“จ๊ะแม่…จ้า…หนูเก็บของเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรมากแค่เสื้อผ้า กับของใช้เล็กๆ น้อยๆ เองค่ะ”
(ให้แม่ลงไปเก็บของช่วยไหม ไปอยู่ที่นั่นหลายปีจะมีของแค่นี้ได้ยังไง)
“ของที่มีเป็นของเจ้าของคอนโดค่ะ กระเป๋าใบเดียวก็เข้าอยู่ได้แล้วนะคะ อีกอย่างหนูก็อยู่แต่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ ไม่มีของอะไรให้แม่ต้องมาเก็บช่วยหรอกค่ะ อีกสองวันเจอกันนะคะ หนูรักแม่นะ”
(แม่รออยู่นะ)
“ค่ะ” ปาลีนากดวางสาย ก่อนที่ใบหน้าสวยจะมีรอยยิ้มบางๆ แห่งความสุขผุดขึ้นมาบนใบหน้า เสียงเพลงที่คลอเบาๆ ในลำคอบ่งบอกว่าเจ้าของห้องอารมณ์ดีมากเพียงใด
ปาลีนาเป็นแพทย์ทันตกรรมเธอทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลแห่งนี้เธอทำมานานหลายปี เมื่อเก็บเงินได้เพียงพอที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อไปเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง
และวันนี้ก็มาถึง วันที่เธอรอคอยอย่างใจจดจ่อ ที่จะได้บอกลาเมืองกรุงที่แสนวุ่นวายกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองที่ใฝ่ฝัน แต่สองวันที่ผ่านมาก็มีเรื่องยุ่งยากให้เธอต้องปลีกตัวออกจากห้องทั้งที่เก็บข้าวของยังไม่เสร็จดี
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น ปาลีนารีบเดินไปเปิดประตูห้องอย่างไม่ลังเลที่จะมองตาแมวดูบุคคลผู้มาเยือน
“วันนี้ข้างนอกร้อนแทบตาย” เสียงของพลอยรินดังขึ้นก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้ามาในห้องของปาลีนา “ฉันซื้อข้าวมาให้ด้วย…” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกถุงอาหารที่ซื้อมาเต็มมือทั้งสองข้าง
“ขอบใจ ที่จริงแกไม่ต้องมาก็ได้นะ น่าจะอยู่บ้านเหมือนกับที่พี่แกบอก”
“ได้ไง ฉันต้องมาชดเชยเวลาที่แกเสียไปกับฉันสิ วันนี้จะมาเก็บของช่วยไง เหลืออีกตั้งเยอะ ว่าแต่…แกไม่ค่อยได้มีเวลาไปไหนทำไมเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้”
“ช็อปออนไลน์ไง แกก็รู้คนเป็นหมอทำงานก็เครียด สิ่งนี้เป็นสิ่งคลายเครียดที่ดี” ปาลีนาพูดพร้อมยิ้ม ก่อนที่เธอจะหันไปพับเสื้อผ้าลงกล่องลังขนาดใหญ่
“แล้วแกจะเอาไปหมดเหรอ ดูสิ ไม่ใช่น้อยๆ รถแกก็ไม่ได้คันใหญ่อะไร”
“พวกลังฉันจะเอาไปส่งไปรษณีย์นะ ก็ไม่มีอะไรมาก เหลือแค่เสื้อผ้า ของใช้อื่นๆ ก็ไม่มีที่เห็นเป็นของเจ้าของห้องเขา” ปาลีนาหันมองไปรอบห้อง เพราะตอนนี้เธอเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเสร็จแล้ว เหลือเพียงเสื้อผ้าที่จะจัดลงกล่องเพียงเท่านั้น
“แกไปแล้วฉันคงเหงา…แอบน้ำตาไหลเหมือนกันนะ..” พลอยรินยกมือขึ้นปาดน้ำตา ตอนที่เดินทางไปต่างประเทศ เธอยังไม่ดูเศร้าเท่าตอนนี้เลย เพราะหลังจากนี้ไป เธอจะไม่สามารถเจอปาลีนาได้บ่อยๆ เหมือนที่ใจต้องการ
“แกเป็นเด็กหรือไง…ทุกวันนี้โลกมันทันสมัยแล้ว คิดถึงก็แค่มาเจอกัน…ฉันก็ไม่อยากจากแกไปไหนเหมือนกัน” ปาลีนาพูดไปด้วยพับเสื้อผ้าไปด้วย น้ำเสียงของเธอดูเศร้าไม่น้อยกับคำพูดของพลอยริน
“แต่ฉันก็ดีใจนะ ที่แกจะได้ทำตามฝันของตัวเองสักที เหลือแค่ฉันที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย”
