ตอนที่ 1 ขายตัว
ตอนที่ 1 ขายตัว
แสงแดดของเช้าวันเสาร์ค่อยๆ สาดส่องเข้ามาในห้องนอนเผยให้เห็นร่างบางของเด็กสาวชาวมนุษย์อายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี ใบหน้าน่ารักและงดงามเช่นเดียวกับผิวพรรณที่ต่อให้ไร้เครื่องสำอางก็ยังดูงดงามค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงตามความคุ้นชิน
“อืม~”
กำปั้นเล็กๆ ค่อยๆ ขยี้เปลือกตาเพื่อปลุกตนเองให้ตื่นจากความง่วงก่อนที่ร่างนั้นจะหายเข้าไปในห้องน้ำนานนับห้านาทีและเดินออกมาเตรียมอาหารเช้าสำหรับวันนี้ ซึ่งมันก็คืออาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากซูเปอร์เมื่อวานระหว่างรอตัวของเด็กสาวก็เดินไปเปลี่ยนชุดก่อนจะมาจัดการกับอาหารเช้าของตนเพื่อให้มีแรงสำหรับงานในวันนี้
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ หนูหอม”
“คุณอาราเชล สวัสดีค่ะ”
ข้าวหอม คือชื่อของเด็กสาวเธอหันไปยิ้มและทักทายคุณน้าสาวเผ่าหมาป่าที่มักจะออกมาวิ่งยามเช้าเสมอ ส่วนเธอบางครั้งก็จะตื่นมาวิ่งกับอีกคนด้วย
“ไปทำงานเหรอจ้ะ ขยันจังเลยนะ”
“ถ้าไม่ขยันหนูก็ไม่ได้เรียนและมีงานดีๆ ทำสิคะ”
“ความคิดดีเหมือนเดิมเลยนะ อะจริงสิรออาแป๊บนึงได้ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ”
เธอตอบหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่อีกคนจะวิ่งหายเข้าไปในบ้านหลังเล็กพอดีสำหรับครอบครัวไม่เกินสามคนก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับถุงส้มจำนวนสองสามผลที่ทั้งขนาดและรสชาติของมัน ไม่ว่าเธอจะได้ลองทานกี่รอบเธอก็ตอบได้อย่างเต็มปากว่ามันอร่อยกว่าสมัยที่เธอเคยกินตอนเด็กๆ มาก
“อะ...อาให้พอดีญาติอาเขาส่งมาให้อาเยอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณอาราเชล หนูเกรงใจ”
“รับไปเถอะจ้ะถือว่าตอบแทนที่สองวันก่อนเราช่วยดูแลลูกอาไง”
“แต่เรื่องนั้นหนูยินดีทำนะคะ อีกอย่างคุณอาก็จ่ายเงินให้ด้วย”
“น่านะ หอม รับไปเถอะจ้ะ”
“ก็ได้...ค่ะ”
สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ให้กับรอยยิ้มแสนอบอุ่นของคุณอาผู้ใจดีตรงหน้าก่อนที่เธอจะเดินไปเตรียมเข้างาน ส่วนสถานที่ทำงานของเธอนั้นเป็นร้านอาหารตะวันตกขนาดเล็กตรงข้ามโรงเรียนของเธอที่มีเจ้าของเป็นคุณยายร่างท้วมเผ่าแมวผู้ใจดี แถมยังมีความสามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท แต่ที่ถนัดสุดก็เป็นอาหารแนวตะวันตก
“อูยย...เจ็บๆ”
“ยาย! หนูบอกแล้วไงคะว่าเดียวหนูมาเปิดเอง ว่าแต่เจ็บตรงไหนไหมคะ”
ข้าวหอมรีบวิ่งไปดูอาการของคุณยายแก่ด้วยความเป็นห่วง
“ข้าวหอม...อูย...เจ็บๆ ...หนูมาเร็วเหมือนเดิมนะเนี่ย”
“ไปนั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูเอายาให้”
“ขอโทษที่รบกวนนะจ๊ะ”
“เรื่องแค่นี้เองค่ะ มาค่ะคุณยายส่งมือมา”
ข้าวหอมเดินพาคุณยายเข้าไปนั่งในร้าน ดีที่ประตูเหล็กมันเปิดเกินครึ่ง เธอเลยสามารถเอากุญแจร้านที่ซ่อนอยู่ใต้กระถางดอกไม้มาไขเปิดประตูด้านในเพื่อพาหญิงชราเข้าไปนั่งพัก โดยไม่ลืมหยิบยาแก้ปวดให้กับอีกคน ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดร้านอย่างเต็มรูปแบบ และระหว่างที่เธอกำลังเอาผ้ากันเปื้อนสวมทับชุดยูนิฟอร์มของร้าน สายตาของเธอก็จ้องมองออกไปยังประตูบานใหญ่ที่เป็นทางเข้าพลางคิดถึงอดีต
“คิดถึงอดีตเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ แต่ยายคะ...”
“จร้าๆ ไปนั่งพักดีๆ สักสองถึงสามนาทีก่อนใช่ไหม งั้นเดี๋ยวยายจะรีบไปนั่งพักระหว่างนั้น หอม ช่วยเตรียมเครื่องครัวให้ยายทีนะ”
“ค่ะ ไว้ใจได้เลย”
ข้าวหอมตอบหญิงชราด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองยังหน้าบานประตูอีกครั้ง ใช่มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะขึ้นมัธยมต้นสวมชุดนักเรียนตัวสุดท้ายที่ครอบครัวซื้อให้มายืนมองหน้าร้านนี้ด้วยสภาพหิวโซท่ามกลางฝนตก
เธอจำได้ดีว่าวันนั้นมือเล็กๆ ของเด็กสาวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงซึ่งภายในนั้นเต็มไปด้วยเงินตราสมัยก่อนของประเทศนี้ ที่ตอนนี้มันมีค่าแค่เศษกระดาษหากแต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี ที่หนึ่งในลูกค้าที่เดินออกมาจากร้านนี้ (กลุ่มสุดท้าย) ทำเศษเงินตก ด้วยความหิวเด็กน้อยเลยไม่สนอะไรเธอรีบวิ่งไปเก็บเหรียญนั่นและเดินเข้ามาหาเจ้าของร้าน ซึ่งก็คือหญิงชราเผ่าแมว
‘ข...ขอซื้อ...ข้าวหน่อย..ค่ะ’
เด็กน้อยในตอนนั้นพยายามเรียบเรียงภาษาของประเทศนี้อย่างสุภาพที่สุดและน่าจะถูกต้องที่สุด พูดกับเจ้าของร้านพร้อมกับชูเหรียญที่เพิ่งจะเก็บได้เมื่อครู่ให้กับหญิงชรา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเศษเงินนั่นไม่สามารถซื้อข้าวได้แม้แต่เพียงกำมือเดียวก็ตาม
แต่สิ่งที่หญิงชราเอามาให้กลับเป็นสตูร้อนๆ กับข้าวหนึ่งถ้วย ก่อนที่หลังจากนนั้นหญิงชราจะชวนเด็กสาวพูดคุยพลางสอนภาษาเธอทางอ้อม ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาอีกคนจะถามเธอว่า
‘อยากทำงานไหมจ๊ะ’
แน่นอนว่าเด็กน้อยคนนั้นตอบรับคำของอีกคน ทั้งห้องเช่าและเงินที่เธอมีอยู่ทุกวันนี้ล้วนแต่มาจากเงินที่เธอทำงานให้อีกคน และตลอดระยะเวลา 3 ปีเธอก็ผูกพันกับร้านเล็กๆ นี้เสมือนเป็นบ้านของเธออีกหลังนึง
“ยายคะอีก 2 นาทีก็สามารถเปิดร้าน....ยาย!”
ข้าวหอมที่เพิ่งจะเตรียมวัตถุดิบเสร็จเดินมาหาหญิงชราที่ห้องพักส่วนตัว แต่ก็พบว่าตอนนี้ยายแกก็กำลังกึ่งนั่งกึ่งคลาน มือซ้ายของอีกคนก็กำลังกำขอบโต๊ะเอาไว้อย่างแน่น เร็วกว่าความคิดร่างของหญิงสาวรีบวิ่งไปช่วยพยุงร่างกายของอีกคนมานั่งบนโซฟาขนาดใหญ่ตรงข้ามบานกระจกที่สามารถมองเห็นทั้งส่วนครัวและร้าน
“ยาย ไหวไหมคะ อย่าบอกนะว่าอาการกำเริบอีกแล้ว”
“อืม น่าจะเป็นแบบนั้นแหละจ้ะ”
หญิงชราพยายามตอบข้าวหอมด้วยรอยยิ้ม เธอนั้นเป็นแบบนี้มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เนื่องจากที่สมัยก่อนตัวเธอถูกพวกมนุษย์ทำร้ายเอาไว้มากจนระบบร่างกายเสียหายจนยาที่อีกคนต้องกินทุกวันนี้ทำได้เพียงระงับอาการเท่านั้น
ยารุ่นใหม่หรือแม้แต่การผ่าตัดก็มีราคาแพง แม้ว่าหญิงชราตรงหน้าจะพอมีเงิน บวกกับที่ข้าวหอม อ้อนวอนปนขอร้องให้อีกคนไปรักษาอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่อีกคนก็เลือกจะไม่ไป
“หนูว่ายายควรไปหาหมอนะคะ”
“ไปแล้วใครจะดูร้านล่ะจ๊ะ”
“ก็ปิดสักวันสองวันก็ได้นี่คะ”
“ไม่เอาหรอกจ้ะ ยายน่ะมีความสุขนะที่ได้มองได้ทำอาหารทุกวัน ถ้าต้องหยุดไปนอนอยู่บนเตียงแบบนั้นยายไม่เอาหรอก”
“ยายดื้อ”
สุดท้าย ข้าวหอมก็อดไม่ได้ที่จะว่าอีกคน แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเธอเลยแม้แต่น้อย กลับกันอีกคนนั้นทั้งรักและเอ็นดูข้าวหอม ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนหลานสาวที่จากไปของเธอมาก แน่นอนว่าเรื่องนี้ ข้าวหอมรู้ดี
เพราะเธอเคยมีโอกาสได้เล่นกับหลานสาวของหญิงชรา แต่เมื่อ 3 ปีก่อนหรือตอนที่เธอเริ่มงานได้เพียง 3 เดือนอีกคนก็จากพวกเราไป เพราะร่างกายทนพิษและความบอบช้ำที่เคยได้รับจากพวกมนุษย์แบบเธอไม่ไหว
“จ้าๆ ...ว่าแต่...”
“เดี๋ยววันนี้หนูเข้าครัวเองค่ะ ยายไม่ต้องห่วงนะคะ”
พูดจบข้าวหอมก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อเปิดครัว ต้องขอบคุณความเอ็นดูของหญิงชราที่ตลอดสามปีที่ผ่านมานั้นอีกคนสอนเธอหลายอย่าง แม้บทเรียนจะโหดแต่มันก็ทำให้เธอพอจะทำอาหารง่ายๆ เป็น
“อ้าว...หนูหอม วันนี้หนูเป็นคนคุมร้านเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ คุณลุง”
“ตร๊าย~ลุงเลิงอะไร เจ้บอกหลายรอบแล้วว่าให้เรียกคุณพี่หรือเจ้~”
“ขอโทษค่ะ..แหะๆ”
“พี่หอม ป๋ม ขอมัฟฟิ้นกับรั้นเอเหมือนเดิม ฮับ”
“ได้เลยน้องหงส์”
ข้าวหอมขานรับออร์เดอร์ของเด็กชายผู้เป็นลูกแท้ๆ ทางสายเลือดของคุณลุงใจหญิงตรงหน้าบอกตรงๆ ว่าช่วงหลังสงครามครั้งใหญ่นั่นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งภาษา วิถีชีวิต วิทยาการ
และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่เธอต้องเรียนรู้ เพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่เต็มไปด้วย เวทมนตร์ กับวิทยาศาสตร์และผู้คนที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายเหล่านี้
“ได้แล้วจ้ะ น้องหงส์”
“ขอบคุณฮับ!”
“จ้า~”
ดีอย่างนึงที่สังคมที่เธออยู่นั้นเต็มไปด้วยคนดีๆ ซะเป็นส่วนมาก ชีวิตความเป็นอยู่มันเลยดี เพียงแต่ใช่ว่าหนึ่งวันนั่นจะมีแต่เรื่องดีเสมอไป
ปัง!
“กรี๊ดด!”
เสียงกรีดร้องของชายหนุ่มหัวใจสาวดังขึ้น ส่วนตัวเธอที่อยู่ใกล้กับเด็กชายก็รีบดันตัวเด็กน้อยเข้ามาหลบด้านหลังเธอ ก่อนที่แววตาที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายจะมองไปยังกลุ่มคนที่ค่อยๆ เดินมาหาเธอพร้อมกับร่างของชายแก่ร่างท้วมที่เพิ่งจะถูกโยนลงมากองตรงหน้าเธอ และอีกอย่างสภาพของชายแก่นั่นดูไม่ได้เอาซะเลย
“ไง ข้าวหอม”
เสียงของชายตัวใหญ่ไว้หนวดและมีหน้าตาน่ากลัว เขาสวมสูทเนื้อดี โดยที่สองมือบนนั่นเพิ่งจะจุดบุหรี่ (สิ่งผิดกฎหมายในออร์บ) และสองมือล่างกำลังเท้าเอว ใช่ฟังไม่ผิดหรอก เพราะชายตรงหน้านั่นมีสี่มือแถมยังมีลูกน้องอีกหลายคนด้วย
“ลุงเดช หนูว่าหนูเพิ่งจะจ่ายเงินให้ลุงไปนะคะ”
“ใช่ หนูเพิ่งจะจ่ายให้ลุงมาแต่...อาของหนูมันแส่หาเรื่องใส่ตัว”
ชายสี่แขนพูดด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะฉายภาพโฮโลแกรมให้กับเด็กสาวได้ดู ซึ่งภาพนั้นมันเป็นภาพกล้องวงจรปิดของ อา แท้ๆ ของเธอที่รอดมาด้วยกัน
เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่เหลือรอดนั้นกำลังพยายามจะแงะตู้กดเงินสดของผับขนาดใหญ่ยามวิกาล และผับนั่นมันดันเป็นผับของชายสี่แขนคนนี้
และมีเหรอที่คนทำผิดจะยอมให้จับ พอลูกน้องชายสี่แขนนี้รู้ว่าเขาสามารถขโมยเงินได้หลายหมื่น และเอาไปเล่นพนันในผับก่อนจะมีเรื่องเล็กน้อย...เออ..ไม่น้อยเลยล่ะ เพราะอีกคนมีท่าทางเมาด้วย
“ทีแรกลุงกะว่าจะปล่อยไปเพราะเป็นเงินไม่กี่หมื่น แต่เรื่องที่มาอาละวาดในผับลุงจนเกิดความเสียหายใหญ่โตแบบนี้ลุงบอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้”
“หนูขอโทษแทนอาของหนูด้วยค่ะลุงเดช”
“ลุงไม่ต้องการคำขอโทษข้าวหอม”
“ถ้างั้นค่าเสียหายทั้งหมดมันเท่าไหร่คะ เดี๋ยวหนูจะเก็บเงินมาจ่าย-”
“ไม่ ไอ้เรื่องใจดีอย่างที่เคยให้หนูทำงานหาเงินมาชดใช้น่ะไม่มีอีกแล้ว พวกแกจัดการ”
“ครับ”
สิ้นเสียงเหล่าลูกน้องของชายสี่แขนก็รีบวิ่งมาเตรียมจะจับกุมข้าวหอม แต่ก่อนที่พวกเขาจะถึงตัวของข้าวหอมนั้น มือของพวกเขาก็ถูกกระแสไฟฟ้าจากโล่เวทมนตร์ชอร์ตเข้าจนต้องรีบถอยหนีกัน
ส่วนเดชก็ทำเพียงพ่นควันออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะมองไปที่ร่างของหญิงชราเผ่าแมวที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าร้าน
“คุณโอปอ ช่วยอย่ามาขวางผมได้ไหม”
“เกรงว่าจะมิได้ เพราะต่อให้เป็นคุณฉันก็ไม่มีวันให้พาตัวหลานฉันไปไหนทั้งนั้น..แค็กๆ”
“ยาย!”
ข้าวหอมรีบวิ่งมาดูอาการของยายทันทีที่เธอเห็นว่าอีกคนไอออกมา พร้อมกับร่างที่ทรุดลงกับพื้น
“เฮ้อ~คุณนี่ชอบฝืนตัวเองตลอดเลยนะคุณโอปอ ทั้งที่เด็กนั่นไม่ใช่-”
ฟิ้ว!
ไม่ทันที่เดชจะได้พูดจบ แก้มซ้ายของเขาก็ถูกอะไรพุ่งผ่านอย่างรวดเร็วก่อนที่เลือดสดๆ จะซึมออกมาเล็กน้อย ซึ่งเขารู้ว่ามันเป็นฝีมือของหญิงชราตรงหน้า
“แก...อย่ามาพูดทั้งที่แกไม่รู้อะไร...ต่อให้เป็นคนละสายเลือด ข้าวหอม...ก็เป็นหลานฉัน-แค็กๆ”
“ยาย อย่าฝืนสิ ยาย”
ข้าวหอมรีบทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยบรรเทาอาการของหญิงชรา แต่ร่างนั้นกลับล้มลงต่อหน้าเธอเพราะการฝืนร่างกาย ความกลัวและภาพในวัยเด็กที่เธอเคยคิดว่าสามารถปิดผนึกเอาไว้ได้แล้ว
กลับฉายออกมาภายในหัวของเธอ ภาพของพ่อ แม่ และน้องชายที่นอนจมกองเลือดโดยไม่อาจกลับมา และท่ามกลางกองศพนั่นก็มีเงาของหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหูยาวค่อยๆ หันมาหาเธอ
“พวกแกไปจัดการที่เหลือซะ”
“ครับ”
เหล่าลูกน้องต่างเดินตรงไปที่ร้านอาหารของผู้เป็นยายก่อนจะเริ่มทำการทุบและทำลายข้าวของภายในร้าน จนทำให้สองพ่อลูกที่อยู่ข้างเธอกรีดร้องออกมาอย่างดังเรียกคืนสติของเธอได้อย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!”
ข้าวหอมรีบวิ่งไปหวังจะห้ามการกระทำของลูกน้องเดช แต่ไม่ว่าเธอจะตะโกน ขอร้อง หรือเอาเศษเหล็กหมายจะทุบตีลูกน้องพวกนั้นเธอก็กลับโดนเดชดึงคอเสื้อโยนออกมานอกร้านพร้อมกับพ่อลูกที่มาซื้ออาหารจากร้านเธอ
และด้วยความที่เดชโยนเธอมาแบบไม่ได้สนว่าเธอจะชนกับอะไรทั้งสิ้น รู้ตัวอีกทั้งตัวเธอก็กระแทกกลิ้งไปกับพื้น ก่อนที่หัวของเธอจะกระแทกเข้ากับกำแพงจนเธอหมดสติลงท่ามกลางภาพของบ้านอีกหลังที่ค่อยๆ พังทลายลงไป
“เฮือก!”
ข้าวหอมสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอเธอหันไปมองรอบด้านเธอกลับพบว่าทั้งเพดานและผนังห้องช่างไม่ได้มีความคุ้นตาเธอเลยแม้แต่นิด
“ที่นี่...ที่”
แก๊ก
ตอนที่เธอขยับมือหวังจะมาจับหัวของตนเองที่ยังคงมีอาการปวด ความรู้สึกหนักที่ข้อมือกับเสียงที่เหมือนมีเหล็กกระทบกันก็ทำให้เธอค่อยๆ ก้มมองลงมาตามเสียง
“นะ...นี่มันอะไรกัน!”
หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในชุดชั้นในตัวเอง แถมที่ข้อมือยังมีกำไลและโซ่เหล็กที่พันธนาการแขนทั้งสองของเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ลุงเดช...นี่มันอะไรคะ”
“อะไร ก็ลุงกำลังให้เธอใช้หนี้ลุงไง”
“แล้วทำไมหนูถึงมาอยู่ในสภาพนี้....แล้วยายล่ะ...ยายโอปอกับร้านหนูล่ะ”
“โอปอมันตายเพราะฝืนตัวเอง ส่วนร้านก็ถูกพวกฉันทำลายไปแล้ว และแกในตอนนี้มีค่าเป็นเพียงสินค้าเท่านั้น”
“สินค้า...อย่ามาพูดบ้าๆ นะคะ ตัวหนูไปเป็นสินค้าลุง-”
ดวงตาของข้าวหอมเบิกกว้างทันทีที่จู่ๆ ชายสี่แขนก็ยื่นเอกสารรับรองการเลี้ยงดูตัวเธอให้กับเขา แถมที่บรรทัดสุดท้ายยังมีลายเซ็นของผู้เป็นอาของเธอ
“ม...ไม่จริง”
“จริง”
“โกหก ลุงโกหก”
“งั้นดูคลิปไหมล่ะ”
“ฮะ....”
ไม่กี่นาทีต่อมา ชายสี่แขนก็ทำการฉายภาพโฮโลแกรมต่อหน้าเธอ ซึ่งเป็นภาพของเขากับผู้เป็นอาของเธอกำลังพูดคุยกันภายในห้องนี้
‘แกทำฉันเสียหาย ทั้งก่อเรื่องในผับ ขโมยเงิน ทำลายข้าวของ รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านแกจะชดใช้ยังไง’
‘ผ...ผมจะรีบหามาใช้ให้เร็วที่สุดครับ’
ผู้เป็นอาพูดออกมาด้วยความกลัว ทั้งที่เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่มีทางหามาได้
‘ฉันมีข้อเสนอให้แกสามารถชดใช้ค่าเสียหายครั้งนี้ แถมยังจะให้เงินเพิ่มด้วยสนใจ-’
‘ส...สนครับ สนใจครับ!’
ผู้เป็นอาของเธอรีบตอบรับอย่างไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวที่จะคิดทบทวน นั่นทำให้ชายสี่แขนตอนนั้นถึงกับแสยะยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะเอารูปของเธอวางลงกลางโต๊ะ
‘รู้ไหมรูปร่างหน้าตาหนูข้าวหอม ตอนนี้นะ ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าของฉันมากเลย’
‘ท...ท่านจะบอกให้ผมยกหลานสาวให้เหรอครับ’
‘เข้าใจเร็วดีนี่หว่าได้ไหมล่ะ ปลดหนี้ พร้อมเพิ่มเงินให้อีก 4 ล้านเท่ากับกับจำนวนที่แกทำลายข้าวของร้านฉัน’
‘สนครับๆ อ...เอกสารอยู่ไหนเหรอครับ’
คำตอบของผู้เป็นอานั้นทำให้ข้าวหอมถึงกับร้องไห้ออกมา อาเธอไม่เสียเวลาแม้แต่จะคิดเลย พอเห็นเงินอยู่ตรงหน้าเขากลับสามารถเอาทุกอย่างมาแลกกับมัน แม้ว่าเธอจะรู้มาตลอดว่าอาเธอเป็นคนนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
แต่เธอไม่คิดเลยว่าอาเธอจะยอมเอาครอบครัวที่เหลือรอดด้วยกันมาแลกกับเงินจำนวนนั้น และภาพต่อจากนี้ต่อให้เธอไม่ดูก็สามารถเดาได้ อาเธอเซ็นเอกสารให้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำท่าทางดีใจตอนที่ได้เงิน ที่เจ็บกว่านั้นคือภายในห้องตอนนั้นมีร่างของเธอกำลังถูกลูกน้องผู้หญิงจับแก้ผ้าอยู่
“ชัดไหม ลุงถ่ายอย่างละเอียดที่สุดเลยนะ”
“ค..ค่ะ”
“ดี...พวกแกพามันไปขึ้นเวทีได้แล้ว”
“ครับ / ค่ะ”
วินาทีนั้นข้าวหอมไม่อยากจะคิด หรือรู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้ร่างของเธอกำลังถูกใครจูงไปไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าของเธอกระทบกับแสงไฟบนเวทีขนาดใหญ่ ที่เหนือเธอมีเหล่าบรรดาผู้คนมากหน้าหลายตาสวมใส่หน้ากากกำลังยิ้มให้กับเธอ
“และแล้วก็มาถึงสินค้าตัวสุดท้ายจากทางเราครับ เด็กสาวเผ่ามนุษย์อายุ 17 ปีย่าง 18 มีชื่อว่าข้าวหอม ไร้ชื่อจริงไร้นามสกุล”
เสียงของพิธีกรบรรยายเกี่ยวกับเธอราวกับเป็นสินค้า พอแอบเงยหน้ามองไปที่จอด้านข้างก็พบว่ามีรูปภาพของเธอที่กำลังตั้งใจทำงานที่ร้านเก่าแถมยังมีรายละเอียดความสามารถของเธอประดับไว้ราวกับเป็นรายละเอียดของสินค้า
“ความสามารถของข้าวหอมนั้นเป็นไปตามที่ทุกท่านเห็น และราคาเริ่มต้นของเด็กนี่อยู่ที่ 16 ล้าน-”
“100 ล้าน!! ”
น้ำเสียงของหญิงสาวบางคนดังขึ้นท่ามกลางผู้คนนับร้อย พร้อมกับจำนวนเงินมหาศาลที่ไม่เคยมีใครคนไหนยอมจ่ายเพื่อซื้อทาสถึงขนาดนั้น
“อ...เออ....คุณลูกค้าครับ”
“ไม่ได้ยินหรือไงฉันบอกว่า 100 ล้าน และมีใครในที่นี้จะสู้ราคาของดิฉันไหมคะ”
“...”
“ถ้าไม่มีดิฉันขอซื้อตัวเด็กคนนั้นด้วยราคานี้และคุณ”
“ค..ครับ!”
“พาตัวเด็กคนนั่นมาหาฉัน เดี๋ยวนี้ !! ”
เชื่อเถอะว่าทั้งงานนั่นไม่มีใครกล้าแข็งข้อหรือกล้าเสนอราคาเพื่อแข่งกับหญิงสาวคนนี้หรอก และเพราะสิ่งที่หญิงสาวนั่นทำเอาไว้ทำให้งานประมูลจบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พิธีกรหนุ่มกับเดชจะพาตัวของเธอมาหาหญิงสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งพอเธอได้มองรูปร่างของอีกคน ก็ทำให้รู้ว่าอีกคนเป็นเอลฟ์ หากแต่สายตาที่อีกคนใช้มองเธอนั่น ช่างชวนให้เธอนึกถึงใครบางคน
ใครบางคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ
ใครบางคนที่ยอมรับฟังและช่วยแก้ปัญหา
ใครบางคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของครอบครัวเธอ
ใครบางคนที่เธออยากจะได้คำอธิบายเรื่องในคืนที่เธอสูญเสียทุกอย่าง
และเมื่อหน้ากากถูกเปิดออก พร้อมกับมือที่จัดการโอนเงินจำนวนมหาศาลนั่นเข้าบัญชีของชายสี่แขน ก็ทำให้ข้าวหอม ถึงกับตกอยู่ในอาการมึนงง หวาดกลัวและที่สำคัญเธอดีใจด้วยที่คนตรงหน้าเธอก็คือ
“พ...พลอยใส”