ร่ำสุราคืนยาดอง
พุทธศักราช 2535
(เป็นนิยายกึ่งปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการของนักเขียนเองทั้งสิ้น มีการแบ่งแยกเขตแดนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งทั้งหมดที่เขียนลงไปเป็นเพียงโลกอีกใบที่ไรต์สร้างขึ้นเท่านั้น อาจมีการใช้ภาษาหรือเครื่องใช้สมัยปัจจุบันร่วมด้วย ไม่ได้มีหลักการที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ดราม่ากันน้าาา~ ขอคนที่ไม่ซีเรียสในจุดนี้เนาะ ถ้าพร้อมแล้วไปสนุกกันได้เลยจ้าาา)
เมื่อโลกหมุนเวียนมาถึงยุคแห่งคนพาล ปีศาจร้ายที่กระหายอำนาจทั้งหลายต่างแกร่งแย่งชิงดินแดนกันอย่างเหี้ยมโหด เหล่ามนุษย์ถูกครอบงำไปด้วยบารมีของเงินตรา จนหลงลืมความยุติธรรมไปจนหมดสิ้น…
มนุษย์ทุกคนล้วนถูกปรุงแต่งไปด้วยความกลัวภายในจิตใจ อยู่ที่ใครจะถูกผสมไปมากน้อยเพียงใด แต่กับผม ไอ้อัถ นักเลงคุมเมืองย่านพระนครที่น่าเกรงขาม ไม่เคยมีคำว่ากลัวอยู่ในหัวสมอง ผมบ้าระห่ำและเด็ดขาดอยู่เสมอ ด้วยนิสัยไม่ยอมคนและไม่สนความตายทำให้ผมมายืนอยู่บนจุดนี้ ถึงผมจะเป็นนักเลงก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ผมปกครองที่นี่อย่างสันติสุขเสมอมา ย่านนี้ไม่เคยมีเหตุก่ออาชญากรรมใด ๆ ทั้งสิ้น พวกมันรู้ดีว่าที่นี่คือถิ่นของผม แล้วถ้าใครมันคิดที่จะลองดี ก็มักจะมีจุดจบที่น่าเวทนาทุกราย
“ลูกพี่ ไอ้ศิวะมันส่งลูกน้องเข้ามาเจรจาอีกแล้ว”
เสียงไอ้บอมลูกน้องคนสนิทของผมร้องบอกก่อนที่จะโยนชายชุดสูทสีดำสองคนที่ร่างสะบักสะบอมมานอนแผ่หลาตรงหน้าผม
ไอ้ศิวะ มันคือมาเฟียที่ขึ้นชื่อความโหมเหี้ยมไม่ต่างจากผม มันขยายอาณาเขตมาเรื่อย ๆ จนถึงย่านพระนคร แล้วมีแพลนจะสร้างโกดังเก็บอาวุธที่นี่ด้วยทำเลที่ตั้ง และความสะดวกหลาย ๆ อย่าง แต่ถ้าผมปล่อยให้มันทำอย่างนั้น ชาวบ้านในระแวกนี้จะอยู่กันยังไง ในเมื่อที่แห่งนี้ก็เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านเช่นกัน
ไอ้ศิวะมันระวังตัวมาก ผมเคยเจอมันแค่ในรูปที่ลูกน้องส่งมาให้ดูเท่านั้น แต่ไม่เคยเจอตัวจริงมันสักครั้ง เพราะมันไม่เคยย่างกรายเข้ามาในเขตนี้ ส่วนมากจะส่งลูกน้องมาสอดแนม หรือไม่ก็ส่งลูกน้องเข้ามาเจรจาเหมือนรอบนี้
หึ! ขี้ขลาดตาขาว มึงมันไม่แน่จริงนี่หว่า
ผมพ่นควันบุหรี่สีขาวออกปากด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนจะเขี่ยปลายบุหรี่ลงพื้นแล้วย่อตัวไปกระชากคอเสื้อหนึ่งในไอ้หมารับใช้เข้ามาประชิดตัว
“มึงกล้ามากไอ้ลูกหมาที่เข้ามาในเขตกู แต่ทำไมนายของพวกมึงถึงกระจอกจังวะ แค่เข้ามาคุยเองยังไม่กล้า หดหัวอยู่ในกะลาทำไม”
ผมไล่ปลายบุหรี่ร้อน ๆ ที่ข้างแก้มจนมันรีบยกมือไหว้ขอชีวิตอย่างลนลาน
“ผะ ผมกลัวแล้วครับ อย่าทำอะไรผมเลย ผมแค่มาส่งสาร”
มันลุกลี้ลุกลนรีบหยิบซองสีขาวในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้ผม
พรึบ!!
