5
อาจเพราะความกลัวที่ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึกของเยล ไหนจะอาการคิดมากที่กลัวว่าการทำงานร่วมกับปลากระเบนของตัวเองจะมีปัญหาในอนาคต นั่นจึงทำให้หลังจากที่เยลคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จ เขาที่ผล็อยหลับไปเพราะความเพลียก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากเยลรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังสัมผัสอยู่ตรงหน้าผากของเขา
“ไม่สบายเหรอ?”
“ถ้าไม่สบายก็ต้องกินยาสิ งั้นเราต้องบอกพ่อ” เสียงพึมพำของคนที่กำลังยืนค้ำหัวกันอยู่ ทำเอาเยลถึงกับต้องขมวดคิ้วเป็นปม เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยเสียงนี้เอาเสียเลย
ซึ่งถ้าหากนี่เป็นเพื่อนร่วมงานที่มีน้ำใจอุตส่าห์เข้ามาดูเขาเพราะความเป็นห่วงกัน มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากเท่าที่เยลจำได้เพื่อนร่วมงานของเขาไม่มีใครมีน้ำเสียงที่หล่อเหลาเท่านี้สักคน
แล้วเพราะอย่างนั้น... เยลจึงพยายามที่จะยกเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งของตัวเองขึ้น เพื่อที่เขาจะได้หายข้องใจเสียที ทว่าเมื่อเยลเริ่มขยับตัว อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะตกใจเช่นกันถึงได้รีบเอามืออุ่นมาปิดตาเขาเอาไว้ คล้ายเจ้าตัวไม่ต้องการให้เขาเห็นหน้า
“ใครน่ะ คุณคือใครครับ” เยลตัดสินใจถามออกไปทั้งเสียงแหบแห้ง
“จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ” อีกฝ่ายถามกลับมา ดูเป็นการถามเพราะความสงสัยไม่ใช่การกวนประสาทกันแต่อย่างใด
“...”
“ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวพ่อดุ” อีกฝ่ายพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายกลับทำให้เยลที่ยังนอนหลับตาอยู่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเจ้าตัวพูดจาเหมือนเป็นเด็กเล็กที่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง แต่มันกลับสวนทางกับน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ดูจะเป็นหนุ่มที่โตเต็มวัยอย่างสิ้นเชิง
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป!” เพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป และเขาคงจะต้องยกเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขึ้นมาดูอีกฝ่ายไม่ทันแน่ เยลก็รีบเรียกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงของเขาทันที
“บอกแล้วไงว่าพ่อจะดุ” อีกฝ่ายหันกลับมาพูดกับเยลอีกครั้ง จากนั้นเสียงเปิดปิดประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับเยลที่ลืมตาขึ้นมาอย่างพอดิบพอดี
“เขาเป็นใครกัน” เพราะในวินาทีที่เยลลืมตาขึ้นมา เขาก็มองไปทางประตูห้องพักทันที นั่นจึงทำให้เยลได้ทันเห็นชายร่างสูงที่น่าจะมีส่วนสูงราว ๆ หนึ่งร้อยแปดสิบห้า มีผมสีดำขลับเข้าพอดี
เขาจ้องมองประตูห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ทั้งอาการใจเต้นระส่ำ มีอาการขนลุกพองขึ้นมาราวกับเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เจอสิ่งลี้ลับมาหมาด ๆ เนื่องจากในบรรดาเพื่อนร่วมงานของเขาที่เยลเคยพบเจอมา มันไม่มีใครผมดำสนิทแบบอีกฝ่ายเลยสักคน
เขาแทบจะเป็นเจ้าหน้าที่ของอควาเรียมเพียงคนเดียวด้วยซ้ำที่มีผมสีเข้มแบบนี้เพราะเยลเป็นคนเอเชีย ถ้างั้นคนที่เพิ่งออกไปจากห้องพักของเจ้าหน้าที่เป็นใครกัน แล้วทำไมถึงสามารถผ่านการสแกนลายนิ้วมือเข้ามาได้?
