Ep: 1 ความทรงจำ
“เอาตัวคุณหนูกลับบ้าน!”
“หยุดถ้าพ่อยังวุ่นวายกับชีวิตข้าว ข้าวจะตายตามแม่ไป!!”
ฉันที่พึ่งกลับจากโรงเรียน ต้องมาหงุดหงิดเมื่อเห็นพ่อยืนรออยู่หน้าคอนโด ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเข้ามาจับตัวเพื่อจะพากลับบ้าน หึ บ้าน บ้านที่มันไม่ใช่บ้านมาตั้งแต่วันที่พ่อมีคนอื่น
ตั้งแต่แม่พาฉันออกจากบ้านเพราะพ่อพาเมียอีกคนเข้าไปทำร้ายจิตใจแม่ เธอเป็นผู้หญิงใจร้ายชอบดุด่าตีฉันประจำ แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อเธอจะทำดี ทำเป็นรักและเอ็นดู ซึ่งฉันเกลียดที่สุดคือคนหน้าไหวหลังออกแบบนี้!
แม่พาเป็นฝ่ายเดินออกมาเองและขอหย่าขาดกับพ่อ เพราะพ่อหลงเมียใหม่ไม่ลืมหูลืมตา หาว่าแม่กลั่นแกล้งตัวเองสารพัดแต่ความเป็นจริงผู้หญิงคนนั้นตั้งหากที่ทำร้ายฉันกับแม่มาตลอด!
ตอนนั้นที่แม่พาออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินติดตัวสักบาท ตอนนั้นฉันอายุแค่ 10 ขวบ เราอาศัยอยู่ในห้องเช่าห้องเล็ก ๆ ยิ่งได้เห็นแม่แอบร้องไห้ทุกคืน คิดดูว่ามันจะเจ็บมากแต่ไหนแต่ก็ทำได้เพียงแค่กอดแม่ไว้และพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้เพราะถ้าฉันร้องไห้อีกคนแม่ก็ยิ่งจะเสียใจเพิ่มมากขึ้น
ดีที่แม่มีเพื่อนที่รู้จักและเขาแนะนำให้ไปทำงานที่โรงพยาบาลที่เคยทำมาก่อน เราสองคนแม่ลูกเลยไม่อดตายมาได้ ในวันที่ลำบากที่สุดแทบไม่มีอะไรจะกินแล้วพ่อล่ะพ่อหายไปไหนเขาอยู่ดีมีสุขยิ้มหัวเราะแต่เราสองแม่ลูกได้แต่กอดกันร้องไห้
แต่ในความโชคร้ายก็ยังเป็นความโชคดี ที่อาหมอให้ความช่วยเหลือเราสองแม่ลูกทุกอย่าง อาหมอดูแลฉันกับแม่เป็นอย่างดี ท่านรักและดูแลเราเหมือนเป็นญาติทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน
แต่นั้นมันก็เป็นความสุขแค่เสี้ยววินาที เมื่อแม่ทำงานได้ไม่นานแม่ก็ล้มป่วย อาหมอพยายามรักษาแม่จนอาการแม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
แต่แล้วอาการก็ทรุดลง เพราะเห็นข่าวพ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ตั้งแต่วันนั้นแม่ก็เอาแต่ร้องไห้ สุดท้ายแม่ตรอมใจไม่กินไม่นอนและแม่จากฉันไปไม่มีวันกลับ สุดท้ายฉันก็ไม่เหลือใคร
ถึงมันจะผ่านมากแล้วหลายสิบปี แต่ทุกความทรงจำทุกความรู้สึก มันกลับยังจำวันนั้นวันที่แม่จากไปได้ไม่เคยลืม เด็กอายุแค่ 11ขวบ ไม่เหลือใคร ไม่มีพ่อไม่มีแม่มันเจ็บ เจ็บมากจริง ๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้จนถึงทุกวันนี้
แต่ถือว่ายังดีที่อาหมอกับอานิภารับอุปการะเลี้ยงดู เพราะฉันไม่มีใครแม่ไม่มีญาติที่ไหน ส่วนพ่อตอนนั้นหลงเมียใหม่ไม่สนใจว่าฉันกับแม่จะเป็นตายร้ายดียังไง เขาไม่เคยตามหาถามไถ่
มีแต่อาหมอกับอานิภาที่รักและเอ็นดูมองความรักความอบอุ่นให้มาตลอด ท่านมีลูกชายคนเดียว คือ พี่ครินต์ ที่ตอนนี้พึ่งเรียนจบหมออีกไม่กี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว
แต่อาหมอต้องไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ภูเก็ต อานิภาเลยต้องตามไปดูแล ตอนแรกอานิภาจะไม่ไปเพราะเป็นห่วงฉัน แต่ฉันดูแลตัวเองได้ และอีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบและสองเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เลยไม่อยากย้ายกลางทัน
อาหมอกับอานิภาเลยตกลงกันให้ฉันเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เพราะท่านสองคนเชื่อใจและมั่นใจในตัวเด็กน้อยคนนี้ที่ท่านเลี้ยงมากับมือ เพราะฉันไม่เคยเกเรถึงจะซนบ้างแต่ก็ไม่เคยทำให้ท่านทั้งสองต้องเป็นห่วง
ตอนนี้ก็อายุ 17 จะ18 จะว่าเป็นเด็กเรียนก็ไม่ใช่เพราะฉันก็ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่แค่ไม่คิดจะมีแฟน ไม่อยากรักใครแล้วต้องมานั่งเสียใจเหมือนแม่การอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้แย่สักหน่อย สบายดีออกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจใคร กินข้าวดูหนักฟังเพลงแค่มีเพื่อนมันก็เพียงพอแล้ว
ฉันเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองแต่ไม่ใช่ไม่มีเพื่อนผู้ชายนะ แต่เวลามีคนมาจีบก็จะปฏิเสธพวกเขาไปทันที มันยังไม่พร้อมจริงๆ
“ใบข้าวลูก พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว” พ่อเดินเข้ามาใกล้
“อย่าเข้ามา “ฉันถอยหนี 2 ปีที่พ่อพยายามจะเอาตัวฉันกลับบ้าน
“มันไม่มีประโยชน์หรอก พ่อเลิกยุ่งกับข้าวเถอะตอนนี้ข้าวมีความสุขดีทุกอย่าง มีครอบครัวที่อบอุ่นที่รักและห่วงใยข้าว” ฉันพูดเสียงสั่น ไม่รู้สิก็ไม่ได้อยากร้องไห้นะ แต่6 ปีเต็มๆ ที่รอและภาวนาให้พ่อมารับตัวกลับไปอยู่ที่บ้าน
แต่ก็ได้แต่ฝันจนถอดใจและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตพ่ออีกเพราะพ่อเองก็คงไม่ต้องการฉันเหมือนกัน
แต่อยู่ๆ พ่อก็มาตามและจะให้กลับไปอยู่ที่บ้าน บ้านที่มีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดและมีเมียใหม่พ่อ มีผู้หญิงใจยักษ์คนนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แค่ชอบหน้าแต่เธอเกลียดฉันเลยแหละ และฉันเองก็เกลียดเธอมากเหมือนกัน เพราะเธอคือคนที่ทำให้ฉันต้องเสียแม่ไป!
ทันทีที่เธอรู้ว่าพ่อจะเอาตัวฉันกลับไปอยู่ด้วย เธอก็ตามมาดุด่าและให้คนมาขู่จะทำร้ายอยู่หลายครั้งดีที่อาหมอแจ้งความไว้เธอเลยไม่กล้าทำอะไร ได้แค่ขู่ให้กลัว จากชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขก็กลายเป็นอยู่อย่างหวาดระแวง
“ข้าวขอนะคะพ่อ ถ้าพ่อยังเห็นข้าวเป็นลูกข้าวขอใช้ชีวิตแบบนี้ ข้าวไม่ต้องการเงินทองสมบัติอะไรของพอทั้งนั้น”
“ถึงครอบครัวอาหมอจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย แต่ท่านทั้งสองก็ไม่เคยให้ข้าวอด อาหมอดูแลข้าวเป็นอย่างดี”
“ข้าวคงทิ้งพวกท่านไปไม่ได้” ตอนนี้น้ำตามันไหลออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ฉันที่เป็นแค่เด็กที่ถูกอาหมอรับเลี้ยงเพราะความสงสารแต่กลับอยู่ดีกินดีกว่า พี่ครินต์ ลูกชายแท้ๆ อีก
อาหมอกับอานิภาจะสอนให้พี่ครินต์เสียสละให้น้องก่อนเสมอเพราะฉันคือน้องสาวของพี่ครินต์ อาหมอและอานิภาจะสอนให้เรารักกันดูแลช่วยเหลือกันทุกอย่าง
พ่อทำหน้าเศร้า ฉันรู้ว่าพ่อไม่ค่อยสบาย และอย่าให้ฉันกลับไปดูแลธุรกิจที่พ่อสร้างมากับมือ
“แล้วพ่อล่ะ พ่อมีแค่ลูกคนเดียวนะข้าว”
“ข้าวรักพ่อนะคะ พ่อมาหาข้าวได้ตลอดถ้าพ่อคิดถึงข้าว แต่ข้าวคงกลับไปกับพ่อไม่ได้ "
“ข้าวขอโทษจริงๆ ค่ะ”
“โอเคพ่อเข้าใจ ไว้ข้าวพร้อมที่จะกลับเมื่อไหร่ข้าวบอกพ่อนะ พ่อรอข้าวเสมอ”
“พ่อรักข้าวนะลูก” พ่อเดินเข้าใกล้
“พ่อมันโง่เองที่ปล่อยข้าวกับแม่ไป” พ่อมองหน้าฉันพูดเสียงสั่นเครือ
“เมื่อก่อนข้าวยอมรับว่าข้าวโกรธพ่อมากแต่ตอนนี้ข้าวไม่ได้โกรธพ่อ”
“แต่ข้าวแค่ไม่อยากเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นพ่อเข้าใจข้าวนะ”
“พ่อเข้าใจ พ่อจะรอ รอวันที่ข้าวโตพอที่จะกลับไปดูแลธุรกิจที่มันเป็นของข้าวนะลูก” พ่อเดินเข้ามากอด
“พ่อรักข้าว” พ่อกอดฉันแน่น
“ข้าวรักพ่อนะคะ” ฉันพูดเสียงเบาก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นสวมกอดพ่อ
ฉันกอดพ่อไว้แน่นพร้อมน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่หยุด อ้อมกอดพ่อยังอุ่นเหมือนตอนที่ฉันยังเด็กถึงเวลาจะผ่านไปก็ปีแต่มันก็จำได้ไม่เคยลืม มันเป็นอ้อมกอดที่ฉันโหยหามาตลอดหลายสิบปี
“พ่อดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่าทำงานจนลืมดูแลสุขภาพ” ฉันยิ้มให้พ่อตอนนี้มันรู้สึกดีมาก มันเหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่สามารถทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างเราสองคนพ่อลูกไปได้
“แล้วพ่อจะหาเวลามาหาข้าวบ่อยๆ นะ ดูแลตัวเองมีอะไรขาดเหลือบอกพ่อ พ่อช่วยข้าวได้ทุกเรื่อง พ่ออยากชดเชยทุกอย่างให้ข้าว” พ่อเอามือลูบหัวพร้อมรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น
“ค่ะพ่อ” ฉันหอมแก้มพ่ออยากจะทำแบบนี้ทุกวันแต่ก็ทำได้แค่ฝัน
“กลับดีๆ นะคะ บ๊ายบาย” ฉันโบกมือลาพ่อยืนดูจนรถพ่อวิ่งออกไปก่อนจะขึ้นไปบนห้อง
“แม่คะ แม่ไม่ว่าข้าวใช่มั้ยที่ข้าวให้อภัยพ่อ”
“ข้าวไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงแต่ข้าวอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยากมีความสุข”
“แม่เข้าใจข้าวนะ”
“ข้าวรักแม่คิดถึงแม่ทุกวันเลยรู้มั้ย” ฉันคุยกับรูปที่ถ่ายคู่กับแม่ก่อนแม่จะเสียพร้อมกับกอดรูปแน่นและน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม “ข้าวคิดถึงแม่”
“ข้าวจะเข้มแข็งข้าวจะอยู่เพื่อแม่ค่ะ” ก่อนตายแม่บอกให้ฉันเข้มแข็งเป็นคนดีและต้องอยู่อย่างมีความสุข ทุกวันนี้ฉันทำตามที่แม่บอกทุกอย่างเพราะฉันเชื่อว่าแม่กำลังมองลงมาและจับตาดูลูกสาวคนนี้ที่เติบโตขึ้นทุกวันอยู่ตลอด.....
กรุงโรม อิตาลี
ห้องสูตรสุดหรู
“จะไปแล้วเหรอคะ” ...นางแบบสาวสวยลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่ชายหนุ่มผิวขาวจมูกโด่ง ในตาคมกริบเต็มไปด้วยความเย็นชาและเลือดเย็น ลุกขึ้นก่อนจะถอดถุงยางโยนทิ้งใส่หน้าเธอ
“นี่ของเธอ” ....เสียงเข้มพูดขึ้นอย่างดุดันก่อนจะโยนเงินก้อนใหญ่ลงเตียง
“เมื่อไหร่คุณจะมาหาเกรซอีก” ...หญิงสาวทำหน้าเย้ายวนอ้อนชายหนุ่มอย่างออดอ้อน
“หึ...เธอรู้ดีว่าฉันเป็นยังไม่” เขาสวมกางเกงแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่จะรู้สึกยังไง
“กรี๊ดดดด” ...เธอกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห เพราะเธอเชื่อมั่นว่าจะทำให้เสือร้ายอย่าเขาที่สาวทั้งกรุงโรมอยากได้จะเป็นของเธอเพียงผู้เดียว
...ด้วยบทรักที่เร่าร้อนที่เธอมอบให้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะแตะต้อง จูบลูบเธอแม้เพียงปลายเล็บ
...ผู้หญิงทุกคนสำหรับเขาคือที่ระบายอารมณ์ที่ใช้แค่ครั้งเดียวจ่ายเงินคือจบ เขาไม่สานสัมพันธ์กับผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น
...ด้วยความที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้ายเย็นชาเลือดเย็น ไม่ชอบเสียงดังเพราะฉันนะผู้หญิงทุกคนที่เขามีอะไรด้วยเขาจะมัดปากเพราะไม่อยากได้ยินเสียงที่พวกเธอร้องครวญคราง ผู้หญิงทุกคนต้องรับกับอารมณ์ทางเพศที่ป่าเถื่อน รุนแรงของเขาให้ได้
..เขาผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายเลือดเย็นและน่ากลัวแห่งกรุงโรม ใครก็ตามที่คิดจะเป็นศัตรูกับเขาคือรนหาที่ตาย เพราะเขาฆ่าได้ไม่เลือกฆ่าแบบเลือดเย็นที่สุด..
ประเทศไทย
1 อาทิตย์ต่อมา
“ว่าไงคะอานิภา”
“ข้าวกำลังจะไปสอนพิเศษค่ะ” วันนี้เป็นวันหยุดทุกเสาร์- อาทิตย์ ฉันจะไปสอนหนังสือที่บ้าน น้องณดา เด็กหญิงวัย 5 ขวบแต่เธอพิการเดินไม่ได้ตั้งแต่เกิด
[ใกล้สอบแล้วอาว่าข้าวเลิกทำงานพิเศษได้แล้วนะลูก อา บอกแล้วใช่มั้ยว่าค่าใช้จ่ายข้าวทั้งหมดอาสองคนเตรียมไว้ให้ข้าวแล้ว]
“ข้าวรู้ค่ะ แต่ข้าวแค่อยากช่วยอาบ้าง นะคะรับรองข้าวไม่ทำให้เสียการเรียนแน่นอน” ฉันอธิบายให้อานิภาฟังและรู้ว่าอานิภาเป็นห่างมากแค่ไหน
[ดื้อจริงนะเรา เอาเป็นว่ายังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก อีก 6 เดือนพี่ครินต์จะกลับมาแล้ว อา จะฟ้องพี่เขาว่าเรานะดื้อ ]
“จริงเหรอ ข้าวดีใจที่สุดเลยไม่ได้เจอพี่ครินต์ตั้งสองปี” ฉันยิ้มดีใจแทบจะกรี๊ดอยู่ตรงนี้เลยก็ว่าได้
[งั้นแค่นี้ก่อนนะลูกอาไปซื้อของก่อน]
“ค่ะอานิภา”
หลังจากคุยกับอานิภาเสร็จก็ไปที่บ้านน้องณดา ฉันสอนน้องณดา ทุกวิชา แต่เน้นภาษาอังกฤษเพราะเป็นวิชาที่ถนัดพ่อแม่น้องณดาใจดี เอ็นดูเพราะฉันเป็นคนเดียวที่น้องณดาพูดด้วยเพราะก่อนหน้านี้มีครูเก่งมาสอนแต่น้องณดาก็ไม่พูดด้วยเอาแต่นั่งนิ่ง
แต่กว่าที่จะเอาชนะใจน้องณดาได้ ก็ใช้เวลานานหลายเดือนเหมือนกัน ตาเชื่อเหอะคนเราแค่มีความจริงใจให้คนอื่นเราก็จะได้ความจริงใจนั้นกลับมา
“ข้าวพรุ่งนี้ไปเดินห้างกันมั้ย ตอนเย็นๆ ก็ได้”
“ดีเลยข้าวว่าจะโทรไปชวนฝันอยู่พ่อดี” ทอฝันเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เราสองคนรู้จักกันตั้งแต่ ม.3 ชอบอะไรเหมือนๆ กันแต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว
ทอฝันเป็นคนพูดเก่งต่อปากต่อคำไม่ยอมใครส่วนฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่พูดแค่พูดไม่ทันนางมากกว่า
วันต่อมา
ห้างสรรพสินค้า
“เมื่อไหร่พี่ชายข้าวจะกลับอ่ะ” ทอฝันเดินเอาไหล่มากระแทกเบาๆ ทำท่าทางเขินอายเมื่อพูดถึงพี่ครินต์
“อีก 6 เดือน” ฉันตอบเรียบๆ ทำเป็นไม่สนใจ คือฝันนางปลื้มพี่ครินต์ตั้งแต่พี่ครินต์เรียนหมอปี 1 จนตอนนี้พี่ครินต์อายุ 25
“แล้วพี่ครินต์มีแฟนยังอ่ะ” นางเอานิ้วมาจุ้มๆ แขนยังทำท่าเขินอายไม่หาย บิดอยู่นั่นแหละจะเขินอะไรขนาดนั้น
“ไม่รู้ มีแล้วมั้งไม่ได้ถาม” ฉันแอบมองหน้าฝันที่ได้ยินแบบนั้นแล้วทำหน้าผิดหวังทันที กลั้นขำแทบไม่ไหว
“ล้อเล่น พี่ครินต์เรียนหนักขนาดนั้นจะไปมีแฟนได้ไง แล้วอีกอย่างถ้าพี่ครินต์มีแฟนพี่ครินต์ต้องถามฉันก่อน” ถึงกับต้องหยุดเดินจ้องหน้าทอฝันที่ทำหน้าผิดหวัง อะไรจะขนาดนั้น
“พูดจริงนะ งั้นฉันก็มีโอกาส”
“.....ยัยบ๊อง” ฉันย่นจมูกใส่ทอฝันก่อนจะเดินต่อ ฝันนางปลื้มพี่ครินต์แทบจะคลั่งเห็นบอกอยากเป็นหมอแต่นางกลัวเลือดแค่เห็นก็จะเป็นลมแล้ว เลยหยุดความฝันตัวเองไว้แค่นั้น
“ข้าวรอด้วยฝันพูดจริงฝันจะจีบพี่หมอ” ฝันวิ่งเข้ามาแกะแขนพูดจริงจัง
“ฝันจะสารภาพรักกับพี่หมอและพี่หมอต้องรับรักฝัน ฝันมั่นใจ” นางก็แบบนี้แหละเพ้อฝันเหมือนชื่อปลื้มไปทั่วเห็นใครหล่อก็จะขอเขาเป็นแฟนหมด เฮ้อ เหนื่อยใจกับเพื่อน
“ข้าว!!!นั่นดูนั่นพี่กวินนิ ที่พึ่งจบเมื่อปีที่แล้วใช่มั้ย พี่เค้าทำไมหล่อแบบนี้ หล่อจริงๆ นะ” นั้นไงว่าแล้วไม่มีผิดนางก็แบบนี้ เจอคนหล่อเป็นไม่ได้ แต่พอมีคนมาจีบกลับปฏิเสธบอกไม่อยากมีแฟนนางชอบที่จะมโนเองคนเดียวมากกว่า
“ฝันเปลี่ยนใจล่ะฝันจะจีบพี่กวิน” ดูนางมองตามพี่กวินตาละห้อยเชียว เฮ้อ ฉันได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวให้กับความเพ้อเจ้อของเพื่อน
“ฝันต้องฝากขอโทษพี่ชายข้าวด้วยนะคือฝันรักพี่กวินมากกว่า” นางหันมาทำหน้าเศร้าสำนึกผิด เรื่องมโนไว้ใจได้เลยเก่งที่สุด
“สบายใจแล้วใช่มั้ยถ้าพอแล้วไปหาอะไรกินข้าวหิว!!” ฉันจ้องดุ ก็มัวแต่พูดไม่ถึงไหนสักที
“แฮ่!!!!! ข้าวก็รู้ทันฝันตลอดแหละไปกันเถอะเพื่อนรักฝันรักข้าวที่สุด”
“ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนเลย ทีเมื่อกี้มองผู้ชายตาละห้อยเลย” ฉันแกล้งทำเป็นงอนที่ฝันเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน
“ข้าว!!!เอางี้วันนี้ฝันเลี้ยง แล้วพอเราสอบเข้ามหาลัยได้เราไปเที่ยวทะเลกัน” ฝันเดินมาดักหน้าพูดจริงจัง
“.......ก็ได้ของฟรีข้าวชอบ!!” ฉันทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มให้ฝันและตอบตกลงเราสองคนก็แบบนี้แกล้งงอนกันแค่ที่จริงไม่มีอะไร
ตั้งแต่รู้จักกันมา 3ปีกว่าๆ เราไม่เคยทะเลาะกันถึงฝันจะเอาแต่ใจเพราะนางเป็นลูกสาวคนเล็กฝันมีพี่ชาย 2 คนแต่งงานมีครอบครัวหมด ฝันเป็นลูกหลงที่ห่างกับพี่ๆ เป็น10ปีทุกคนเลยตามใจมากเป็นพิเศษและที่สำคัญบ้างนางรวยแต่ฝันไม่เคยอวดว่าตัวเองรวยแถมทำตัวติดดินสุดๆ
เพราะแบบนี้ฉันกับฝันถึงเป็นเพื่อนสนิทและรักกันมาก พ่อแม่ของฝันก็ใจดีไม่รังเกียจที่ฉันจนสักนิดเวลาไปบ้านฝันแม่ฝันก็ดีใจพูดยิ้มทำเหมือนฉันเป็นลูกอีกคน
หลังจากทานข้าวเสร็จเราสองคนก็เดินดูเสื้อผ้าต่อ แต่พูดก็พูดมันยิ้มได้ทุกครั้งเมื่ออยู่กับทอฝัน
“หึ...ใบข้าวก็ถือว่าใช้ได้ถึงจะเด็กไปหน่อยแต่รูปร่างเธอมันไม่ได้เด็กแบบนี้สิมันถึงจะสนุก”
…..ใบข้าวที่มัวแต่เลือกเสื้อผ้าไม่สังเกตว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจดจ้องเธอ สายตาคมกริบมองเธอเหมือนเธอเป็นเหยื่อที่เขาพร้อมจะขย้ำได้ทุกเมื่อ เมื่อเขาต้องการ
“อีกไม่นานเจอกันนะสาวน้อย”
….ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายแต่ตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสวมแว่นตาและเดินออกไปขึ้นรถที่มีลูกน้องยืนรอนับสิบ
“นี่ครับนาย” ...ทันทีที่ถึงรถลูกน้องก็ยื่นบางอย่างให้กับเขา
“ออกรถ!!” เขาสั่งเสียงแข็ง
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะเด็กน้อย” เขาพลิกแผ่นการ์ดในมือไปมาก่อนรอยยิ้มร้ายๆ แฝง
ไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“รับรองเธอได้จำฉันไปจนตายแน่ หึ...” เขาเค้นเสียงหัวเพราะในลำคอก่อนสายตาเย็นชาจะเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นเพราะทุกครั้งที่เขาจะล่าเหยื่อเขาไม่เคยสงสารและปรานีเหยื่อสักราย
แต่ครั้งนี้มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ชอบแต่เพื่อสิ่งที่เขาต้องการไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้...
“เธอต้องเป็นของฉัน ใบข้าว” ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มร้ายที่สุดแสนจะน่ากลัว