๑๑ สับสน2

1329 Words
จากนั้นเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าหล่อน ดวงตาสีเข้มมองนิ่งเข้ามาในดวงตาของคนตรงหน้าราวจะค้นคว้าบางอย่างจนหญิงสาวใจสั่น หลบตาคมกริบ “แล้วเจอกันใหม่” เขาบอกแค่นั้นก็ก้าวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ทำให้โรสรินทร์กะพริบตาปริบๆ หันมองชายหนุ่มด้วยความงงงัน พอนึกขึ้นได้จึงก้าวไปหยุดที่ริมเตียง มองคนตัวเล็กหลับปุ๋ย กระทั่งได้ยินเสียงสตาร์ตรถยนต์ของเรวัตที่ดังขึ้น แล้วค่อยๆ ห่างออกไปจนกระทั่งเงียบงัน หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆ แต่เป็นยิ้มแสนเศร้า รู้สึกสับสนกับการกระทำของเขาอยู่บ้าง อยากรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อาจค้นพบคำตอบ หลายวันต่อมา ขณะที่เรวัตกำลังพูดคุยกับเพื่อนนักธุรกิจภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นพนักงานสาวสวยในชุดเรียบโก้ของโรงแรมที่เดินผ่านหน้าเขาไป เขาคงไม่สนใจหากไม่ใช่อภิญญา ชายหนุ่มนิ่งงันอย่างลืมตัวจนกระทั่งถูกเรียกขานซ้ำจากเพื่อนนักธุรกิจ หลังจากแยกกัน เขาก็เข้าไปสอบถามถึงหญิงสาวกับประชาสัมพันธ์ ขณะที่กำลังสอบถามอยู่นั้นอภิญญาก็ก้าวออกมาให้เห็น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาหล่อนทันที “อ้อน” น้ำเสียงที่ได้ยินทำให้อภิญญาใจไหววับ ก่อนจะหันไปมองแล้วก็ต้องหัวใจกระตุกโลดเมื่อสบตาคมกริบของคนที่เป็นเพื่อนเก่าและเกือบจะได้เป็นเจ้าบ่าวของหล่อน “เร” อดีตคนรักสบตากันนิ่ง เรวัตยิ้มให้หญิงสาว เป็นรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนครั้งแรกที่สบตากัน อภิญญาทั้งตกใจและดีใจที่ได้พบเขาเช่นกัน เรวัตเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนพอควร เขาดูดีขึ้นมาก แววตามั่นใจและแกร่งขึ้นในความรู้สึกของคนมอง “อ้อนทำงานที่นี่เหรอ” “จ้ะ เพิ่งทำได้ไม่นาน” หญิงสาวตอบเสียงหวาน เรวัตผ่อนลมหายใจแผ่วเบา อภิญญายังสวยไม่เปลี่ยน ป้ายชื่อบอกตำแหน่งผู้จัดการ เขายิ้มน้อยๆ ให้หญิงสาวแล้วบอก “ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะอ้อน” หญิงสาวพยักหน้า หล่อนเองก็ดีใจ แต่ทุกครั้งที่สบตากัน ภาพวันคืนเก่าๆ ก็ผ่านเข้ามาให้หดหู่และเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้เขาประสบอุบัติเหตุ ทว่าก็ได้แต่คอยติดตามข่าวคราวของเขาเงียบๆ แต่ทุกอย่างก็เงียบหายไปราวกับคลื่นกระทบฝั่ง ในขณะที่หล่อนเองต้องปรับตัวอย่างมากกับสถานที่และผู้คนใหม่ๆ เรวัตเองก็ดูเหมือนจะคิดเช่นเดียวกัน “อ้อนพอมีเวลาว่างไหม เราอยากชวนอ้อนไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ เที่ยงนี้ได้ไหม” อภิญญานิ่งเงียบกับคำถามของเขาไปชั่วขณะ เมื่อสบนัยน์ตาสีเข้มหัวใจของอภิญญาก็เต้นแรงขึ้น ทั้งที่ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับใครมานานแล้ว และไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่งกับคนตรงหน้า คนที่หล่อนทำเขาไว้เจ็บแสบ อาจเป็นเพราะบุคลิกภูมิฐานและแววตามั่นคง กับท่าทางสุภาพ รอคอยอย่างใจเย็นของเขากระมัง ที่ทำให้หัวใจของคนถูกมองหวั่นไหวอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่อยากให้เขาต้องผิดหวัง สุดท้ายจึงตอบรับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ทำให้เรวัตยิ้มตอบด้วยความรู้สึกยินดีปนโล่งใจ เมื่ออีกฝ่ายตอบเป็นนัยว่าตกลง เที่ยงวันนั้น ชายหนุ่มพาหญิงสาวออกไปรับประทานอาหารด้วยกัน แต่เขาไม่คิดสักนิดว่าการพาอภิญญาออกมารับประทานอาหารครั้งแรกในรอบหลายปีทำให้เขาได้พบกับอดีตภรรยา มารดาและลูกน้อยในร้านเดียวกัน โรสรินทร์เป็นฝ่ายเห็นเขาก่อน หญิงสาวมองคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนในอก ก่อนจะรีบเมินหน้าหนีและไม่พยายามมองไปยังคนทั้งสองอีกเพราะไม่ต้องการถูกคุณผกามาศจับได้ “เลือกเมนูสิจ๊ะ วันนี้เรากินของอร่อยๆ กันดีกว่า โรส อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ มื้อนี้แม่เลี้ยงเอง” คุณผกามาศบอกอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนที่หน้าซีดฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะก้มลงมองลูกชายที่นอนตาแป๋วในรถเข็นเด็กอ่อน วูบหนึ่งหญิงสาวเกิดความรู้สึกน้อยใจ ยิ่งลอบเห็นเขาส่งสายตาอ่อนหวานต่อคนรักที่หวนกลับมาก็ยิ่งเจ็บแปลบ หล่อนไม่เคยได้รับแววตาอาทรแบบนี้จากเขาอีกเลยนับแต่เรวัตฟื้นความจำ เขาคงดีใจจนเนื้อเต้นที่กำลังจะได้คนรักกลับคืนมา ริมฝีปากสีอ่อนแสยะยิ้มให้กับตนเองด้วยความสมเพชที่ไม่ยอมลืมผู้ชายคนนั้น อาการนิ่งเงียบผิดปกติของโรสรินทร์ทำให้คุณผกามาศเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ ยิ่งเห็นดวงตามีหยาดน้ำคลอออกมาบางๆ ก็ใจหาย กว่าหญิงสาวจะรู้ตัวว่ากำลังอ่อนไหวและเสียใจกับสิ่งที่ได้เห็นก็ถูกจับได้เสียแล้ว “เป็นอะไรลูก มีอะไรหรือเปล่า” โรสรินทร์เงยหน้าสบตาแล้วรีบกะพริบตาส่ายหน้าเบาๆ “เอ่อ เปล่าค่ะ คุณแม่สั่งได้หรือยังคะ โรสสั่งอันนี้ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรีบกลบเกลื่อน สั่งอาหารส่งเดช เพราะเวลานี้ต่อมรับรสของหล่อนคงหยุดทำงานชั่วคราว และกระเพาะก็ไม่อยากรับอาหารอะไรทั้งนั้น เพราะในหัวมีแต่ภาพของสองหนุ่มสาวที่ดูจะกลับมาสานสัมพันธ์กันอย่างหวานแหวว การพาอภิญญาออกมารับประทานอาหารกันวันนี้ บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น ต่อให้มารดาของเขามาพบ คนอย่างเรวัตที่เวลานี้แกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าก็คงไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป คุณผกามาศมองอาการผิดปกติของหญิงสาวแล้วหรี่ตาแคบ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบสถานที่แล้วต้องชะงักงันเมื่อเห็นดวงหน้างามของอภิญญากำลังยิ้มหวานให้กับเรวัต อภิญญา... ท่านคำรามในใจ ดวงตาวาววับกับภาพที่เห็น ก่อนจะหันมามองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนแสง ก่อนจะเอื้อมมือวางทับหลังมือของอดีตลูกสะใภ้พลางบีบเบาๆ จนหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน “อย่าใส่ใจกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเราเลยนะโรส สักวัน หนูจะได้พบกับคนที่ดี เหมาะสมกับหนูและไม่โง่เหมือนใครบางคน” คำปลอบใจของท่านทำให้หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะกระชับมือท่านตอบแล้วสูดลมหายใจเรียกกำลังใจคืนกลับมา พร้อมกับบอกตนเองว่าถึงเวลาที่หล่อนจะค่อยๆ เรียกความรักความหลังที่มอบให้เขาไปคืนกลับมาเสียที ครึ่งชั่วโมงให้หลัง คุณผกามาศกับโรสรินทร์ก็พาลูกน้อยออกจากร้านอาหาร และขณะที่ทั้งสองลุกขึ้นยืน เรวัตก็เหลือบตาเห็น เขาชะงักเมื่อสบตากับโรสรินทร์ วูบหนึ่งหัวใจไหววูบลงเมื่อสบตาเย็นชาของหญิงสาว เป็นแววตาของคนที่หมดแล้วซึ่งความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน โรสรินทร์เมินมาจากคนทั้งคู่ เช่นเดียวกับคุณผกามาศ จากนั้นทั้งสองจึงก้าวออกจากร้านอาหารแห่งนั้น พร้อมกับดันรถเข็นของลูกชายตัวน้อยออกไปโดยไม่เกิดอะไรขึ้น เรวัตมองตามอย่างลืมตัว ลืมไปว่ากำลังนั่งอยู่กับใคร กระทั่งถูกเรียกขานซ้ำเขาจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาวและพยายามทำตัวตามปกติ ทว่ายิ่งคิดถึงแววตาที่มองมาอย่างเย็นชาว่างเปล่า เขาก็เกิดความรู้สึกที่เรียกว่าทนไม่ได้ เผลอแสดงอาการกระสับกระส่ายจนคนที่มาด้วยรู้สึกได้...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD