ที่บ้านของคุณผกามาศ
“ดีมาก ถ้ามีอะไรคืบหน้าให้รีบโทร.มาบอกฉันทันที”
“ค่ะคุณท่าน”
คุณผกามาศวางสายจากพี่เลี้ยงสาวด้วยความรู้สึกอ่อนใจกับการกระทำของลูกชาย ท่านคิดอยู่แล้วว่าต้องออกมาในรูปนี้ แต่ที่ยอมบอกเรื่องของน้องรันนั้นเพราะมีเหตุผล และเขามีสิทธิ์ได้รู้ความจริง อย่างน้อยหลานของท่านต้องมีพ่อ และคนเป็นพ่อก็จะต้องดูแลรับผิดชอบเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม แต่จากผลลัพธ์ ทำให้ท่านรับรู้ว่าได้ผลเกินคาด เรวัตเต้นผางทันทีที่รู้เรื่องลูก หลังจากนี้คือบททดสอบบางอย่าง และท่านหมายใจว่าตนเองจะคิดไม่ผิด...
วันต่อมา คุณผกามาศเดินทางมาหาโรสรินทร์กับหลานชายที่บ้านสวน หญิงสาวจึงเล่าเรื่องที่ถูกเรวัตข่มขู่ให้ท่านฟังโดยไม่คิดปิดบังเมื่อถูกเอ่ยถาม
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ หมอนั่นอยากจะพูดหรือทำอะไรก็ปล่อยให้มันทำไป หนูอยู่เฉยๆ เลี้ยงลูกสวยๆ ไปดีกว่า”
คุณผกามาศกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทว่าหญิงสาวกลับมีสีหน้าที่บ่งชัดถึงความกังวลใจ
“แต่โรสกลัวว่าคุณเรจะมาหาเรื่องน่ะสิคะ”
ต่อให้ไม่สนิทกันสักเท่าไร แต่ตลอดระยะเวลาอยู่ด้วยกันมาทำให้รู้ว่าเรวัตเป็นคนเช่นไร โดยเฉพาะท่าทางกวนประสาทที่แสดงออกมาเมื่อวาน ทำให้หญิงสาวหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดถึง
คุณผกามาศมองคนที่ท่านรักและเอ็นดูราวกับลูกสาวอีกคนหนึ่ง แล้วถึงกับส่ายหน้า
“คนอยู่ออกเต็มบ้าน ต่อให้หมอนั่นบ้าดีเดือดแค่ไหนอย่างมากก็คงจะแค่กวนประสาท อีกอย่างตาเรมันไม่โง่ถึงขนาดทำเรื่องร้ายกาจหรอกนะโรส อย่างมากก็คงจะแค่โวยวายบ้าบอไปตามเรื่องตามราว แต่ถ้าจะให้ดีต้องทำให้คลั่งถึงสะใจ”
ท่าทางของคุณผกามาศดูสนุกไม่น้อยที่เห็นลูกชายอยู่ไม่สุขแบบนั้น ตรงกันข้ามกับโรสรินทร์ หญิงสาวไม่สบายใจกับเรื่องนี้และไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด สิ่งที่ต้องการเวลานี้คืออยู่กับลูกชายอย่างสงบ ไม่อยากขัดแย้งกับใครที่ไหน โดยเฉพาะคนพาลแบบเรวัต
คุณผกามาศคลายยิ้มลงแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าหมกมุ่นของคนที่ท่านรัก
“โรส หนูกลัวตาเรมากไหม”
หญิงสาวสบตาท่าน แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ถ้าต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ โรสไม่กลัวหรอกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะต่อให้ตาเรมันจะฟาดงวงฟาดงา ข่มขู่หรือปากหมาอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่พวกที่ชอบทำอะไรลับหลัง แม่เลี้ยงมากับมือ แม่รู้ดี”
โรสรินทร์ได้ฟังอย่างนั้นก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีเรื่องที่คิดไม่ตก คนไม่รักกัน มักทำได้ทุกอย่าง
“วางเรื่องนี้ลงก่อน แม่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าที่จะบอกกับโรส”
คำบอกเล่าของคุณผกามาศทำให้หญิงสาวนิ่วหน้า จะมีเรื่องอะไรสำคัญกว่าเรื่องนี้อีกอย่างนั้นหรือ
“อะไรหรือคะ”
ใบหน้าที่เจือยิ้มเมื่อครู่เคร่งขรึมขึ้น ดวงตาแข็งกร้าวยามตอบออกมา
“อภิญญากลับมาแล้วนะ”
คำตอบของท่านทำให้หญิงสาวนิ่งงัน คิดถึงผู้หญิงสาวสวยเจ้าของรอยยิ้มอ่อนหวาน คนที่เคยทำให้เรวัตหลงรักหัวปักหัวปำและเกือบตายมาแล้วด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก การกลับมาของอีกฝ่ายคราวนี้ จะเป็นการหวนคืนมาหาเรวัตหรือเปล่า แต่เมื่อคิดถึงจริยาโรสรินทร์ก็คิดว่าคราวนี้คงไม่ง่าย
“แต่ตอนนี้คุณเรมีคุณจ๋าอยู่ทั้งคนนะคะ”
คุณผกามาศหัวเราะหึๆ ในลำคอ ทำให้หญิงสาวหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ
“เลี้ยงแต่ลูกนะเราเนี่ย” ท่านกล่าวพลางส่ายหน้า ทำให้โรสรินทร์ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ อย่างนึกละอาย เพราะจะว่าไปนับแต่ก้าวขาออกมาจากบ้านนั้น หล่อนก็ไม่เคยคิดถึงใครมากไปกว่าลูกชาย แม้กระทั่งคุณผกามาศหล่อนก็เอาใจใส่น้อยลง จึงทำให้ดูเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างไม่เจตนา
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงเบา ทำให้คุณผกามาศยิ้มจาง ท่านไม่ถือโทษคนตรงหน้า เพราะเมื่อถูกสามีขอหย่าไม่เท่าไร ก็ต้องมารับมือกับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และหญิงสาวก็ทำได้ดีมาก ทุ่มเทวันเวลาทั้งหมดให้กับลูกชายตัวน้อย มาตอนนี้ยังต้องรับมือกับคนพาลอย่างเรวัตอีก แค่นี้ก็ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของใครอีกแล้วนั่นแหละ
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดของหนูสักหน่อย” ท่านกล่าว พลางถอนหายใจยาว “แต่ที่แม่จะบอกก็คือ ยัยจ๋าอะไรนั่นไม่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านกับตาเรตั้งแต่แรก”
โรสรินทร์ขมวดคิ้ว มองผู้ที่อุปการะตนมาช้านานด้วยสายตางุนงง
“ทำไมล่ะคะ ก็คุณเรบอกเองว่าจะพาคุณจ๋าเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้น”
“ก็ใช่ แต่บังเอิญว่าแม่นั่นทนเก็บสันดานเดิมๆ ไม่ไหว ทำตัวสำมะเลเทเมาออกมาเสียก่อน ตาเรรู้เข้าก็เลยไม่ยอมให้เข้าไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก แต่แม่คิดว่าตาเรตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
“หมายความว่าไงคะ คุณแม่จะบอกว่าคุณเร ไม่ได้คิดจะพาคุณจ๋าเข้าไปอยู่ที่นั่นแต่แรก...”
