PeetTalk
มหา'ลัย
"ไอ้พีท ทางนี้"
เสียงของไอ้ว่านและกลุ่มเพื่อนดังขึ้น ผมเริ่มมีเพื่อนเพิ่มขึ้นแล้วครับ ก็เป็นกลุ่มเพื่อนของไอ้ว่านนั่นแหละ ที่คอยดูและช่วยเหลือเรื่องเรียน ถึงแม้อาจารย์จะฝากผมไว้กับอคิณแต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาจงใจจะแกล้งซะมากกว่าที่จะเข้ามาช่วย
"สายทุกวันเลยนะมึง "
"อืมม"
จะไม่สายได้อย่างไรกัน เพราะกว่าจะออกจากบ้านมาได้ อคิณก็แกล้งผมสารพัด ทั้งเช็ดรองเท้า ใส่เสื้อผ้าให้ เขาไม่ยอมทำอะไรเลย ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่อีกคนแกล้งแล้วให้รู้สึกทั้งโกรธและหวั่นไหวแปลกๆ
ชั่วโมงก่อนหน้า
"ใส่เสื้อผ้าให้กูหน่อย" เขายืนกางแขนออกเหมือนเด็กแล้วมองหน้าผมนิ่ง รอให้ผมทำตามที่เขาสั่ง
ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะแกล้ง ผมเดินไปเปิดตู้หยิบชุดนักศึกษาออกมาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แล้วใส่เสื้อให้เขาเงียบๆ อคิณเป็นคนที่มีรูปร่างดี สูงสง่า อกแกร่งมีซิกแพคกล้ามเนื้อท้องเป็นลอนอย่างคนที่ออกกำลงกายอยู่สม่ำเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่จะมีสาวๆมารุมล้อมและคลั่งไคล้ ระหว่างที่ผมใส่กระดุมให้ อคิณก็ดึงตัวผมเข้าใกล้ๆ จนได้กลิ่นลมหายใจและกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังที่เขาชอบใช้เป็นประจำ
"ทำไมมือมึงสั่น"
"........" ผมเงียบไม่อยากจะพูดกับเขาจะไม่ให้สั่นยังไงไหว ก็อยู่ชิดกันขนาดนี้
"มึงจะอ้าปากพูดกับกูดอกพิกุลมึงจะร่วงหรือไง" อีกคนมีท่าทางหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมสนทนาด้วย
"........."
แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ ให้เป็นหมาบ้าอยู่แบบนั้น ผมติดกระดุมเสื้อให้จนถึงสองเม็ดสุดท้าย เขาก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้
"กูถาม" เสียงตะคอกเสียงดังข้างๆหู จนผมต้องเงยหน้ามองอีกคนนิ่ง
“ตอบ” คราวนี้เขากระชากเสียงดังลั่น จนผมต้องถอนใจในความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
"ไม่ได้สั่น แต่ตอนนี้ผมรีบ" เมื่อผมตอบออกไป เขาก็ยอมปล่อยมือให้ผมใส่เสื้อให้จนเสร็จ
"กางเกงด้วย" คราวนี้สายตาของอีกคนเจ้าเล่ห์อย่างเปิดเผย ผมมอง คนตัวโตที่ยืนยกยิ้มร้ายอย่างกวนๆ ก่อนจะปรับสีหน้านิ่งเรียบ
“เร็วๆ”
ไม่พูดเปล่าอีกคนก็ปลดผ้าเช็ดตัวออกทันที มือสองข้างกางออกอย่างจงใจ
แม่งเอ้ย!! ผมนึกว่าเขาใส่บ็อกเซอร์แต่เปล่าเลย ร่างเปล่าเปลือยท่อนล่างโชว์หรา น้องชายที่อยู่ตรงกลางขนาดไม่ใช่เล็กๆ ยังคงนอนหลับนิ่ง ยอมรับว่าใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย ผมทำหน้าเซ็งรีบเบือนหน้าหนี กัดฟันแน่นรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะแกล้งให้ผมอาย
"ทำไมไม่ใส่ชั้นในให้เรียบร้อย"
"เร็วสิ กูเมื่อย"
อคิณไม่ตอบแต่กลับเร่งคนตรงหน้าน้ำเสียงหงุดหงิดอยู่บนเตียงนอนยื่นขาสองข้างออกมา
ไม่พิการไปเลยวะ ผมได้แต่คิดในใจ ผมพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเดินไปหยิบกางเกงบ๊อกเซอร์ให้ใส่เอง แต่อีกคนไม่รับกลับยื่นขาออกมาให้ผมใส่ให้ ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ระหว่างที่ผมดึงชั้นในขึ้น คนตัวโตแกล้งจนเสียหลักหัวทิ่มลงตรงหว่างขาพอดี สัมผัสได้ถึงแก่นกลางที่เริ่มขยายตัวและเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ ผมเงยหน้าขึ้นตกใจสุดขีดจ้องตรงนั้นเขม็ง เมื่อเห็นว่ามันเริ่มขยายใหญ่
เชี้ย!!ยิ่งมันพองตัวมันยิ่งน่ากลัวขนาดของมันไม่ใช่เล็กๆ ผมหายใจติดขัดรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
"รีบใส่..ก่อนที่กูจะทำอย่างอื่นแทน"
อคิณกำลังขบกรามแน่นเหมือนสะกดอารมณ์บางอย่าง เขาจะโกรธอะไรในเมื่อเขาเป็นคนจงใจแกล้งจนผมล้มลงไปตรงนั้นของเขา
ผมรีบดึงกางเกงขึ้นทันที แต่ก็สังเกตได้ว่ามันตุงออกมาอย่างชัดเจน ผมรีบดึงกางเกงใส่ให้อย่างรวดเร็วโดยต่างคนก็ต่างเงียบ อคิณก็ได้แต่มองหน้าผมนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไรอีก ได้ยินเพียงสียงลมหายใจและเสียงถอนใจเฮือกใหญ่จากคนตรงหน้าเท่านั้น
AkinTalk
ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกันแค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวมัน ก็ทำให้ผมใจสั่น ไอ้ลูกชายมันก็ไม่รักดีทำให้ผมขายหน้าชิบหาย จากที่ต้องการจะแกล้งมัน กลายเป็นว่าต้องอยู่นิ่งๆให้มันใส่กางเกงให้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในตอนนั้น ลมหายใจและหน้าของมันที่สะดุดล้มลงมาตรงหว่างขาผมพอดี แค่เพียงเห็นใบหน้าและลมหายใจอุ่นของมันที่เป่ารดตรงนั้น ใจผมก็สั่นหัวใจเต้นแรงระรัว ส่วนเจ้าน้องชายผมมันก็ทำงานตั้งโชว์หราต่อหน้ามันโดยไม่ฟังคำสั่งผมเลย ผมพยายามสะกดอารมณ์ไว้เต็มที่แล้ว สงสัยผมต้องหาจังหวะทำโทษมันสักหน่อย เดี๋ยวมันจะได้ใจหาว่าผมใจดี
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วผมจึงรีบขับรถออกไปทันที ไม่ได้ต้องการจะหนี แต่มันรู้สึกแปลกๆแค่ได้กลิ่นตัวมัน ทำไมผมต้องใจสั่นถึงเพียงนี้
"คุณพีทให้ผมไปส่งไหมครับ"
พีทยืนมองรถอคิณที่ขับออกไปโดยไม่รอหรือเอ่ยปากชวนเลย ก็คงเป็นเรื่องปกติถึงแม้จะไปมหา'ลัยเดียวกันแต่อีกคนก็ไม่เคยคิดที่จะรอ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปรถเมล์ เย็นนี้มีนัดกับเพื่อนด้วย ฝากนายดูบ้านด้วยนะ และให้สมรขึ้นไปทำความสะอาดห้องเจ้านายของนายด้วยละ รายนั้นเขาเจ้าระเบียบระวังข้าวของราคาแพง ยิ่งเรื่องมากอยู่ด้วย" พีทได้เพียงถอนหายใจ ที่ต้องหาวิธีรับมือกับอีกคนทุกเช้าจริงๆ
ส่วนกรได้แต่ลอบยิ้มเพราะรู้ว่านายของตนร้ายกาจขนาดไหน และดูเหมือนคุณพีทของเขาจะรับมือได้ดีไม่ใช่น้อย
"ครับ แล้วคุณพีทจะให้ไปรับไหมครับคืนนี้"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะกลับเอง"
"ครับ"
พีทเดินออกมาขึ้นรถเมล์ อันที่จริงแล้วชายหนุ่มมีรถที่คุณท่านซื้อไว้ให้แต่เขาไม่เคยขับและไม่ชินถนนในกรุงเทพฯด้วย อีกอย่างเขารู้ว่ามีคนขี้หวง หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากที่จะขับรถคันใหม่ไปเรียน จึงนั่งรถเมล์ไปเรียนสะดวกใจมากกว่า
มหา’ลัยxxx
"ไอ้พีท ไอ้เชี้ยพีท!!"
"มึงจะเสียงดังทำไม"
"กูเรียกมึงตั้งหลายรอบละ มึงก็นั่งเหม่ออยู่นั้นแหละ"
ผมเงยหน้าขึ้นนักศึกษากำลังทยอยเข้ามาเรียน โดยมีกลุ่มอคิณและเพื่อนอีกสามสี่คนเดินรั้งท้ายเข้ามา เขาหยุดมองหน้าผมสักครู่ก่อนจะเดินก้าวขึ้นไปนั่งที่ประจำด้านบน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจอีก
"มีอะไรหรือเปล่า" ว่านหันมาถามเสียงเบา
"เปล่า" ผมรีบตอบทันทีโดยไม่มองหน้ามันที่กำลังมีท่าทางอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา
"ไอ้เชี้ยพีท มึงคิดก่อนตอบกูหน่อยก็ได้..สัส"
"พีทคะ เราอยากคุยกับพีท"
ผมหันไปมองหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักตรงหน้า ผมเคยเห็นเธอบ่อยๆในพักหลัง เธอก็ชอบนั่งเรียนอยู่ข้างหน้าชื่อ”ข้าวนึ่ง”
"ครับ"
"คือเรา..เอ่อ..เราชอบพีท เราขอเบอร์และแอดไลน์หน่อยได้ไหม"
ทุกคนต่างจ้องมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ใครจะคิดว่าข้าวนึ่งจะกล้าสารภาพต่อหน้าคนมากมาย
หมับบ!!
มือหนาคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือผมไปทันที อคิณมาหยุดยืนข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"คงไม่ได้”
“อคิณ” เสียงใสหวานเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมไม่หันไปมองก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร
“ไอ้พีทเป็นคนของเรา ใครก็ตามที่จะเข้ามาหามันต้องผ่านเราก่อน คงจะได้ยินกันทุกคนนะ"
คนตัวใหญ่ป่าวประกาศไปทั่วห้องไม่ใช่แค่ให้ข้าวนึ่งรู้เท่านั้น แต่ต้องการบอกคนอื่นๆด้วย
..แล้วความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้องเพราะทุกคนรู้ดีว่าอคิณเป็นคนยังไง...
ทุกคนมองมาที่ผมกับอคิณอีกครั้งอย่างสงสัยในความสัมพันธ์ ผมรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูก อย่างน้อยก็ยังดีที่เขาบอกว่าแค่เด็กในบ้านไม่พูดเป็นอย่างอื่น ผมจ้องหน้าคนตัวโตนิ่ง ก่อนจะแย่งโทรศัพท์ข้าวนึ่งจากมือหนาส่งให้หญิงสาว ไม่ลืมที่จะแอดไอดีไลน์ให้เธอด้วย
"เราแอดให้แล้วนะ" หญิงสาวหน้าเจื่อน ผมสงสารจึงแอดไลน์ให้ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
"อืมมม..ขอบใจนะ" หญิงสาวลนลานรีบเดินออกไปทันที เพราะคนตัวโตยืนจ้องหน้าค้ำหัวโด่อยู่ตรงนี้ไม่ยอมขยับออก
"นี่มึงกล้าขัดกูเหรอ" น้ำเสียงห้วนสีหน้าบึ้งตึง
"อาจารย์มาแล้ว"
ผมก้มหน้าไม่ตอบคำถาม มีเพียงไอ้ว่านที่บอกให้อีกคนขึ้นไปนั่งที่ให้เรียบร้อยเพราะอาจารย์กำลังเดินเข้ามา
" นิสัยมันไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ"
ผมไม่ตอบ อยากจะบอกว่านอกจากไม่เปลี่ยนแล้วยิ่งหนักข้อมากขึ้นทุกวันอีกด้วย ยิ่งตอนนี้รังสีอำมหิตที่ดูเหมือนมันจะแผ่มาถึงผมจนรู้สึกเย็นสันหลังแปลกๆ
อคิณนั่งจ้องพีทจากทางด้านหลัง มึงกล้าขัดคำสั่งกูต่อหน้าคนอื่นใช่ไหม เดี่ยวกูจะเอาคืนให้เจ็บแสบเลย ไอ้เชี้ยพีท!! อคิณได้แต่คาดโทษในใจ
18.30 น.
ป้ายรถเมล์
วันนี้ฝนตกทั้งวันไม่หยุดทำให้รถติดมากเป็นพิเศษ ยิ่งช่วงเวลาที่ทุกคนเลิกงานกลับบ้าน ถนนสายหลักเป็นอัมพาตทันที คนที่มายืนรอขึ้นรถเมล์บ่นเป็นเสียงเดียวกัน พวกผมจึงได้ยกเลิกนัดกันที่ว่าจะไปสังสรรค์ที่ผับพี่ชายไอ้ว่าน
บรื๊นๆๆๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นขณะที่ผมกำลังยืนรอรถท่ามกลางสายฝน ผมหันไปมองยังต้นเสียง
"โง่!! ยืนบื้ออยู่ทำไม มาขึ้นรถ "
ผมมองดูรถหรูสีดำขับมาจอดเทียบฟุตบาท เจ้าของรถลดกระจกลงมาพอให้เห็นหน้า สั่งผมเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงรถที่วิ่งไปมาบนท้องถนนและสายฝนที่กำลังลงเม็ดปรอยๆ
ผมอิดออดไม่อยากไปด้วย แต่อีกคนกดแตรดังสนั่นแบบไม่ยั้งเชิงบังคับกรายๆ ผมจึงจำใจรีบขึ้นรถไปกับเขาเพราะคนเริ่มมองกันแล้ว
"ชักช้า"
อคิณมองหน้าแล้วบ่นทันทีอย่างไม่พอใจ อยากจะสวนออกไปแต่ต้องระวังคำพูด แล้วใครเขาอยากจะไปด้วยผมได้เพียงแค่คิด
"อย่าให้รถกูเปียกเพราะรถกูแค่ราคาเข้าคาร์แคร์ยังแพงกว่าค่าตัวมึงเสียอีก" พูดพร้อมโยนผ้าผืนเล็กให้ ผมเงียบไม่อยากต่อปาก ก็ถ้าจะแพงขนาดนั้น จะบังคับผมขึ้นรถมาทำเชี้ยอะไรวะ แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกนะเพราะรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งจะทำให้อีกคนหงุดหงิดเสียเปล่า พอขับรถออกมาได้สักพัก อคิณก็เปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งไม่ใช่ทางกลับบ้านแน่นอน
"นี่เราจะไปไหน"
ผมหันมองไปรอบๆตัว แล้วหันไปมองคนตัวใหญ่ ที่นั่งขับรถมองตรงไปข้างหน้า เขาไม่หันมามองหน้าผมสักนิดเดียว ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นดูร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด เขายกยิ้มร้ายมุมปากดูก็รู้ว่าในหัวมีแผนร้ายๆอย่างแน่นอน แล้วนี่จะแกล้งอะไรผมอีกวะ!
"ไม่ใช่เรา แต่แค่มึงต่างหากล่ะ"
อคิณเลี้ยวรถจอดข้างทาง ถนนสายเปลี่ยวที่ผมไม่คุ้นเคย ข้างนอกมืดมากที่สำคัญฝนกำลังตกอย่างหนักทีเดียว
"จอดทำไม" ผมหันไปมองหน้า ใจชักหวั่นกับสายตาดุเจ้าเล่ห์ที่มองมา
"ลงไป"
"ห๊ะ!!"
"หูหนวกหรือไง กูบอกให้ลงไป"
"แต่นี่มันมืดและไกลมากนะ ผมไม่รู้จักถนนเส้นนี้ " ที่สำคัญตอนนี้ฝนก็ตกหนักมากด้วย ผมหันไปมองรอบข้างทุกอย่างดูมืดสนิท
"แล้วไง กูต้องสนไหม?"
เขามองมาสีหน้าเอาจริงมากจนผมนึกกลัว แววตาแข็งกร้าว ใบหน้าเคร่งขรึม ผมนึกไว้ไม่ผิดคนอย่างอคิณทำดีกับผมก็แปลกละ ผมโง่เองที่มากับเขา และเชื่อว่าเขาจะทำดีกับผมจริงๆ
"เชี้ย!!สัสเอ้ย" ผมสบถด่าออกไปทันทีก่อนจะลงจากรถ
"ตุ๊บ!! ตุ๊บ!!"
หมัดหนักต่อยมาที่ใบหน้าสองทีผมไม่ทันระวังตัวจึงหันไปตามแรงของคนตัวโต มันเจ็บก็จริงแต่เจ็บที่ใจมากกว่า..
"กูบอกมึงแล้วว่าอย่าริมาด่ากู ส่วนหมัดที่สองคือมึงขัดคำสั่งกูตอนที่อยู่ในคลาสเรียน" คนตัวโตค้นกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ผมออกไปด้วย
"เอาคืนมา" เขาแกว่งโทรศัพท์ผมอย่างชอบใจ ที่สามารถแกล้งและเอาชนะผมได้ ผมเช็ดเลือดตรงมุมปาก แล้วมองหน้าอีกคนนิ่ง พยายามระงับความโกรธของตัวเองไว้เต็มที่
คนเจ้าเล่ห์โยนกระเป๋าผมลงข้างทางแล้วกระชากรถออกไปทันที ผมได้แต่ปลงกับตัวเอง ก้มลงเก็บกระเป๋า อีกนานไหมที่ผมต้องทนอยู่แบบนี้ นี่มันแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ผมจะทนได้นานสักเท่าไรกันเชียว
ผมมองดูรอบๆตัวตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่มุมไหนของกรุงเทพฯ ทั้งมืดมาก และฝนก็ตกหนัก ผมเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายฝน โทรศัพท์ก็ไม่มี ผมจะทำอย่างไรได้วะ
"แม่งเอ้ย!!!" ผมตะโกนแข่งกับสายฝน โกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้