต่มันจะรู้สึกผิดมากถ้าตัดมันออกจากชีวิต” ผมมองยับอย่างจริงจัง ยอมรับว่าไม่พอใจในคำพูดที่เขาต่อว่าไอ้เมฆ
ผมกำลังปกป้องมัน
“ผมเข้าใจนะ…” คินยิ้มเศร้า
“เข้าใจอะไร! ...มึงอย่าบอกนะว่าจะกลับไปเป็นน้องมันบ้าง!” ยับรีบดัก
“ไม่ได้เหรอวะ?” คินแกล้งถามตาใส
“ไม่ได้! ...กูไม่ยอม!” ยับทำหน้าจริงจัง
“กู…พูดเล่น” คินยิ้ม
“ไม่ตลกนะเรื่องนี้กูจริงจังสุด!”
“พอ! ...อย่ามาเถียงกันกินข้าวๆ” ผมปรามน้องที่เหมือนจะงอนกันซะแล้ว
ไม่กล้าพูดอะไรต่อปล่อยให้ความคิดจมอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงันเรากินข้าวกันโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก