ตอนที่ 1
ลูกหนี้
กรุงเทพมหานคร
ในชุมชนแออัด ตรอกซอกซอยที่มีบ้านคนเรียงติดกันเป็นทาง ทางเดินแคบมีทั้งไม้กระดานและคอนกรีตผสมปนเปกันไป ระหว่างทางมีทั้งน้ำขังและน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำสายใหญ่ ผู้คนใช้ริมตลิ่งน้ำเป็นทั้งที่พักอาศัยและเป็นที่ทำมาหากินอย่างการประมง การท่องเที่ยวและการเดินทาง
ปิ่นมุกและนายเมศผู้เป็นพ่อค่อย ๆ เข็นซาเล้งจากตลาดมหาศาลมาหยุดอยู่ที่บ้านไม้ริมน้ำของครอบครัว ส่วนนางมาลีก็นั่งนับเงินรออยู่ที่ริมระเบียงบ้านเพราะมาถึงที่หมายก่อนทั้งสองคนแล้ว
“มาช้าจริง ๆ เลย ไปแอบแวะที่ไหนกันมาหรือเปล่า”
“แล้วนี่นังมุก พ่อแกแอบซื้อเหล้ามาหรือเปล่าห้ะ”
นางมาลีเก็บเงินเข้ากระเป๋าตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามอีกคน
“พ่อไม่ได้แอบซื้ออะไรมาหรอกจ้ะแม่ มีแต่กับข้าวเนี่ย” เธอว่ายิ้มและยกถุงกับข้าวขึ้นให้มารดาดู “แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่จะกินก็เรื่องของพี่” นายเมศว่ากลับ
“หน็อยแน่ พี่เมศ กล้าพูดนะว่าเป็นเรื่องของพี่ ไอ้เงินที่พี่เอาไปซื้อเหล้า เนี่ยเป็นค่ากินค่าอยู่ของพวกเรานะ” นางมาลีพูดสวน
“ไหนจะหนี้ที่ติดคุณนายไว้อีก เดือน ๆ หนึ่งมีกินก็บุญแล้ว”
“หนี้นั่น..เอ็งเป็นคนไปยืมมาให้ไอ้เต พี่ไม่ได้ไปทำไว้สักหน่อย อีกอย่างพี่ก็ทำของพี่เหมือนกัน ไม่ได้เกาะเอ็งกินนะ”
“แล้วนี่ไอ้เตมันไปไหน?ไม่ออกมาช่วยกันยกของเข้าบ้าน” เปลี่ยนเรื่องถามถึงลูกชายคนโตแทน มาลีก็ทำทีหันซ้ายหันขวามองหาลูกรักและเอ่ยปากแก้ตัวแทน
“ไอ้เตมันก็คงออกไปหางานทำล่ะมั้งพี่ จะอะไรกับมันล่ะ”
“หางาน?หางานอะไร?เรียนมัธยมก็เรียนไม่จบ ให้เรียนกศน.ต่อก็เรียนไม่จบ กว่าจะหางานทำได้ก็ยากอยู่นะ ทำไมไม่บอกให้มันมาทำงานช่วยเรา มุกมันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
“โอ๊ย ฉันจะไปรู้มันเหรอ นังมุกมันรักดีมันก็ได้ดีไป ส่วนไอ้เตมันเลือกของมันเองจะเปรียบเทียบกันทำไมเนี่ยพี่” บ่ายเบี่ยงประเด็น
“ที่พี่พูดเนี่ยเป็นเพราะว่ามันเป็นลูกพี่ พี่เป็นห่วงมัน”
“พอ ๆ พอเถอะจ้ะพ่อแม่ อย่าทะเลาะกันเลยนะมุกขอล่ะ” ปิ่นมุกที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ถอนหายใจออกมาและยกมือห้ามทัพทันที แม้ว่าตนเองจะเห็นจนชินตาแล้วแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลดทอนความเบื่อหน่ายกับการที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันได้เลย “พ่อ พี่เตน่าจะไปหางานอย่างที่แม่บอกจริง ๆ น่ะแหละ”
“สักดึก ๆ ก็คงจะกลับมา เราไปกินข้าวกันดีกว่า”
“เออดีนะที่นังมุกมันซื้อกับข้าวมา ไม่งั้นฉันกับพี่ไม่จบแน่” ว่าพลางบอกให้ลูกสาวเอากับข้าวไปจัดแจงให้เรียบร้อย
“เออ พ่อแม่จ๊ะ มุกว่าจะหารายได้เสริมด้วยทำงานไปด้วย ดีไหมจ๊ะ”
ในระหว่างที่กำลังนั่งทานข้าวทานปลากันอยู่ ปิ่นมุกก็พูดขึ้น ทำให้สองสามีภรรยามองหน้ากัน “แกจะทำอะไรล่ะ”
“มุกว่าจะทำขนมกับสอนภาษาอังกฤษจ้ะแม่”
พอว่าจบนางมาลีก็หัวเราะขึ้นมา ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วมองมารดา
“โอ๊ย นังมุกเอ๊ย ฉันถามจริงเถอะนะ อย่างแกน่ะจะไปสอนใครได้ แล้วที่ทำขนมน่ะมันใช้เงินทุนเยอะนะ แกจะไหวเหรอ”
“ไหวอยู่แล้วจ้ะ มุกทำได้” ปิ่นมุกเงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบออกมา
ตั้งแต่เด็กจนโตเธอเคยคิดจะเปิดสอนพิเศษกับเปิดร้านทำขนมมาตลอด แต่ทุกครั้งก็แล้วกันไป เพราะมารดาคอยพูดเช่นนี้อยู่เสมอ พร้อมกับคอยกรอกหูมาตลอดว่าอยากให้เธอเป็นพนักงานบริษัทหรือไม่ก็ทำราชการในกระทรวงใหญ่ ๆ อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ครูหรืออาจารย์
เพราะมารดาไม่ชอบอาชีพนี้ เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเป็นเพราะอะไร
“เอาสิลูก มุกเก่งอยู่แล้ว ถ้าไหวก็ทำ เรื่องทำขนมเดี๋ยวพ่อทำช่วย”
“เหอะ ถึงยังไงแกก็โตพอจะหาเงินได้แล้ว ก็แล้วแต่แกละกัน แล้วฉันจะคอยดูว่าจะไปรอดไหม” พูดกระแทกกระทั้นใส่จนนายเมศแอบถอนหายใจ
ในใจก็รู้อยู่ว่าปิ่นมุกนั้นไม่ใช่ลูกรักของนางมาลี แต่ถึงแบบนั้นนางมาลีก็มีความรักและเมตตาปิ่นมุกอยู่ลึก ๆ ถึงได้เลี้ยงมาจนโตได้ถึงป่านนี้และไม่เคยทำร้ายร่างกายหญิงสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่พอมีก็มีเพียงนิสัยขี้บ่น ชอบแดกดัน ประชดประชันคนอื่นเท่านั้น
“อย่าไปสนใจคำพูดแม่มากนะ”
ตกดึกนายเมศเดินมาลูกสาวที่นั่งอยู่ที่ระเบียง และนั่งลงข้าง ๆ เธอ เพราะเห็นว่าลูกสาวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่
“มุกรู้จ้ะพ่อ แม่ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มุกไม่ถือแม่หรอก”
“แล้วทำไมยังไม่นอนล่ะลูก เป็นอะไรหรือเปล่า”
“มุกแค่กำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเวลายังไงดีให้ไม่เหนื่อยมาก” เธอยิ้มให้
นายเมศไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาเพียงแต่พยักหน้ายิ้มให้ลูกสาวเท่านั้น ในขณะเดียวกันนายเตผู้เป็นลูกชายก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“ไปไหนมาเต” ผู้เป็นพ่อถาม
“ไปไหนก็เรื่องของฉันน่าพ่อ” ว่าพลางมองหน้าปิ่นมุกไปด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิมจนปิ่นมุกสังเกตได้ทำให้เธอขมวดคิ้วและขยับไปอยู่ด้านหลังของบิดา
“แม่แกบอกว่าแกไปหางานทำมา สรุปได้งานไหม”
“งาน?”
นายเมศมองหน้าลูกชายด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก็รู้แล้วว่านางมาลีแก้ตัวแทนลูก “พี่เตเพิ่งกลับมา ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันอุ่นข้าวให้”
เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว หญิงสาวจึงขวางไว้ก่อน ก่อนที่จะทะเลาะกันไปมากกว่านี้ เพราะคนตรงหน้าต่างก็มีนิสัยที่เหมือนกันคือค่อนข้างที่จะไม่ยอมใครง่าย ๆ ยิ่งนายเตเป็นหนุ่มแล้วแบบนี้ ย่อมมีพละกำลังมากกว่านายเมศที่เริ่มแก่ตัวลงและมีโรคประจำตัวที่เกิดจากการดื่มสุรา
“พ่อก็ไปนอนได้แล้วนะจ๊ะ เราค่อยคุยเรื่องงานกันทีหลัง”
“ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยสบายด้วย กินยาแล้วก็นอนเถอะ ว่าง ๆ เดี๋ยวมุกพาไปหาหมอ” เธอว่าพร้อมกับค่อย ๆ ประคองตัวพ่อให้เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาอุ่นอาหารให้พี่ชาย แต่คนร่างสูงใหญ่ หุ่นดีพอควร เดินเข้ามาในครัวพร้อมกับมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของน้องสาว
สายตาเจ้าชู้มองตั้งแต่เท้าไล่ขึ้นมาถึงหัว ด้วยความที่ปิ่นมุกหุ่นดีราวกับดารา นางแบบ จึงเป็นที่หมายปองของใครหลายคนจนไม่เว้นแม้แต่เขาเอง
ความคิดจิตอกุศลที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใจเป็นเดรัจฉานอย่างเดียว แต่เป็นเพราะว่า ปิ่นมุก ‘ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนายเมศและนางมาลี’
เท่ากับว่านายเตก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของหญิงสาวเช่นกัน
แต่เรื่องนี้มีเพียงนายเมศ นางมาลีและนายเตเท่านั้นที่รู้ความจริง
ปิ่นมุกไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“พี่เต มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ ทำไมไม่ไปอาบน้ำ?”
หญิงสาวหันมาจะเอาของใส่ให้พี่ชายเพิ่ม แต่พอหันกลับไปก็ต้องตกใจที่เห็นพี่ชายยืนอยู่ด้านหลัง “ปีนี้แกอายุเท่าไรแล้ว?” ถามก่อนค่อย ๆ เดินเข้ามา
“พี่ถามทำไม?”
“ถามก็ตอบพี่สิ”
“ยี่สิบหกจ้ะ” ปิ่นมุกค่อย ๆ รู้สึกได้ถึงพฤติกรรมที่แปลกไปจนตัวเธอค่อย ๆ ขยับห่างออกตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว “เหรอ?แล้วมีแฟนหรือยัง”
“ยังจ้ะ ข้าวร้อนได้ที่พอดี งั้นพี่กินข้าวก่อนนะ ค่อยอาบน้ำ”
เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจสายตาของผู้เป็นพี่ชาย เธอไม่อยากคิดไปเองแล้วรู้สึกไม่ดีกับคนที่เป็นพี่น้องของตนเองแบบนี้
ส่วนนายเตพอเห็นว่ากระต่ายเริ่มตื่นตูมแล้ว เขาจึงหยุดการกระทำนั้นและทำตามที่น้องสาวบอก แต่สายตาก็ยังไม่หยุดมองแม้จะกินข้าวอยู่ก็ตาม จนปิ่นมุกต้องเดินหนีเข้าห้องไปก่อน และมานั่งลงบนเตียงของตนเอง “ไม่หรอก”
“พี่เตคงไม่คิดแบบนั้น เราอาจจะคิดไปเอง”
เธอว่าจบก็ลุกไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงานและเริ่มทำการวางแผนงานต่าง ๆ ที่ตนจะทำจนถึงเที่ยงคืนก็ค่อย ๆ ออกมาเก็บจานชามที่นายเตวางไว้หลังทานเสร็จและรีบกลับเข้าห้องไปนอนโดยที่ไม่ลืมล็อคประตูให้แน่นหนา
เพราะเธอเริ่มไม่ไว้ใจพี่ชายคนนี้แล้ว
กันไว้ดีกว่าแก้
ซึ่งนายเตที่มองอยู่ก็รู้เรื่องดีว่าปิ่นมุกเริ่มระแวดระวังตัว จึงคิดแผนใหม่ขึ้นมาในหัวและเข้านอนไปในที่สุด
เวลาตีสามครึ่ง นายเมศและนางมาลีตื่นขึ้นมาเตรียมของขึ้นซาเล้ง แต่จู่ ๆ นายเมศก็เกิดอาการอาเจียนขึ้นจนนางมาลีตกใจรีบวิ่งมาดู
“พี่เมศ!เป็นอะไรน่ะพี่!?” เดินเข้ามาลูบหลัง
“นังมุก!เตลูก!นังมุก!” เรียกลูกทั้งสองคนให้ตื่นขึ้นมาดูพ่อ
“ไม่ต้องไปปลุกมุกมันหรอก พี่ไม่เป็นไร”
“ให้มันนอนไปเถอะ”
“พี่แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?สีหน้าดูไม่ดีแบบนี้ เมาค้างจากเมื่อวานหรือไง”
“นี่มาลี มองพี่ได้แง่ดีสักเรื่องได้ไหม”
“ฉันเคยมองพี่ในแง่ดี จนกระทั่ง..”
“แม่เรียกฉัน มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบปิ่นมุกก็รีบเดินเข้ามาถาม
“เออ มาพอดี มาเอาพ่อแกไปโรงพยาบาลเร็วเข้า ไป”
“พ่อเป็นอะไรจ๊ะ” เมื่อได้รู้ความแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาประคองบิดาไว้ แต่นายเมศก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธบอกว่าไม่เป็นอะไร “ไม่เป็นอะไรลูก ไปนอนต่อเถอะไป”
“ไม่ได้หรอก ๆ เดี๋ยวเป็นอะไรร้ายแรงขึ้นมาจะทำยังไงพี่”
“เดี๋ยวฉันกับลูกจะลำบาก” ประโยคสุดท้ายของมารดาทำให้ปิ่นมุกรู้สึกแย่จนขุ่นขึ้นมา “แม่ช่วยห่วงพ่อสักนิดได้ไหม”
“อ้าว นังมุก นี่แกกล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ ฉันเป็นแม่แกนะ”
“ฉันรู้ว่าแม่เป็นแม่ฉัน แต่นี่ก็พ่อฉันเหมือนกัน”
“ไปเถอะจ้ะพ่อ เดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาลนะ” ปิ่นมุกไม่สนใจที่มารดาจะพูดอีก เธอประคองบิดาเดินออกมาด้านนอกพร้อมคว้าเดินไปคว้ากระเป๋าและโทรศัพท์และพากันออกไป
โรงพยาบาลแสนสิน
“คุณปิ่นมุก ญาติคนไข้ชื่อนายเมศ ใช่ไหมคะ?”
ผ่านไปสักพัก พยาบาลก็เดินเข้ามาถามคนที่กังวลอยู่ เธอจึงรีบลุกขึ้นตอบรับคำถามของพยาบาล “ใช่ค่ะ”
“คุณหมอต้องการพบญาติคนไข้ค่ะ”
คำบอกกล่าวแบบนี้ เป็นใครก็ใจตกลงตาตุ่ม หญิงสาวพยักหน้าและเดินไปพร้อมกับพยาบาล เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะรวบรวมความกล้าเข้าไปหาหมอด้านใน โดยมีนายเมศนั่งอยู่ด้วย
“โอเค คุณปิ่นมุกเป็นญาติคนไข้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ คุณหมอ..มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ?”
“คือแบบนี้ครับ เนื่องจากคนไข้เนี่ยมีประวัติการรักษาอยู่ พบว่ามีอาการเสี่ยงในโรคตับและมีอาการแทรกซ้อนจากพฤติกรรมของคนไข้ที่สูบบุหรี่ด้วย ดื่มเหล้าไปด้วย ทำให้ตอนนี้คนไข้มีทั้งโรคตับอักเสบ แทรกซ้อนด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ทางที่ดีหมอขออนุญาตแนะนำให้คนไข้รับการรักษาตอนนี้เลยครับ” คำอธิบายของหมอทำให้ปิ่นมุกหูอื้อไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าโรคพวกนี้จะมาเกิดกับคนในครอบครัวของตนเอง “มุกลูก” นายเมศแตะมือลูกสาวเบา ๆ ปิ่นมุกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ค่ะ พ่อต้องเข้ารับการรักษา” ตอบหมอและหันมามองหน้าพ่อ
“แต่ว่ามันจะลำบากนะลูก ต้องไปหาหมอสลับกับไปขายปลาแบบนี้”
“อีกอย่างค่ารักษา..”
“ไม่เป็นไรจ้ะพ่อ บริษัทที่มุกทำงานอยู่มีสวัสดิการประกันครอบครัวพนักงาน เดี๋ยวมุกจัดการเอง พ่อไม่ต้องห่วงนะ” เธอยิ้มให้อีกฝ่าย นายเมศเห็นแบบนั้นก็นึกสงสารลูกสาวขึ้นมา แม้จะขัดแล้วขัดอีก อย่างไรเสียปิ่นมุกก็ยังยืนกรานเช่นเดิมว่าจะรักษาพ่อให้ได้ไม่ว่าตนจะหมดสิ้นเนื้อประดาตัวก็ตาม
เพราะถึงแม้ว่าจะมีบ้านหลังใหญ่และใหม่กว่าอยู่ แต่บ้านที่ไม่มีพ่อและแม่ มันก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอ
หลายวันต่อมา
ไร่ดำรงรักษ์
“เรื่องที่กูให้ไปสืบ ตอนนี้ถึงไหนแล้วแสน?”
พ่อเลี้ยงภูผาเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในขณะที่เขาเซ็นเอกสารเสร็จพอดี “ได้ทีเลยครับลูกพี่ นี่ครับ ข้อมูลที่หามาได้”
“ลูกหนี้คนนี้ของลูกพี่มันชื่อว่าเต นามสกุล วิสุทธิ์สงค์ อายุยี่สิบเก้าปี พ่อชื่อ นายเมศ วิสุทธิ์สงค์ แม่ชื่อนางมาลี วิสุทธิ์สงค์ และน้องสาว แหม่ะ!คนนี้นี่เด็ดมากสวยสุด ๆ เลยครับลูกพี่ ชื่อ ปิ่นมุก วิสุทธิ์สงค์ครับ ตอนนี้มันอาศัยอยู่กับพ่อแม่แล้วก็น้องสาวของมันที่ชุมชนแออัดในกรุงเทพ ไม่ได้ทำงานที่ไหน พ่อแม่มันทำงานเป็นพ่อค้าขายปลา แม่ค้าขายผัก อยู่ที่ตลาดมหาศาลของคุณนายกิมลั้ว ส่วนน้องสาวมันทำงานอยู่ที่บริษัทระดับ Big ในกรุงเทพ คนอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง” แสนภูมิใจนำเสนอผลงาน แถมยังชมแล้วชมอีกให้เจ้านายฟัง เพราะเขาอยากให้พ่อเลี้ยงภูผาหันไปสนใจคนอื่นบ้าง แล้วอีกอย่างปิ่นมุกก็เป็นแบบที่ภูผาชอบมาแต่ไหนแต่ไร
แต่เพราะมีแก้วกานต์ทำให้พ่อเลี้ยงภูผาไม่สนใจใคร ที่ทำได้ก็เป็นได้แค่เพียงทางผ่านของเจ้านายเท่านั้น “อืม สวยดี”
แสนหันมองเจ้านายด้วยความอึ้ง ตนไม่คิดว่าเจ้านายจะเอ่ยปากชมอีกฝ่ายในทันทีที่เห็นเพียงรูปภาพ “อะไร?” เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“แหม ลูกพี่ ทำมาเป็นพูด” ภูผาส่ายหน้าและถามขึ้น “อายุเท่าไร?”
“สามแปดครับ”
“กูหมายถึงผู้หญิงที่ชื่อปิ่นมุก อายุเท่าไร มึงนี่”
“อุ่ย!อายุยี่สิบหกครับเจ้านาย”
“มึงว่าผู้หญิงคนนี้หน้าไม่เหมือนพ่อกับแม่เขาไหมวะ”
ภูผารู้สึกแปลกใจในขณะที่กำลังมองรูปของปิ่นมุก เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงที่เขากำลังมองอยู่ แต่พอพยายามนึกไปก็นึกไม่ออก มันติดอยู่ในหัวจนหงุดหงิด “อืม จริงด้วยครับ ไม่เหมือนเลย” แสนมองพินิจดูแล้วก็คิดแบบเดียวกัน
“แล้วรู้สึกคุ้นหน้าบ้างไหม”
“พอจะลาง ๆ นะครับ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร น่าจะนานแล้วนะครับนาย สมัยเราโดดเรียนไปห้างอะครับ” พูดถึงความหลังสมัยมัธยมต้น
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ มึงลงไปตามทวงหนี้ไอ้เตอะไรนี่มาให้กูได้ละ”
“แล้วถ้ามันไม่ยอมจ่ายล่ะครับพ่อเลี้ยง”
“ก็เล่นพ่อแม่กับน้องสาวมันแทน จะยากอะไร”