คราวนี้รอยยิ้มบนดวงหน้าที่ยังคงงดงามของคุณผกามาศจางลง ทำไมท่านจะไม่รู้ว่าเรวัตรักบ้านหลังนั้นมากแค่ไหน เพราะครั้งหนึ่งเขาตั้งใจสร้างมันเอาไว้เพื่ออยู่ร่วมกับคนรัก แค่รับรู้ว่าบ้านหลังนั้นกลายเป็นที่อยู่ของเขากับโรสรินทร์ก็แย่มากพอแล้ว การที่จะพาคนอื่นที่เป็นเพียงคนคั่นเวลาเข้าไปอยู่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ที่ทำแย่ๆ และพูดแย่ๆ ออกมาคราวนั้นก็คงเป็นเพราะต้องการกำจัดโรสรินทร์ออกจากบ้านให้เร็วที่สุด
คุณผกามาศสบตาหญิงสาวด้วยความเห็นใจอยู่ไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะท่าน ผู้หญิงตรงหน้าจะต้องไปได้ไกลกว่านี้ หล่อนจะมีชีวิตที่สวยงามและอนาคตที่สดใส แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของท่านเอง ที่ต้องการดึงเรวัตให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย โรสรินทร์จึงหยุดความก้าวหน้าลงเพียงแค่การเป็นแม่บ้านของผู้ชายไร้ความทรงจำ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันหนึ่ง จากเมียรักจึงกลายเป็นเมียชังโดยไม่ทันตั้งตัว
โรสรินทร์หลุบตามองมือที่ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้ ก่อนสบตาท่าน
“แม่ขอโทษ เป็นเพราะแม่ โรสจึงต้องมาพบเจอกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ ถ้าตอนนั้นแม่ส่งหนูไปเรียนต่อตามความตั้งใจเดิม หนูก็คงไม่ต้อง...”
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยค่ะคุณแม่ โรสเต็มใจ ไม่มีใครต้องขอโทษใครทั้งนั้น เพราะถ้าไม่มีคุณแม่คอยให้ความเมตตาและส่งเสริม ก็คงไม่มีโรสในวันนี้เหมือนกัน โรสขอบคุณนะคะ ที่เมตตาปรานีโรสมาโดยตลอด”
หญิงสาวก้มลงกราบท่านแนบอก คุณผกามาศยกมือขึ้นลูบศีรษะได้รูปของหญิงสาว น้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจก่อนจางหาย
“แม่เองก็ต้องขอบใจหนูมากนะโรส ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
โรสรินทร์ยิ้มอ่อนโยน สัญญากับตนเองอย่างหนักแน่น หากเรวัตคิดจะยื้อแย่งลูกน้อยไปจากอก หล่อนก็จะสู้กับเขาอย่างสุดหัวใจ...
หญิงสาวบอกตนเองเช่นนั้น พลางคิดถึงบ้านสีขาวตระหง่านหลังนั้น เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อผู้หญิงที่รัก ตั้งใจใช้ชีวิตร่วมกัน บ้านหลังนั้นจึงเปรียบเสมือนหัวใจของเรวัต เขาไม่เคยยอมให้ใครเหยียบย่างนับแต่อภิญญาจากไป ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาพบหล่อนใช้ชีวิตร่วมกัน บนเตียงและในห้องที่เขาตั้งใจใช้ร่วมกับใครอีกคน เรวัตก็เหมือนกับคนสติแตกอีกครั้ง เขาตราหน้าหล่อนว่าเป็นนักฉวยโอกาส ไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆ สุดท้ายเขาก็เกลียดหล่อน กลายเป็นคนใจร้าย ปากร้ายและสุดท้ายเป็นคนพาล
หากบ้านหลังนั้นเปรียบดั่งหัวใจของเรวัต หล่อนก็คงเป็นผู้เหยียบย่ำหัวใจของเขามาช้านาน สุดท้ายจึงต้องออกมาจากที่นั่นอยู่ดี เพราะมันไม่ใช่ที่ของหล่อนตั้งแต่แรกแล้ว