“หายดีแล้วแน่นะ? ฉันว่านายควรพักต่อสักวันสองวันนะเยล มันไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพกาย แต่มันรวมไปถึงเรื่องสภาพจิตใจด้วย”
“หายดีแล้วครับ ผมพร้อมที่จะทำงานแล้วจริง ๆ” เยลตอบหัวหน้าของตัวเองทั้งรอยยิ้ม เมื่อในระหว่างที่เขากำลังแตะบัตรเข้าทำงาน อีกฝ่ายที่ยืนอยู่บริเวณที่หน้าตู้แตะบัตรพอดีก็เดินเข้ามาคุยกับเขาด้วยความห่วงใย
“โอเค งั้นวันนี้ก็ทำงานให้เต็มที่เลยนะ แต่วันนี้มันเป็นวันธรรมดา ยังไงงานก็คงไม่เยอะเท่าไรหรอก”
“ครับ” เขาขานรับเพียงสั้น ๆ พร้อมเดินเข้าไปในเขตของตัวเอง โดยวันนี้เยลก็ไม่ได้มาทำงานมือไม้เปล่า แต่เขายังพกเอาปูสดจำนวนสองตัวเข้ามาด้วย เพราะมันเป็นของโปรดของซีแอต
ใช่แล้ว... วันนี้ที่เยลอุตส่าห์ฝืนตัวเองมาทำงาน ทั้งที่เขาควรจะพักต่ออีกสักวัน นั่นก็เพราะเขาตั้งใจจะมาง้อพี่เบิ้ม
แม้ในตอนนี้เยลจะยังมีอาการหวาดกลัวมันอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่เท่ากับช่วงแรก ๆ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แล้ว เพราะถ้าเขามัวแต่กลัวมันแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาก็อาจได้รับผลกระทบได้
ก็อย่างที่เยลเคยบอกไปว่ามันมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่กล้าเข้าหาซีแอต ปลากระเบนที่ไม่ได้มีความน่ากลัวเพียงแค่ขนาดของมัน แต่มันยังมีเงี่ยงพิษที่สามารถฆ่ามนุษย์หรือสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่ามันได้อย่างสบาย ๆ
“รู้เหรอว่าฉันจะมาง้อน่ะ” ทันทีที่เยลผลักประตูเข้าไปหามัน และเขาไม่เห็นว่ามีเพื่อนร่วมงานคนไหนอยู่แถวนี้ เยลที่เห็นว่าซีแอตกำลังว่ายขึ้นมาตรงบริเวณผิวน้ำ คล้ายกับมันกำลังรออะไรบางอย่างก็รีบพูดขึ้นโดยพลัน
ซึ่งพอซีแอตเห็นว่าเป็นเยลที่เข้ามาหา จากที่มันเคยว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำก็รีบแหวกว่ายดำดิ่งลงไปสู่ก้นแท็งก์เช่นเดิม
แต่เยลรู้ดีว่ามันกำลังรอให้เขามาง้อมันอยู่
“อันนี้ของโปรดของใครเนี่ย” เขาที่เดินมายืนอยู่ตรงแท่นให้อาหารทำทีพูดขึ้น พร้อมรีบหยิบเอาปูทะเลจำนวนสองตัวออกมาจากถุงใส่เพื่อโชว์ให้มันดู
ถึงแม้ตอนนี้เยลจะไม่สามารถเพ่งสายตามองหาซีแอตที่กำลังทำตัวกลมกลืนกับความมืดของก้นแท็งก์ได้ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคงกำลังมองปูสดที่อยู่ในมือเขาตาเป็นประกายแน่ เนื่องจากซีแอตชื่นชอบปูทะเลมาก
“ถ้านายไม่ยอมว่ายขึ้นมาหาฉัน ฉันจะแบ่งปูให้กระเบนตัวอื่นแล้วนะ เพราะตัวอื่นก็ชอบกินปูเหมือนกัน” ขณะที่พูด เยลก็ย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วใช้มือตีบนผิวน้ำเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณเรียกให้กระเบนยักษ์หยุดวางท่าแล้วว่ายกลับขึ้นมาหากันเสียที
เขาใช้เวลาตีน้ำจนเกิดคลื่นกระเพื่อมและเสียงอยู่เกือบนาทีเห็นจะได้ และในจังหวะที่เยลกำลังจะหยุดทำทุกอย่าง เหตุเพราะเขาเกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะมาเห็นฉากนี้เข้าพอดี ซีแอตที่ซุกซ่อนตัวเองอยู่ในความมืดใต้ก้นแท็งก์อยู่นานสองนานก็ยอมพุ่งตัวกลับขึ้นมาหาเขาอีกครั้ง
ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันยอมขึ้นมาเพราะใจอ่อนให้เยลแล้ว หรือเป็นเพราะมันอยากกินปูที่อยู่ในมือเยลกันแน่
“ยอมขึ้นมาได้สักทีนะ เกือบจะเอาไปให้กระเบนตัวอื่นกินอยู่แล้วเชียว” เยลพูดกับซีแอตเบา ๆ ระหว่างที่มือของเขากำลังหักตัวปูเป็นสองท่อนแล้วป้อนใส่ปากมัน เพื่อให้ซีแอตสามารถเคี้ยวได้อย่างสะดวก
แม้ในความเป็นจริงฟันของกระเบนยักษ์อย่างซีแอตมันจะมีอานุภาพร้ายแรง เสมือนเครื่องบดอาหารเคลื่อนที่ก็ตาม
“ตอนนั้นฉันขอโทษนะ พอดีฉันตกใจน่ะ” ขณะที่เขากำลังจ้องมองซีแอตที่กำลังกินปูด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยอยู่นั้น เยลก็อาศัยจังหวะนี้ในการพูดง้อมัน
“...”
“ทีหลังนายอย่าทำแบบนั้นสิ ถ้านายไม่อยากให้ฉันตกใจจนเผลอเตะ... นายก็ต้องห้ามว่ายเข้ามาหาฉันแบบนั้นอีกนะ แล้วอีกอย่างน้องก็ตัวเล็กนิดเดียวเอง นายเป็นพี่ใหญ่ของที่นี่แท้ ๆ นายก็ต้องรู้จักแบ่งปันน้องด้วยสิ ถ้ากินก็ต้องกินด้วยกันนะ” เยลพูดกับซีแอตยาวเหยียด ราวกับว่ามันฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง
จุ๊บ! จุ๊บ!
โดยหลังจากที่เขาพูดง้อมันเสร็จ และตัวของมันเองก็จัดการปูในปากเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เยลก็ไม่ลืมที่จะโน้มหน้าลงไปหามัน แล้วจัดการจูบที่หัวของมันเบา ๆ เป็นจำนวนสองที เพื่อปิดท้ายการง้อของเขา
ซึ่งทุกอย่างมันก็ควรจะจบลงแค่เท่านั้นเหมือนอย่างทุกครั้งที่เยลต้องง้อมัน ทว่าเมื่อเขาจรดริมฝีปากลงบนหัวของมันเสร็จ แทนที่ซีแอตจะยอมว่ายกลับลงไปในน้ำเหมือนอย่างเคย มันกลับพยายามจะพุ่งตัวขึ้นจากผืนน้ำ เพื่อขึ้นมานอนแอ้งแม้งอยู่บนแท่นยืนเสียอย่างนั้น
“นี่นายจะขึ้นมาทำไมเนี่ย มันใช่ที่ของนายเหรอ” เยลที่เห็นอย่างนั้นถึงกับต้องถามมันเสียงตกใจ
“จะทำอะไร นายจะให้ฉันจุ๊บปากนายหรือไง”
ผลั้วะ!
สิ้นเสียงของเยล เสียงฝ่ามือของเขาก็ดังขึ้นทันที เมื่อเยลได้ตัดสินใจใช้มือตบที่หัวของมันเบา ๆ เพื่อบอกให้ซีแอตหยุดคิดทำอะไรบ้า ๆ ได้แล้ว
และพอมันถูกเยลทำโทษแบบนั้น มันก็จ้องมองเขาด้วยสายตาน้อยอกน้อยใจอยู่พักหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นซีแอตก็ยังยอมล่าถอยกลับลงน้ำอยู่ดี
“ให้ตายเถอะ นี่นายชักจะเฉลียวฉลาดเกินกว่าปลากระเบนทั่ว ๆ ไปแล้วนะ” เมื่อซีแอตยอมว่ายกลับไปนอนพักที่ก้นแท็งก์เหมือนอย่างเคยแล้ว เยลที่กำลังยืนอยู่บนแท่นเพียงลำพังก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ หลังจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ชินกับความฉลาดของมันเลย