“กูไม่รับ!”
ผมตะคอกใส่หน้ามันเสียงดังลั่นก่อนจะปัดซองจดหมายลงพื้นแทบจะทันที แล้วไม่ลืมที่จะถุยน้ำลายใส่ไอ้กระดาษโง่ ๆ ที่ถูกส่งมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะแยแส
“กลับไปบอกนายมึง ว่าอย่ามัวอ้อมค้อม อยากคุยก็เข้ามาหากูตัวต่อตัว”
สิ้นประโยคผมก็จี้ปลายบุหรี่ที่ยังติดไฟลงบนหลังนิ้วกลางของมัน
“อ้ากกกก!!”
คนตรงหน้าดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ถูกพวกลูกน้องผมล็อกตัวเอาไว้ไม่ให้มันดิ้นหนีไปไหน
“กลับไปชูรอยที่นิ้วให้นายมึงดู บอกมันด้วยว่าของฝากจากกู”
ผมว่าก่อนจะเดินเข้ามานั่งเช็ดมีดต่อที่โต๊ะ ทิ้งไอ้สองตัวนี้ให้มันโดนลูกน้องผมยำจนน่วมก่อนจะเอาไปส่งคืนนายของพวกมัน
“ลูกพี่ มันมาหยามเราหลายรอบแล้วนะ หรือว่าเราจะไปหยามมันคืนบ้าง” ไอ้เข้มเดินเข้ามาเสนอด้วยสีหน้าพร้อมบวกเต็มที
“ใจเย็นก่อน คนของเรามีน้อยกว่ามันมาก บุกไปก็มีแต่เสียกับเสีย งานนี้ใช้กำลังเหมือนทุกรอบคงไม่ได้ เราต้องวางแผนให้รัดกุม”
พวกไอ้ศิวะมันขยายอาณาเขตมาจากแดนไกล คนของมันมีกระจายอยู่ทุกพื้นที่ ผมไม่อยากเอาลูกน้องเข้าไปเสี่ยง เพราะรู้ดีว่าโอกาสแพ้สูงมาก แต่ถ้าจัดการนายของมันได้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
“แล้ววันนี้เราจะไปร้านเฮียก้งปะลูกพี่ ผมล่ะเปรี้ยวปาก มัวแต่ซ้อมรับมือหนักทุกวันไม่ได้ผ่อนคลายเลย”
ไอ้บอมเอ่ยชักชวนก่อนจะทิ้งท่อนเหล็กอันใหญ่เท่าหัวหมาในมือลงแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้ามานวดไหล่ให้ผมอย่างเอาใจ
ร้านเฮียก้งคือร้านยาดองประจำที่พวกผมชอบไปกินเลี้ยงสังสรรค์กัน ที่นั่นมีเหล้ารสชาติถูกปาก และบรรยากาศดี ๆ ถือได้ว่าเป็นจุดขายของย่านพระนครเลยก็ว่าได้
“จริงลูกพี่ นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้ออกไปดื่มกันเลย”
ไอ้เข้มว่าพร้อมกับเดินเข้ามานวดขาผมอย่างเอาใจผมอีกคน
ก็จริงอย่างที่พวกมันว่านั่นล่ะครับ ตั้งแต่ไอ้ศิวะเข้ามาประชิดเขตแดนผม พวกเราก็มัวงุ่นอยู่แต่กับพวกอุปกรณ์ต่อสู้ และการเตรียมพร้อมร่างกาย ไม่ได้พักกันเลยซักวัน เห็นทีคราวนี้คงต้องตามใจพวกมันสักหน่อย
“ไปก็ไป กูก็เปรี้ยวปากเหมือนกัน”
“เยส!!”
“เฮ่!! เย่!!”
พวกลูกน้องผมดีใจกันยกใหญ่ ต่างกระโดดโลดเต้นราวกับรอเวลานี้มาเนิ่นนาน เห็นอย่างนี้ผมก็ถึงกับส่ายหัวพัลวัน พวกมึงนี่น้าา~
หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จ พวกผมก็แห่มาร้านเฮียก้งกันทันที
“เต็มที่เลยเว้ย วันนี้กูเลี้ยงเอง!”
ผมชูแก้วเป๊กกระดกม้ากระทืบโรงเข้าปากรวดเดียวหมดจนรู้สึกร้อนซู่ซ่าไปถึงกระเพาะ
“วู้วววววว!!”
ลูกน้องผมนับร้อยคนต่างยกแก้วเหล้าเข้าปากด้วยความกระหาย
“อ๊าาาา!! มันถึงใจจริง ๆ เลยเว้ย”
ไอ้บอมตะโกนออกมาพร้อมกับทำท่าทางคึกคักสุดฤทธิ์
“บรื๊ออออ!! ของเขาดีจริง ๆ ว่ะ” ไอ้เข้มยืนยันอีกคน
“ขอบคุณมากนะลูกพี่ที่พาพวกผมมา ไม่งั้นได้ลงแดงตายแน่ ๆ”
“ลูกพี่จงเจริญ ๆ ๆ”
ลูกน้องผมทุบโต๊ะพร้อมกับตะโกนโห่ร้องสรรเสริญผมจนเสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“เต็มที่เลยเว้ย แล้วถ้าเราจัดการไอ้ศิวะได้เมื่อไหร่นะ กูสัญญาเลยว่าจะพาพวกมึงมาจัดให้หนักกว่านี้สิบเท่า!”
ผมยืนขึ้นแล้วประกาศกร้าวออกไปให้ลูกน้องได้ยินโดยทั่วกัน
“เฮ่!!!”
ผมกับพรรคพวกดื่มกันอย่างกระหาย ในแดนนี้มีแต่ชายชาตรีถอดเสื้อดื่มยาดองกันอย่างป่าเถื่อน ถ้าใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้คงต้องรีบวิ่งแจ้นหนีเป็นแน่
“เฮีย จัดม้ากระทืบโรงมาอีกชุด!”
ผมตะโกนสั่งเฮียก้งหลังจากที่เทยาดองหยดสุดท้ายลงแก้ว
“ไอหยา อาอัถ อั๊วต้องขอโทษจริง ๆ นา วันนี้ม้ากระทืบโรงหมดพอดี อั๊วไม่รู้จริง ๆ ว่าลื้อจะมาวันนี้เลยไม่ได้สำรองไว้น่ะซี่”
ชายหัวโล้นแต่เคราสีขาวกลับยาวมาถึงคอเอ่ยอย่างร้อนรนใจ
“โห่!!! อะไรวะเฮีย ไม่รู้จักเตรียมความพร้อมเลย”
ไอ้เข้มเริ่มโวยวายหลังจากที่มันดื่มเข้าไปอยู่หลายชุดจนเสียงเริ่มยานคาง
“อย่าเพิ่งโวยวายซี่ อั๊วมียาดองตัวใหม่มานำเสนอ แต่ว่ามีแค่ชุดเดียวนา แรงเอาเรื่องเชียวล่ะ ดื่มแล้วลื้อต้องหาที่ลงเลยนา ไม่งั้นคึกทั้งคืนนอนไม่ล่าย”
“อะไรก็เอามาเถอะเฮีย”
ผมรีบปัดมือไล่ให้แกไปเอาเหล้ามาไว ๆ เพราะผมค่อนข้างคอแข็ง เหล้าที่ดื่มเข้าไปเหมือนจะยังไม่ถึง ทั้งที่ลูกน้องผมเริ่มเมาคอพับกันหมดแล้ว
“จัดไปปป!!”
เฮียก้งพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในร้านก่อนจะเดินกลับมาพร้อมโถยาดองสีแดงที่มีตัวยาด้านในโถเยอะแยะเต็มไปหมด
เฮียก้งเทยาดองลงใส่แก้วให้ผมอย่างบรรจงก่อนจะยื่นมาวางตรงหน้าผม
ผมก็ไม่รอช้ารีบกระดกน้ำสีแดงในแก้วเล็กกรอกลงปากรวดเดียวหมด
“อ๊าาาา!!”
ผมพ่นลมออกจากท้องเมื่อรู้สึกร้อนไปถึงข้างใน ถึงจะไม่เคยกินมาก่อนแต่ก็รับรู้ได้ว่าไอ้เหล้านี่มันแรงเอาเรื่องเชียวล่ะ
“เป็นไงบ้าง ลื้อชอบมั้ย?”
เฮียก้งยื่นหน้าเข้ามาถามผมด้วยสายตาลุ้นระทึก พร้อมกับไอ้บอมและไอ้เข้มที่นั่งจ้องรอฟังคำตอบเช่นกัน
ปัง!!
ผมวางแก้วลงกระทบโต๊ะเสียงดังสนั่นจนเฮียก้งสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“จัดมาอีกเฮีย!!”
“ฮ่า ฮ่า อั๊วบอกแล้ว ถ้าไม่ใช่ลื้ออั๊วไม่ยอมขายให้เลยนาโถนี้น่ะ”
เฮียก้งเทเหล้าใส่แก้วให้ผมแก้วแล้วแก้วเล่าจนเหล้าหมด ส่วนไอ้เข้มกับไอ้บอมมันเมาคอพับไปตั้งแต่สองแก้วแรกแล้ว
“เฮ้ยพวกมึง ตื่น ๆ กลับไปนอนได้แล้ว”
ผมตบมือเรียกให้พวกมันฟื้นจากฤทธิ์ของยาดอง ก่อนพวกมันจะลุกขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซกลับบ้านไป
ทำไมอยู่ ๆ ผมถึงรู้สึกแปลก ๆ วะ รู้สึกร้อนจนอยากจะแก้ผ้าตรงนี้เลย แถมยังรู้สึกมึนหัวตาลาย ๆ ภาพตรงหน้ามันเบลอไปหมด ปกติเหล้าแค่นี้ไม่น่าจะทำให้ผมเมาขนาดนี้ได้
“ไอ้เข้ม กลับเว้ย!”
ผลัก!!
ผมว่าก่อนจะถีบไอ้เข้มที่นั่งเซไปเซมาบนเก้าอี้หงายหลังล้มลงพื้น
“โอ๊ย!! ใครวะ”
มันลุกขึ้นมาชี้ซ้ายชี้ขวาหาต้นตอที่ทำให้มันต้องเจ็บตัว
แปะ!!
“ลูกพี่ทำเว้ย!”
ไอ้บอมว่าพร้อมกับวาดฝ่ามือลงกลางกระบาลมันอย่างจัง ส่างเมาสองเด้งไปเลยสิมึง
“ลูกพี่ จะกลับแล้วหรอออ”
“เออ กลับดิ มึงจะอยู่หาพระแสงอะไรล่ะ”
“แล้วลูกพี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ?”
“รู้สึกอะไรวะ” ผมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“ก็…รู้สึกเ****นไงลูกพี่”
ไอ้เข้มกระซิบเสียงแผ่วเบาทั้งที่ยืนอยู่กันแค่สามคน เพราะลูกน้องคนอื่น ๆ ต่างทยอยกลับกันไปหมดแล้ว
“ใช่ ๆ ลูกพี่ ผมก็รู้สึก สงสัยยาดองขวดพิเศษของเฮียก้งจะออกฤทธิ์แล้วล่ะ”
น่าจะจริงอย่างที่พวกมันบอก เพราะผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบภายในตัว แถมรู้สึกเหมือนแท่งเอ็นด้านล่างเริ่มขยายใหญ่ดันเป้ากางเกงจนตุงออกมา
“งั้นมึงโทรเรียกเด็กให้กูหน่อยละกัน”
ผมมักจะใช้วิธีการเดิมเสมอเมื่อต้องการหาที่ลง มีผู้หญิงที่เข้าหาผมและพร้อมเสนอตัวให้ไม่ขาดสาย จึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากถ้าผมต้องการที่จะปลดปล่อย
“ได้ไงล่ะลูกพี่ อุตส่าห์มาถึงที่แล้ว”
“ที่อะไรวะ” ไอ้เข้มชิ่งเอ่ยถามตัดหน้าผม
“เอ้า ก็ร้านเจ๊ดาวยั่วไง”
ไอ้บอมชี้มือไปที่ตึกสูงตรงข้ามร้านยาดองที่พวกผมนั่งอยู่
“ร้านอะไรวะ”
ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ผมมองตามที่มันชี้พร้อมกับสำรวจตึกสูงนี้อย่างพิจารณา ตึกสีแดง ตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ดูแล้วเชยเป็นบ้า แต่ก็ดูน่าค้นหาในคราเดียวกัน
“ซ่องไงลูกพี่”
“ห้ะ! แถวนี้มีซ่องด้วยหรอวะ?”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแถวนี้มีอะไรแบบนี้ด้วย เพราะปกติจะให้ไอ้บอมหาเด็กไปส่งให้ถึงที่ตลอด
“มีดิพี่ ที่นี่เด็ดสุดในย่านเลยล่ะ”
ไอ้บอมยกนิ้วโป้งพร้อมกับทำหน้าเชื้อเชิญสุดขีด
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาลองอะไรแบบนี้ แต่ก็คงได้อารมณ์ไปอีกแบบ รู้ตัวอีกทีพวกผมสามคนก็มายืนอยู่ในตึกเสียแล้ว
“เอ้าา! สวัสดีจ๊ะพ่ออัถรูปหล่อ ลมอะไรหอบมาที่นี่ได้จ๊ะเนี่ย”
สาวประเภทสองร่างบางสวมชุดกี่เพ้าสีแดงเดินเข้ามายกมือสวัสดีผมอย่างสนิทสนม แกคงเป็นเจ้าของร้านที่ชื่อดาวยั่วตามที่ไอ้บอมบอกสินะ
“เจ้ ลูกพี่ผมเขาอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศดูน่ะ วอนเจ้จัดชุดใหญ่ให้หน่อยละกันนะ”
ไอ้บอมรีบเสนอแนะ
“ว้าววว!! ได้เลยค่ะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง พ่ออัถอุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว งั้นเชิญที่ด้านบนเลยจ๊ะ ห้องวีไอพี ชั้นที่สูงที่สุด มีห้องเดียวบนชั้น เดี๋ยวเจ้จะส่งเด็กแจ่ม ๆ เข้าไปซักสองสามคน รับรองถึงใจแน่นอน”
เจ้ดาวยั่วทำตาลุกวาวเป็นประกาย พร้อมกับเดินมาลูบไล้แขนผมอย่างเอาใจ
เมื่อได้ฟังดังนั้นแท่งเอ็นด้านในกางเกงผมก็แทบจะดันทะลักออกมาแล้ว สองสามคนงั้นหรอ?
ผมชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วสิ