ฉันหอบหิ้วกระเป๋านักเรียนที่มีเงินสดอยู่หลายล้านออกมาจากคอนโด ฉันไม่มีทางออกแล้วจริงๆ ถ้าฉันไม่ไปตอนนี้ แม่ฉันต้องตกอยู่ในอันตราย ฉันวิ่งลงมาจากคอนโดทั้งชุดนักเรียน ก่อนที่จะมาขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่แถวนั้นเพื่อมาที่บ้าน
ผ่านไปราวๆ เกือบยี่สิบนาที ฉันก็มาถึงบ้านอย่างหวุดหวิด ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในบ้าน ฉันก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นข้าวของในบ้านพังกระจัดกระจายรกเต็มไปหมด ก่อนที่จะเห็นแม่ที่นอนสะบักสะบอมอยู่ที่พื้นโดยที่มีพ่อยืนอยู่ข้างๆ
“พ่อคะ อย่าทำแม่” ฉันร้องขึ้นสุดเสียงก่อนที่จะวิ่งไปหาแม่ที่นอนอยู่
“นะ....นิตาหนีไปลูก” แม่บอกฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะพ่อ ทำไมถึงทำกับแม่ขนาดนี้?”
“เอาเงินมา” พ่อไม่ฟังที่ฉันพูดแต่เลือกที่จะหันมาพูดเรื่องเงินกับเงินแทน
“.....”
เพี๊ยะ!!!ฝ่ามือของพ่อเลี้ยงฟาดเข้ามาที่แก้มด้านขวาของฉันเต็มแรงจนล้มลงเมื่อฉันไม่ยอมพูดหรือเอาเงินให้เขา ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะทำกับแม่ได้ถึงขนาดนี้ ที่ผ่ามาเขาทำร้ายแม่ยังไม่พอใช่มั้ย
“กูบอกให้เอาเงินมา”
“.....” ฉันก้มหน้ากอดกระเป๋านักเรียนไว้แน่น เงินนี้เป็นของติน เป็นของเขา
“เอากระเป๋ามา”
“พ่ออย่าเอาไปเลยนะคะ” ฉันร้องบอกพร้อมกอดกระเป๋าไว้แน่น
“กูบอกให้เอากระเป๋ามา”
เพี๊ยะ!!! ฉันถูกตบหน้าอีกครั้งอย่างแรงจนรู้สึกคาวเลือดที่มุมปาก ฉันก้มหน้าเม้มปากเงียบเมื่อพ่อกระชากกระเป๋าที่มีเงินสดอยู่ในนั้นออกจากมือฉัน
“พอสักที อย่าทำนิตา” แม่ลุกขึ้นวิ่งมาบังตัวฉันจากพ่อเลี้ยงที่กำลังจะใช้เท้าเตะฉันจนแม่ถูกเตะซะเอง
“ไปกับกู” พ่อพูดพลางกระชากแขนฉันให้ลุกขึ้น
“ขอร้องนะพี่ ปล่อยนิตาไป” แม่ร้องไห้ยกมือไหว้พ่อทั้งน้ำตา เขาจะพาฉันไปไหน
“กูบอกให้ลุก!!” พูดจบพ่อก็กระชากแขนฉันอย่างแรง
“ไปไหน พ่อจะพาหนูไปไหน” ฉันถามเสียงสั่นเมื่อถูกพ่อกระชากลากถูออกมาจากบ้าน
“กูขายมึงให้เสี่ยกำพลไปแล้ว มึงต้องไปอยู่กับเขา”
“ฮึกกก มะ...ไม่ไปนะคะ นิตาไม่ไป” ฉันร้องไห้พยายามสะบัดตัวออกจากพ่อ เพราะฉันรู้ดีว่าเสี่ยกำพลเป็นเจ้าของบ่อนที่พ่อไปติดหนี้เขาไว้
“ปล่อยนิตานะ ปล่อยลูก” แม่ร้องไห้ดึงแขนฉันไว้อีกข้าง
“กูบอกให้ถอยไป!!” พ่อผลักแม่จนกระเด็นออกไป
“เอาลูกกูคืนมา”
พลั่ก!!! เมื่อสบจังหวะแม่ของฉันใช้เท้าถีบพ่ออย่างแรงจนล้มลง ก่อนที่แม่จะตัดสินใจใช้มืดทำครัวแทงพ่อจนล้มลง พร้อมดึงฉันให้วิ่งตามออกมา
“แม่!!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของพ่อที่นอนจมกองเลือดมีมืดทำครัวที่ปักไว้กลางหน้าท้อง แม่เป็นคนทำ
“ไปนิตา เราต้องหนี ไม่มีเวลาแล้ว” แม่พูดแค่นั้นก่อนที่จะคว้ากระเป๋านักเรียนที่มีเงินสดอยู่ในนั้นพร้อมพาฉันวิ่งออกมาทางด้านหลังของบ้าน
“นิตากลัว” ฉันร้องไห้ตัวโยนเพราะภาพของพ่อที่นอนจมกองเลือดยังติดตาฉันอยู่
“แม่จำเป็นต้องทำเพื่อนิตา”
“แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันคะแม่ เราจะไปอยู่ที่ไหน?” ฉันถามอย่างเสียขวัญเมื่อตอนนี้แม่ของฉันกลายเป็นฆาตกร ถึงแม่จะทำไปเพื่อปกป้องฉันแต่มันก็ผิดอยู่ดี แล้วฉันกับแม่จะทำยังไงดี
“......”
END NITA TALK....
แกร่ก!!! เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกลิ่นอาหารหอมฉุย ในมือของชายหนุ่มมีอาหารมากมายพร้อมเค้กฉลองวันครบรอบหนึ่งปีของเขากับแฟนสาว เขาแอบไปสั่งเค้กเพื่อมาเซอร์ไพรส์แฟนสาว แต่เขากลับต้องหยุดนิ่ง เมื่อมองไปรอบๆ ห้องไม่เห็นแม้แต่เหงาของเธอ
“นิตา ตินกลับมาแล้ว”
“นิตาครับ มาดูเร็ว ว่าตินมีอะไรมาให้”
“ได้ยินไหมนิตา นิตา”
เสียงเรียกของชายหนุ่มที่เฝ้าร้องตะโกนหาหญิงสาวแต่ก็ไม่มีวีแววแม้แต่น้อย เข้าหยุดชะงักไม่ขยับ เมื่อเห็นว่าตู้เซฟของเขามันถูกเปิด พร้อมข้าวของที่ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปหมด ของทุกอย่างยังอยู่ครบจะมีก็แต่เงินสดจำนวนสามล้านที่หายไป
เขานั่งลงบนเตียงอย่างใจเย็นพลางกดโทรศัพท์โทรหาหญิงสาวแต่โทรศัพท์เขามันแบตหมด จิตใจตอนนี้เขาคิดเป็นห่วงแค่เธอ เขารู้อยู่แล้วว่าแฟนสาวต้องเป็นคนที่เอาเงินไป เพราะรหัสตู้เซฟมันมีแค่เธอกับเขาที่รู้ เขาได้แต่นั่งรออยู่ในห้องเพื่อรอเวลาที่หญิงสาวจะกลับมา เขาจะไม่ถามเธอสักคำว่าเอาเงินไปทำอะไร เธออยากได้อะไรเขายินดีจะให้ทุกอย่าง ขอแค่เธอกลับมาหาเขา กลับมาอยู่กับเขาเหมือนที่เคยอยู่
หลายเดือนผ่านไป....
@บ้านออสติน
“อิ่มแล้วเหรอออสติน ทำไมกินนิดเดียวเอง” เอลี่ถามขึ้นเมื่อเห็นออสตินทานอาหารไปแค่ไม่กี่คำก็อิ่มแล้ว
“ไม่หิวน่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับไป
“อาการเป็นยังไงบ้าง ลุงหมอว่ายังไง” พ่อของชายหนุ่มที่สังเกตอาการของลูกชายมาสักพักถามขึ้น ช่วงนี้ออสตินมีอาการเครียดเก็บตัว บางครั้งก็เหม่อลอยแบบไม่มีสาเหตุ เขาจึงพาชายหนุ่มไปปรึกษาแพทย์ ปรากฎว่าได้คำตอบที่ทุกคนไม่คาดคิดกลับมาคือชายหนุ่มเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงเพียงในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน จากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ
เขาต้องไปหาหมอทุกอาทิตย์ เปลี่ยนชนิดยารักษาไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น อยู่กับครอบครัวเขาอาจจะดูไม่เป็นอะไรเหมือนคนปกติ แต่พอได้อยู่คนเดียวเขากับดำดิ่งลงไปให้ห้วงของความมืดของอารมณ์
นิตาเป็นรักแรกของเขา เขาทุ่มเทให้เธอทุกอย่างทั้งกายทั้งใจ ทั้งเงินทองมากมายมหาศาล เขาไม่เคยเผื่อใจไว้ถ้าวันนึงต้องขาดเธอไป เขาทุ่มให้เธอไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้เผื่อใจเอาไว้เจ็บ
“......”
“แกอยากไปเรียนต่อเมืองนอกมั้ย หรืออยากจะไปเที่ยวไหน” ผู้เป็นพ่อพยายามชวนชายหนุ่มคุยแบบนี้ทุกวัน ครอบครัวพยายามแสดงตัวให้ความสำคัญกับเขาตลอด แต่ภายในใจของเขามันดำดิ่งลงไปลึกกว่าที่ทุกคนเข้าใจ
“ไม่ครับ ผมไม่อยากไป”
“รถรุ่นใหม่ออกแล้วนะ พ่อจะพาแกไปดู เผื่อแกอยากได้ พ่อจะซื้อให้” พ่อพยายามเบี่ยงเบนความรู้สึกของลูกชาย แต่จิตใจและอารมณ์ของเขาตอนนี้มันเหมือนปิดกั้นทุกอย่าง ราวเหมือนกับเขาไม่มีความรู้สึกต้องการอะไรอีกแล้ว
“ไม่ครับ ผมไม่อยากได้”
“แล้วเงินพอใช้มั้ย ถ้าไม่พอบอกพ่อนะออสติน พ่อจะให้แกทุกอย่าง”
“......”
“แกอยากได้อะไรบอกพ่อมา พ่อขออย่างเดียว ขอแค่ให้แกมีกำลังใจสู้กับโรคนี้ซะ”
“ผมคิดถึงนิตา” ชายหนุ่มเฝ้าบอกผู้เป็นพ่อแบบนี้ทุกวัน เขาต้องลาออกจากโรงเรียนเพราะโรคที่ป่วยอยู่ แต่โชคดีที่ครอบครัวของเขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ เพื่อให้ลูกชายได้รักษาโรคนี้อย่างเต็มที่ เขาจึงใช้เงินมากเพื่อขอซื้อใบจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย
“แกควรลืมเขาไปได้แล้ว แกอายุแค่นี้ยังต้องเจอผู้หญิงอีกมาก”
“......”
“ถือซะว่าไม่ได้เกิดมาคู่กันนะออสติน” ผู้เป็นแม่มองหน้าลูกชายอย่างเวทนา
“งั้นไปทำขนมเป็นเพื่อนพี่มั้ย จะได้ไม่ต้องคิดมากไง” เอลี่พพูดเสียงใสกับน้องชาย
“ผมขอตัวนะครับ ผมอยากพัก”
“เดี๋ยวสิออสติน ออสติน” ผู้เป็นแม่ร้องตามชายหนุ่มที่เดินออกไป
แกร่ก!! ชายหนุ่มเดินเข้าห้องมาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดแรง เขาไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการรับมือกับโรคนี้ยังไง ครอบครัวเขาประกาศขายคอนโดตั้งแต่แต่รู้ว่าเขาป่วย ขายเพื่อจะไม่ให้เขากลับไปเจอเหตุการณ์เดิมๆ ที่แสนเจ็บปวดของลูกชาย
“ไปอยู่ไหนนะนิตา ฉะ...ฉันคิดถึงเธอ” ชายหนุ่มค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ พร้อมกับกอดรูปถ่ายของคนรักไว้แน่น ไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมาในระยะตลอดเวลาหลายเดือน เขาออกตามหาเธอทุกวันจนถึงวินาทีสุดท้ายของเวลานี้ ชายหนุ่มยอมรับความจริงได้แล้วว่าคนรักของเขานั้นได้ทิ้งเขาไปจริงๆ
“ที่ฉันเคยพูดไว้ว่าถ้าไม่มีเธอ ฉันจะไม่ขอมีชีวิตอยู่ ฉะ...ฉันพูดจริงๆ นะนิตา” ชายหนุ่มยิ้มให้รูปแฟนสาวที่อยู่ในมือทั้งน้ำตาราวกับเพ้อฝัน ไม่แล้วล่ะ เขาไม่อยากหายใจอีกแล้ว ที่ผ่านมาหลายเดือนมันก็มากพอแล้ว เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาสู้กับมันไม่ไหวอีกแล้ว
ปึ้ง!!! โคร้มมมมม
“ไอ้ออสติน!!” ผู้เป็นพ่อร้องขึ้นราวกับคนเสียสติเมื่อเห็นชายหนุ่มที่นอนเลือดไหลนองอาบแขนอยู่ในอ่างน้ำ ชายหนุ่มตัดสินใจกรีดข้อมือตัวเองเป็นทางยาวเพื่อปลิดชีพตัวเองให้หายจากโลกนี้ไป
“ไม่จริง อย่าทิ้งพ่อไป” ผู้เป็นพ่อร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อตอนนี้ชีพจรของชายหนุ่มมันไม่เต้นอีกแล้ว เขาผิดเองที่ปล่อยลูกไว้กับโรคบ้าๆ นี่มานานหลายเดือน วันนี้โรคซึมเศร้ากำลังพรากหัวใจของเขาไป