“ทำไงได้ ก็แกยังถูกนักข่าวตามติดอยู่เลยถ้าไปทำงานในช่วงนี้คงไม่สงบสุขหรอก ยังไงก็ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน หรือว่าแก….ไปเที่ยวกับฉันไหม ที่บ้านฉันบรรยากาศดีนะ”
“อือ…..” พลอยรินทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย เธอเคยไปที่บ้านของปาลีนาอยู่สองครั้ง แต่ไม่เคยได้อยู่หลายวัน ส่วนมากจะเดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อทำธุระสำคัญเพียงเท่านั้น
“แกลองคิดดู อีกสองวันฉันจะเดินทางกลับแล้วนะ”
“น่าสนนะ แต่ต้องบอกที่บ้านก่อน” พลอยรินยิ้มออกมา ก่อนที่เธอนั้นจะเริ่มลงมือเก็บของช่วยปาลีนา
“แล้วแกจะเอาไงกับสามีทิพย์แก”
“จะทำไงได้…ก็คงได้แค่รอ..อีกอย่างฉันไม่เข้าใจจริงๆ นะ ทำไมถึงได้ไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนี้ได้ แล้วที่สงสัยมากที่สุดคือ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ถึงขนาดขึ้นไปสำนักงานเขตเพื่อจดทะเบียนสมรสเลยนะ”
“ก็ใช่..แต่เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ แกคงเป็นหนึ่งในล้านคนมั้ง” ปาลีนาพูดในเชิงจิตวิทยาที่เคยเรียนมา พลอยรินก็เช่นกันเธอพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้ตัวเองคิดเช่นนั้น
มันอาจเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สมองของเราไม่จดจำสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในความคิด บางครั้งร่างกายของมนุษย์ก็พิเศษเกินกว่าจะอธิบายเป็นเชิงการแพทย์ได้หมด และบางครั้ง การแพทย์ก็ไม่สามารถมีคำตอบให้กับเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
“แต่ช่วงนี้มีข่าวออกมาเรื่อยๆ นะ”
“ข่าวอะไร?”
“เมื่อหลายเดือนก่อน มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องยาผิดกฎหมายนะ เห็นว่าคล้ายๆ กับยากดประสาทชนิดหนึ่ง หรือว่า…” ปาลีนาหันมองมาทางพลอยริน “ไม่มั้ง ยานั้นเขาบอกว่าแพงมาก หายากมาก ส่วนมากคนที่ใช้จะเป็นพวกไฮโซ”
“แกสงสัยว่าฉันจะกินยานั้นเข้าไปแล้วทำให้เป็นเหมือนกับวันนั้น…”
“น่าจะ..แต่ตอนนี้ตรวจก็ไม่เจอแล้วมั้ง ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์ เสียดายนะ…ถ้าฉันนึกออกเร็วกว่านี้เราคงได้คำตอบของเรื่องทั้งหมดแล้ว”
“แล้วใครจะเอายานั้นให้ฉันกิน? ถ้าบอกว่ามันแพงมาก…ฉันคงซื้อไม่ไหวหรอกนะ”
“แกจำค่าเหล้าวันนั้นได้ไหม แกดื่มไปไม่มากแต่ค่าเหล้าเกือบแสน ก็ไม่แน่…”
“อาจจะเป็นผู้ชายคนนั้นก็ได้ ที่เอามาให้ฉันดื่ม…”
“ฉันว่า…มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ เขาจะมาจดทะเบียนกับแกทำไม..อีกอย่างแกก็กลับมาห้องปกติดีทุกอย่างเลยนะ หรือว่าแกจะไปขอภาพวงจรปิดที่ร้านเหล้าดู”
“อืม…ฉันว่า..เจ้าของร้านคงไม่ให้ดูง่ายๆ เขาก็ต้องถามว่าดูกล้องวงจรปิดทำไม จะให้บอกว่า ขอดูหน้าสามีทิพย์หน่อยหรือไง…อีกอย่างเรื่องนี้ฉันพูดอะไรมากไม่ได้แกก็รู้”
“เข้าใจ งั้นก็ตามใจแก ส่วนเรื่องยาฉันก็แค่พูดไปตามความน่าจะเป็น…แต่ว่ายาแพงขนาดนั้น คงไม่ตกมาถึงท้องแกได้หรอก มันคงเป็นแค่ความเมามั้งนะ”
ถึงปาลีนาจะพูดเช่นนั้นในตอนนี้ พลอยรินยิ่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพื่อนบอก ความสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันไม่หายออกไปจากสมอง แต่จะทำเช่นไรได้ ถ้าหากเธอทำตามใจของตัวเองในตอนนี้
เรื่องยุ่งยากต้องตามมาแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น…เรื่องจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้านั้น…เธอยิ่งไม่ควรบอกกับใคร ยิ่งเป็นครอบครัวของเธอแล้ว…ยิ่งต้องเก็บปากให้เงียบ
แต่เรื่องจะเงียบได้นานมากแค่ไหน ถ้าหากวันนั้นสามีทิพย์ปรากฏตัวขึ้น มันจะเป็นเช่นไรเขาจะยอมหย่าขาดกับเธอง่ายๆ เหมือนตอนที่จดทะเบียนสมรสกันหรือไม่
พลอยรินเดินทางกลับบ้านในช่วงค่ำ เธอมองเห็นรถยนต์ที่คุ้นตา พร้อมกับร่างของพี่สาวที่นั่งอยู่บนโซฟา สายตาของสายฝนมองมาที่พลอยรินอย่างเฉยชา ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงความเงียบเพียงเท่านั้น
“พี่ฝน กลับมาแล้วเหรอคะ”
“ก็เห็นอยู่จะถามทำไม…หยุดสร้างปัญหาได้ไหม โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วนะ” นี่ก็เป็นอีกคนที่เข้มงวดกับเธอ แต่ไม่เท่ากับสายฟ้า
“พลอยไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นนะคะ พี่ฝน….เชื่อพลอยนะคะ” เสียงออดอ้อนของพลอยรินดังขึ้น
“พอๆ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำอยู่ใช่ไหม…อย่าทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง..แล้วนี่จะไปทำงานตอนไหนกลับมาได้หลายอาทิตย์แล้วนะ”
“พี่สายฟ้าบอกให้พลอยอยู่บ้านไปก่อนช่วงนี้ ยังมีนักข่าวตามพลอยอยู่ค่ะ”
“แต่ที่เห็น…ก็ออกไปเล่นข้างนอกทุกวัน…”
“พี่ฝน…พลอยไม่ได้ออกไปเล่น พลอยไปเก็บของช่วยเพื่อน นาจะกลับไปอยู่บ้านแล้ว…มีอีกอย่างที่พลอยอยากบอก…พลอยจะไปเที่ยวที่บ้านของนาสักหลายเดือนหน่อย”
“ก็แล้วแต่ แต่ไม่ให้เงินไปหรอกนะ” สายฝนเอ่ยขึ้น เพราะเธออยากดัดนิสัยของพลอยริน น้องคนเล็กของบ้านถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนหึงหวงเธอเหมือนกับไข่ในหิน
“ได้ค่ะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พลอยจัดการเองค่ะ” พลอยรินเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศเธอก็ได้เงินจากการทำงานของตัวเองเช่นเดียวกัน
“วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน แม่กับพ่อไปเที่ยว ส่วนสายฟ้าก็ไม่อยู่บ้าน กลับมาบ้านก็เงียบเหมือนป่าช้า” สายฝนบ่นเล็กน้อย เมื่อกลับมาถึงบ้านไม่พบใคร
“เราไปหาของกินข้างนอกกันดีไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ..จะอาบน้ำนอนแล้ว ถ้าอยากกินข้าวก็เจียวไข่แล้วกัน มาม่าก็มีนะตามสบายเลย” สายฝนเอ่ยกับน้องสาว เธอเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน
ถ้าหากคนอื่นไม่รู้จักนิสัยของสายฝนแล้ว จะมองว่าเธอพูดจาห้วนไม่เหมาะสมกับหน้าตาสวยๆ ถึงการกระทำที่แสดงออกจะเย็นชาไปหน่อย แต่สำหรับพลอยรินที่พบเจอมาตั้งแต่เกิดย่อมรู้ดีว่านิสัยของพี่สาวเป็นเช่นไร
ถึงปากจะหนักและตรงจนเกินควร แต่เมื่อเธอมีปัญหาคนที่ออกตัวปกป้องก็จะเป็นสายฝนทุกครั้ง ปากบอกไม่สุดท้ายก็ช่วยเหลือน้องสาวเสมอ