บท 4

1398 คำ
4 “เป็นยังไงบ้าง นายโอเคหรือเปล่า?” “ผมโอเคครับ ...ไม่เป็นไร” หลังเยลขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ เพื่อนร่วมงานที่ทันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ต่างวิ่งกรูเข้ามาถามไถ่เยลด้วยความเป็นห่วงทันที เพราะนอกจากอุบัติเหตุทางใต้น้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว นี่ก็แทบจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่มีเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้เกิดขึ้นในอควาเรียม เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าซีแอตค่อนข้างเป็นมิตรกับมนุษย์ มันรักแม้กระทั่งเด็กที่ทำตัวไม่น่ารักกับมัน ยิ่งกับเยลที่เจอกันทุกเช้าทุกเย็น แถมมันยังชอบเขาเป็นการส่วนตัวอีกต่างหาก ดังนั้นมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ซีแอตจะว่ายปรี่เหมือนจะเข้ามาทำร้ายกันแบบนี้ แต่ก็อย่างที่ว่าแหละไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหนหรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง มันก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ต่อให้จะสนิทสนมกันมากก็ตาม “เห็นทีฉันคงต้องรายงานเรื่องนี้ให้ศาสตราจารย์หลุยส์รู้เรื่องแล้ว ว่าแต่ทำไมซีแอตถึงแสดงพฤติกรรมแบบนั้นกับนายกัน ตอนที่อยู่ใต้น้ำนายไปทำอะไรให้มัน” “คนอย่างผมน่ะเหรอครับ จะไปทำอะไรให้ซีแอต” เยลที่เพิ่งถอดอุปกรณ์และชุดดำน้ำออกหันไปถามสัตวแพทย์ที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างไม่เชื่อหู เขากลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอถึงค่อยพูดต่อ “มันหวงผมครับ” นั่นเป็นข้อสันนิษฐานเดียวที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด “...” “มันหันมาเจอผม ตอนที่ผมกำลังจะให้อาหารปลากระเบนจิ๋วพอดี มันน่าจะทั้งตกใจแล้วก็ไม่พอใจเลยรีบว่ายปรี่มาหากันแบบนั้น ซึ่งผมเองก็ตกใจมันเหมือนกัน” ขณะที่เขากำลังเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ดวงตากลมโตของเยลก็มองลงไปยังแท็งก์ด้วย เมื่อนาทีนี้เขาเริ่มจะรู้สึกผิดกับซีแอตแล้ว “เดี๋ยวเราค่อยพูดกันอีกทีก็แล้วกัน แต่ฉันว่าตอนนี้นายไปพักผ่อนเถอะ เพราะนายน่าจะทำงานไม่ไหวแล้วล่ะ” สัตวแพทย์ตอบกลับมาพลางตบเข้าที่บ่าของเยลเบา ๆ คล้ายต้องการให้กำลังใจกัน “...เฮ้อ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย แล้วทำไมต้องเป็นเราตลอดด้วย” เยลที่ยังมีอาการขวัญเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อยู่พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ซึ่งเขาก็คิดว่าวันนี้เขาควรจะพักตามคำแนะนำจริง ๆ เนื่องจากสภาพจิตใจเขามันไม่พร้อมที่จะทำงานต่อแล้ว หลังจากที่เยลจัดการทำเรื่องขอลางานตลอดทั้งช่วงบ่ายเสร็จ เขาก็ได้กลับมาพักผ่อนยังห้องพักของตัวเอง โดยห้องพักที่เยลอยู่นี้ก็จะเป็นห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ มันตั้งอยู่ในเขตของอควาเรียม เป็นที่พักชั่วคราวที่มีเอาไว้ให้สำหรับเจ้าหน้าที่ที่อาจมีเหตุให้ต้องอยู่นอนค้างที่นี่ หรืออีกในกรณีหนึ่งก็คือบ้านพักของเจ้าหน้าที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่ทำงานพอสมควร เจ้าหน้าที่จึงต้องมาหยิบยืมสถานที่แห่งนี้ในการพักผ่อนชั่วคราวแทน ระหว่างที่ต้องทำงานติดต่อกันห้าวันต่อสัปดาห์ ซึ่งโดยปกติแล้วเยลก็มักจะนอนค้างที่อควาเรียมตลอดทั้งห้าวัน และในช่วงวันหยุดของเขา เขาก็จะกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่หลายกิโลเมตร “เฮ้อ...” ทันทีที่เยลทิ้งหัวลงหมอน เสียงถอนหายใจของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญมันยังเป็นภาพติดตรึงอยู่ในหัวเขาจนถึงตอนนี้ โดยปกติแล้วเยลไม่ได้กลัวซีแอตเลย มันอาจมีบ้างที่เขามีอาการตกใจยามที่ซีแอตนึกคึกอยากจะแกล้งเขาด้วยการแอบว่ายเข้ามาหาจากทางด้านหลัง แต่เยลกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเขาไม่ได้กลัวมันจริง ๆ แต่พอวันนี้มันเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้น นั่นก็ทำให้เขาเกิดอาการหวั่นใจกลัวว่าตัวเองจะไม่กล้าลงไปให้อาหารปลากระเบนอีกต่อไป ทั้งที่นี่มันเป็นหน้าที่หลักที่เขาจะต้องรับผิดชอบ และน้อยคนนักที่จะสามารถมาทำหน้าที่นี้แทนกันได้ เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจนิสัยและพฤติกรรมของเหล่าปลากระเบน เพราะไม่ว่าเยลจะพยายามข่มตานอนแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถบังคับทำให้ตัวเองหลับตามที่ใจปรารถนาได้ สุดท้ายเยลจึงต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และคว้านหาโทรศัพท์ส่วนตัวที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างหมอน ตั้งใจจะต่อสายโทรหาเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่เมืองไทยและเป็นแฟนคลับตัวยงของซีแอต เพื่อบอกเล่าให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าวันนี้เขาเจออะไรมาบ้าง [ลมอะไรหอบให้โทรมาหาเนี่ย วันนี้มึงไม่ได้ทำงานเหรอ?] ทันทีที่คนปลายสายกดรับ เธอก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ วันนี้เลยต้องพัก” เยลตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วเมื่อคนปลายสายจับอารมณ์ผ่านน้ำเสียงของเขาได้แล้ว เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากในตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด [เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ] “ก็พี่เบิ้มของมึงน่ะสิ” [...] “หันมาเจอตอนที่กูกำลังให้อาหารปลากระเบนในตู้พอดี สงสัยคงจะตกใจแล้วก็ไม่พอใจมากเลยแหละมั้ง มันเลยรีบว่ายพุ่งเข้ามาหากู กูเห็นท่าไม่ดีเลยป้องกันด้วยการถีบท้องให้มันว่ายถอยออกไป” เยลบอกคนปลายสายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เมื่อความรู้สึกผิดที่เขามีต่อซีแอตได้ทำงานอีกครั้ง “ตั้งแต่ที่กูรู้จักกับซีแอต กูไม่เคยใช้กำลังกับมันเลย ต่อให้ซีแอตจะแกล้งแรง ๆ อย่างมากสุดกูก็แค่ใช้มือผลักออกเท่านั้น เหมือนมันเองก็ตกใจเหมือนกันที่กูใช้ตีนถีบมันแบบนั้น” [กูเข้าใจมึงนะ แล้วก็เข้าใจซีแอตด้วย] “...” [จะว่ายังไงดีล่ะ ซีแอตต่อให้มันจะเป็นมิตรกับมนุษย์แค่ไหน ยังไงมันก็เป็นอันตรายอยู่ดีแถมมึงยังเคยบอกว่าซีแอตน่าจะเป็นกระเบนใหญ่ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกด้วย] [แต่ในแง่หนึ่งซีแอตก็เป็นสัตว์ไง มันไม่ได้เข้าใจหรอกว่ามันทำผิดยังไง มันรู้แค่ว่ามึงไปทำร้ายมันเท่านั้นแหละ ต่อให้มึงจะไม่ได้ตั้งใจแล้วทำไปเพื่อป้องกันตัวก็เถอะ แต่เพราะมันเป็นสัตว์มันเลยไม่ได้รู้เรื่องอะไรขนาดนั้น] “ใช่ กูก็เลยรู้สึกผิดอยู่นี่ไง แล้วตอนนี้กูก็เริ่มกลัวมันแล้วด้วย” เยลบอกคนปลายสายพลางยกมือขึ้นมาเสยผมของตัวเองพอลวก ๆ [...] “ใจหนึ่งกูก็อยากจะไปง้อมันนะ แต่อีกใจหนึ่งกูก็เริ่มกลัวมันขึ้นมาแล้ว กูเลยไม่รู้จะทำยังไงต่อดี” [กระเบนอย่างซีแอตสามารถง้อได้ด้วยเหรอ] คนปลายสายถามกลับมา คล้ายกับนี่เป็นความรู้ใหม่ที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน “...” [กูรู้นะว่าซีแอตเป็นกระเบนที่ค่อนข้างเฉลียวฉลาดมีระบบความคิดที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่าปลากระเบนทั่ว ๆ ไป แต่ถ้ามันถึงขั้นสามารถงอนง้อกันได้นี่ มัน...ชักจะเกินไปหรือเปล่า?] หลังจากที่คนปลายสายเอ่ยกลับมาเช่นนั้น เยลก็ถึงกับเงียบไปทันที เมื่อเขาได้หลุดปากเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่คนปลายสายเท่านั้นที่ยังไม่รู้มาก่อน แต่กับเพื่อนร่วมงานของเยลก็ไม่เคยล่วงรู้ความลับนี้เช่นกันว่าเจ้ากระเบนยักษ์อย่างซีแอตสามารถงอนง้อได้เหมือนอย่างมนุษย์ทั่ว ๆ ไปเลย เพราะซีแอตไม่เคยแสดงความซับซ้อนนี้ให้ใครเห็น ยกเว้นกับเยลที่เป็นคนดูแลและคอยให้อาหารมันเป็นประจำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม