๘ รักครั้งแรก & เมียคนแรก

1362 Words
๘ รักครั้งแรก & เมียคนแรก อภิญญากลับมาเมืองไทยอีกครั้งหลังจากไปนานเกือบสี่ปี วันนี้หล่อนกลับมาพร้อมกับลูกสาววัยสามขวบ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักไม่แพ้มารดาในวัยเด็ก หญิงสาวยืนมองบ้านหลังน้อยที่จากไปนาน เมื่อกลับมาวันนี้ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิม ในขณะที่มารดาชราลงมาก ส่วนบิดาเสียไปเมื่อสองปีก่อน “มาเหนื่อยๆ พาลูกไปนอนพักก่อนเถอะนะ” นางอโณชาบอกกับลูกสาว พลางจูงมือหลานสาวเดินนำ โดยมีอภิญญาที่งดงามตามวัยดูมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่มีเค้าของสาวน้อยที่อ่อนต่อโลกคนเดิมอีกต่อไป เดินขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัว เมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในห้องนอน หญิงสาวถึงกับน้ำตารื้นจับขอบตา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน “แม่ยังเก็บทุกอย่างเอาไว้เหมือนเดิม คิดอยู่เสมอว่าสักวันแกจะกลับมาอยู่บ้านของเราอย่างถาวรสักที” นางเปรยออกมาเบาๆ ขณะมองหลานสาวปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงขนาดห้าฟุตของมารดา “ห้องมามี้สวยจังค่ะ” เด็กหญิงแอลลี่ หรืออารียาบอกกับมารดา ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส “งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันที่ห้องนี้นะคะ” “โอเคค่ะ หนูชอบห้องนี้” สาวน้อยตอบมารดา พลางหันไปยิ้มให้คุณยายใจดี “คุณยายขา แอลลี่อยากกินไอศกรีมรส สตรอว์เบอร์รีค่ะ” นางอโณชายิ้มกว้าง ก้าวไปนั่งข้างๆ หลานสาวบนเตียง “ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวยายสั่งให้จ้ะ ตอนนี้หนูนอนพักก่อนนะจ๊ะ” นางกล่าวกับหลานสาวที่กำลังหาวหวอดๆ ก่อนสบตาลูกสาว “แม่จะลงไปเตรียมกับข้าวเย็นนี้ แกนอนพักอยู่กับลูกก็แล้วกันนะ” “ขอบคุณค่ะแม่” อภิญญาบอกกับมารดา ดวงตาคู่งามมีรอยรื้นจางๆ ออกมา จากนั้นก็ก้าวเข้าไปกอดท่านแนบแน่น นางอโณชายกมือขึ้นกอดตอบพลางลูบหลังของลูกสาวแผ่วเบา เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี “เอาล่ะ นอนพักซะ ตื่นมาจะได้สดชื่น” เมื่อมารดาก้าวออกจากห้องนอน หญิงสาวจึงนั่งลงบนเตียงข้างลูกสาว ลูบศีรษะน้อยแผ่วเบา ก่อนก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาของคนที่ทำตาปรือ จากนั้นก็เอนกายนอนเคียงข้างคนตัวเล็ก ครั้งหนึ่ง ลูกสาวของหล่อนเกือบจะมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เพราะครอบครัวของเขาไม่ยอมรับหล่อนและลูก จึงตัดสินใจออกมาจากชีวิตของเขาโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ส่วนพ่อแท้ๆ ของอารียากลับไม่เคยเหลียวแล สิ่งเดียวที่เขาหยิบยื่นมีเพียงเช็คหนึ่งใบ เป็นค่าเลี้ยงดู หญิงสาวน้ำตาซึม เมื่อคิดถึงความผิดพลาดในชีวิต เพราะความรักทำให้หล่อนหน้ามืดตามัว หลงเชื่อลมปากของผู้ชายสารเลวคนนั้นจึงถูกทิ้ง แต่เมื่อตัดสินใจเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายดีๆ คนหนึ่ง ครอบครัวของเขากลับไม่ยอมรับหล่อน คงเป็นเวรกรรมสำหรับคนที่แทรกแซงชีวิตรักในครอบครัวคนอื่น คิดจะแย่งเขา แต่สุดท้ายกลับถูกทิ้งขว้างเหมือนของไร้ค่า... ไม่ใช่เพียงคุณผกามาศที่รับรู้การกลับมาของอภิญญา ทว่าเรวัตเองก็เช่นกัน เขารู้แม้กระทั่งว่าหญิงสาวกลับมาพักที่บ้านของมารดาวันไหน เวลาเท่าไรและมากับใคร... ชายหนุ่มดูรูปภาพสองแม่ลูกที่จูงมืออยู่ในสนามบินด้วยสายตาอ่อนแสง ครั้งหนึ่งเขาเคยรักหล่อนมาก มากเสียจนไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไรกับการตัดสินใจในครั้งนั้น ยอมผิดใจกับมารดา สู้กับทุกสายตาหยามหยัน แต่สุดท้ายหล่อนกลับทิ้งเขาไป ไม่ยอมอยู่สู้ไปกับเขา ทั้งที่เขาสู้เพื่อหล่อนมาตลอด แต่มาวันนี้ ความรู้สึกรักที่เคยมีคล้ายจะจืดจางลง ทว่าความผูกพันที่เคยมีต่อกันยังคงอยู่ และเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธความรู้สึกของตนเองว่าดีใจที่จะได้พบหล่อนอีกครั้ง ดวงตาสีเข้มหลุบมองดวงหน้ากระจ่างใสของเด็กหญิงตัวน้อย เด็กคนนี้เกือบจะได้เป็นลูกของเขาอยู่แล้ว หากไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เมื่อคิดถึงลูก คิ้วสีเข้มกระตุกเข้าหากัน พร้อมภาพดวงหน้าเล็กจิ๋วของลูกชายตัวน้อยที่บดบังภาพงดงามตรงหน้าจนหมด ลูกของคนอื่น ก็ยังเป็นลูกของคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันตอนนี้เขามีลูกเป็นของตัวเองแล้ว แม้ได้อุ้มเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับรู้สึกราวกับว่าผูกพันกันมาช้านาน ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แต่เขารู้สึกเช่นนี้จริงๆ เมื่อคิดถึงลูกชาย เขาก็ก้มมองนาฬิกา ยิ่งเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกงาน เขาก็ยิ่งร้อนใจอยากให้หมดเวลาเร็วๆ เมื่อหมดเวลางาน ชายหนุ่มจึงขับรถตรงไปยังบ้านสวนที่นนทบุรีทันที คนสวนเดินมาเปิดประตูแล้วเมียงมอง พอเห็นหน้าคนขับ เขาก็รีบเปิดประตูต้อนรับทันที ขณะเดียวกันพี่เลี้ยงสาวที่ชะเง้อมองออกไปก็หมุนตัวหันหลังเดินเข้าไปรายงานโรสรินทร์อย่างเร่งด่วน “คุณโรสคะ คุณเรมาค่ะ” แนนผู้เป็นพี่เลี้ยงเด็กบอกกับเจ้านายของตนเอง ทำให้คนที่กำลังให้นมลูกชายเงยหน้าขึ้น “บอกเขาให้รอเดี๋ยว” “ค่ะ” เรวัตนั่งรอโรสรินทร์กับลูกอยู่ที่ห้องรับแขก เกือบสิบนาทีหญิงสาวจึงก้าวออกมาพร้อมลูกชายที่หลับปุ๋ย เขาชะเง้อมองเมื่อหญิงสาววางคนตัวเล็กลงบนเบาะเด็กข้างกาย “แกเพิ่งกินนมอิ่มแล้วก็หลับไปค่ะ ถ้าคุณอยากอุ้มคงต้องรอวันหลัง” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ ทำให้คนตัวโตทำหน้าคว่ำ ทว่าเจ้าของบ้านทำเป็นไม่เห็นสายตาคู่นั้นเสีย ทั้งยังนึกสะใจอยู่ลึกๆ “งั้นคืนนี้จะค้างที่นี่ ลูกตื่นเมื่อไรจะอุ้มเมื่อนั้น” เขาบอกอย่างคนเอาแต่ใจออกมาหน้าตาเฉย ทำให้หญิงสาวหันขวับมองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจนักหรอก “อย่าดีกว่าค่ะ ถ้าคุณจ๋ารู้เข้าคงไม่ดีแน่” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ท่าทางไม่ยินดียินร้าย แต่กลับยิ่งทำให้คนมองนึกหมั่นไส้เพิ่มมากขึ้น “เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจ๋าเข้าใจ” อาการแสยะยิ้มเพราะความไม่เชื่อถือของโรสรินทร์ทำให้คนฟังนึกยัวะ “แต่ฉันไม่เต็มใจ คุณกลับไปเถอะค่ะ เอาไว้วันหน้าค่อยมาใหม่” เรวัตหรี่ตาลง เขามองหล่อนด้วยสายตาคาดโทษ “รู้ไหม ว่าทำแบบนี้เขาเรียกว่ากีดกันไม่ให้พ่อกับลูกเจอหน้ากัน” หญิงสาวชายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนตอบ “ถ้าฉันอยากทำแบบนั้นจริงๆ อย่าว่าแต่เจอกันเลย คุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นลูกของคุณ อีกอย่าง คุณก็เห็นว่าแกหลับอยู่ อย่ามาทำตัวงอแงเป็นเด็กไปหน่อยเลยค่ะ สู้เอาเวลานี้ไปทำลูกใหม่กับคุณจ๋าไม่ดีกว่าเหรอคะ” โรสรินทร์หลุบตามองลูกน้อยที่หลับปุ๋ย บอกราวกับไม่รู้สึกรู้สาว่าเขาจะไปหัวหกก้นขวิดกับใครที่ไหน ทว่าลึกสุดก้นบึ้งในจิตใจนั้นมีแต่ความอ้างว้าง เจ็บปวด เรวัตนิ่งเงียบ ก่อนหลุบตาลงมองลูกชายตัวน้อยที่ยังไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้ว่าใครทำอะไรบ้าง ลูกชายของเขาหลับปุ๋ยจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งเวลาหลับ ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูและน่าสงสาร วูบหนึ่ง เขาอยากล้มตัวลงนอนกอดเจ้าตัวน้อยเสียเหลือเกิน ไม่เข้าใจตัวเองนักหรอก ว่าทำไมถึงรู้สึกผูกพันลึกซึ้งกับเจ้าตัวเล็กนักหนา ทั้งที่เพิ่งรู้ว่าเป็นพ่อลูกกันได้ไม่นาน แต่พอรู้เท่านั้น ความปีติก็อาบซ่านไปทั้งหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD