บทนำ
เอี๊ยดดดด
โคร้มมมม!
เสียงเบรกรถดังเป็นทางยาวไปตามถนน ก่อนที่จะหยุดลงหลังจากได้ยินเสียงชนกับบางสิ่งโครมใหญ่
ถนนสายนี้เป็นทางเปลี่ยว ไร้ซึ่งผู้คนอยู่อาศัย อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลาตอนกลางคืน ไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟรายทางทำให้พวกเขามองเห็นภาพตรงหน้าได้จากแสงไฟหน้ารถเท่านั้น
" อะ...เอายังไงดีครับท่าน คนในรถไม่รู้จะตายรึเปล่า " คนขับรถ พ่วงตำแหน่งผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาหาพร้อมกับเคาะกระจกรถคันหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว ชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานลดกระจกลงมา
เพราะวันนี้เขาต้องไปรับรถคันใหม่ให้ลูกชาย ประจวบกับมีงานเลี้ยงพอดี ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันขับรถมาคนละคัน และในระหว่างทางกลับบ้านที่อยู่นอกเขตเมือง สภาพถนนค่อนข้างมืดและเปลี่ยว เมื่อมีรถอีกคันหนึ่งขับสวนเข้ามาจึงมองไม่เห็นและทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
" นายไปดูซิว่าคนในรถเป็นยังไงบ้าง " ชายที่อยู่ในชุดสูทเอ่ยขึ้น ดวงตาคมมีความหวาดกลัวอยู่ในนั้นเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้นมาดั่งเดิม
" ครับ " ผู้ช่วยคนสนิทคำสั่งรีบวิ่งเข้าไปดูรถคู่กรณีที่จอดนิ่งอยู่ทางด้านหน้า สภาพของรถเสียหายมากช่วงหน้าพังยับจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ มองจากทางหน้ารถเห็นคนขับที่อยู่ทางด้านในฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย
ก๊อกๆๆ
เขาเดินเข้าไปเคาะที่กระจกเพื่อหวังว่าคนคนนั้นจะยังปลอดภัยอยู่ ชายผู้นั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเลือดที่อาบอยู่เต็มหน้า
" เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ " พอช่วยอีกฝ่ายเปิดประตูรถออกมาได้คนขับรถก็ร้องถามทันที
" พะ...พวกคุณขับรถชนผม " ชายที่อยู่ในรถเอ่ยกล่าวโทษออกมาด้วยสภาพที่อ่อนแรงเต็มที
" เราไม่ได้ตั้งใจครับ มันเป็นอุบัติเหตุ "
" อะ อุบัติเหตุหรือเปล่า ผะ ผมไม่สนแต่พวกคุณต้องรับผิดชอบ "
" ได้ครับทางเราจะรับผิดชอบเอง แต่ตอนนี้ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนนะ " คนขับรถกุลีกุจอทำท่าท่าจะพยุงเขาออกมาแต่ชายคนนั้นก็ขัดขืน
" มะ ไม่! ผมอยากพบเจ้านายของคุณ เจ้านายของคุณเป็นคนมีเงินใช่ไหม ให้ผมเจอเขาหน่อย " คนขับรถทำท่าอึ้งไป ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปหาเจ้านายที่นั่งรออยู่ในรถ
" ท่านครับ...ผู้ชายคนนั้นต้องการพบท่าน "
" มีอะไร "
" ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เขาไม่ยอมไปโรงพยาบาลท่าเดียว "
" ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเดินไปดูเอง " ชายท่าทางภูมิฐานเดินลงจากรถด้วยความระมัดระวัง สายตาพยายามสอดส่องดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า แล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะที่ตรงนี้ค่อนข้างจะเปลี่ยวไร้ผู้คน ไม่มีแม้กระทั่งบ้านคนอยู่อาศัยในละแวกใกล้ๆนี้
" คุณๆ เจ้านายผมมาแล้ว " คนขับรถรีบเดินไปสะกิดเรียกชายที่บาดเจ็บซึ่งกำลังเอนตัวหลับตาลงกับพนักพิงในรถ
" คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล "
" มะ ไม่ต้อง...คุณมีเงินหรือเปล่า " ชายคนนั้นคงจะพยายามเรียกร้องค่าชดเชยอยู่สินะ
" มี...คุณจะเอาเท่าไหร่เรียกมาได้เลยผมยินดีจ่ายให้ " พอได้ยินแบบนั้นชายที่บาดเจ็บอยู่ก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ มือที่เต็มไปด้วยเลือดสั่นระริก ก่อนจะยื่นมาออกมาคว้าแขนเสื้อผู้ชายอีกคนไว้อย่างมีความหวัง
" ไม่...ผมไม่ได้ต้องการเงิน แต่ผมอยากให้คุณสัญญาอะไรกับผมบางอย่าง "
" อะไร "
" ลูกสาวผม โมเน่ คุณช่วยรับอุปการะแกหน่อยได้ไหม ถ้าผมตายลูกสาวผมจะไม่เหลือใครแล้ว "
" ฮะ! อะไรนะ " เมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของชายคู่กรณีเขาถึงกับอ้าปากค้างทันที
" ผะ ผมไม่ได้ขอร้องคุณ ตะ แต่นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องชดเชยให้ผมเพราะผมกำลังจะ ตะ ตาย คุณต้องอุปการะลูกสาวของผม " ดวงตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามค่อยๆอ่อนแรงลง พร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆถูกทิ้งลงข้างตัว ผู้ชายคนนั้นนอนหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังมีสติเพราะมีเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จอยู่
" คะ คุณ รับปากผมได้ไหม " ชายผู้นั้นเอ่ยปากพูดด้วยเสียงอันเบา ดวงตาก็หรี่ลงทุกที คู่กรณีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบรับปากในสิ่งที่เขาต้องการ
" ได้...ผมรับปาก ผมจะดูแลลูกสาวคุณให้เอง "
" ขะ ขอบคุณ ขอบคุณ...มาก "
ฟิ้ววว
เสียงลมพัดปลิวทำลายความเงียบขึ้นมา ชายร่างภูมิฐานและคนขับรถมองที่ภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดและจุกแน่นที่อก ผู้ชายคนนี้ขนาดกำลังจะตายยังไม่พูดถึงตัวเองสักคำ กลับเป็นห่วงลูกสาวมากขนาดนี้ เขาคงจะรักลูกสาวของเขามาก
" ทำยังไงต่อดีครับท่าน "
" ให้คนไปสืบหาลูกสาวของผู้ชายคนนี้ซะ แล้วรับเลี้ยงเป็นเด็กในอุปการะของฉัน ถ้ายังเรียนอยู่ก็จ่ายค่าเทอมส่งเสียเลี้ยงดูให้ดี ส่วนผู้ชายคนนี้ก็ทำศพให้เรียบร้อยแล้วกัน "
" ครับ "
" อ้อ! อย่าลืมเอารถของตาตุลย์ไปทำความสะอาดแล้วก็ซ่อมให้เรียบร้อยก่อนที่จะเอาไปให้ลูกชายฉัน อย่าให้เขารู้เรื่องนี้ล่ะ "
" รับทราบครับ "
" เด็กผู้หญิงคนนี้น่ะหรอ " ดวงตาคมมองไปที่ร่างของเด็กผู้หญิงซึ่งเธอกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเล็ก ดวงตาที่เหม่อลอยมองตรงไปข้างหน้ามีแววของความเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้น
" ใช่ค่ะท่าน เด็กผู้หญิงคนนี้เพิ่งถูกส่งตัวมาให้สถานรับเลี้ยงเด็กของเราไม่กี่วันก่อนเพราะว่าพ่อของเธอเพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลง " คำพูดนี้ทำให้ชายร่างภูมิฐานชะงักกึกไปทันทีก่อนที่จะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติที่สุด
" ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ "
" โมเน่ค่ะ อายุ 15 ปี "
" อืม ฉันจะเป็นคนรับเลี้ยงเด็กคนนี้ต่อเอง "
" ทราบแล้วค่ะท่าน ดิฉันจะไปแจ้งให้น้องโมเน่ทราบนะคะแล้วให้เก็บของไปกับท่านวันนี้เลย "
" ของไม่ต้องเก็บไปแต่ตัวก็พอ ไปเรียกมาเลยเถอะ " ชายวัยกลางคนมองดูเด็กหญิงด้วยความรู้สึกผิด ที่เธอต้องมากำพร้าเป็นเพราะเหตุการณ์คืนนั้นเพียงแค่คืนเดียว
เพียงไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา เธอมีดวงตาที่เศร้าสร้อยและหม่นหมองจนชายหนุ่มรู้สึกผิด
" โมเน่ นี่ท่านธันวาจะมาเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูหนูต่อจากนี้ สวัสดีท่านสิคะ " คนของสถานรับเลี้ยงเด็กสะกิดเตือนเธอ
" สวัสดีค่ะ " เด็กน้อยเป็นคนที่มีกิริยามารยาทที่เรียบร้อยเธอกระพุ้มมือว่าอย่างสวยงามเหมือนถูกอบรมสั่งสอนไว้เป็นอย่างดี
ชายภูมิฐานคลี่ยิ้มเพราะพอใจกับเด็กคนนี้ น่าจะเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายมากทีเดียว
" สวัสดี ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนดูแลหนูเองนะ เรียกฉันว่าธันวาก็พอ "