บทนำ
“น็อต นั่นพี่ชายนายนี่”
“งั้นสิ”
คนใส่แว่นกันแดดยืนล้วงกระเป๋าพยักหน้าทื่อๆ แล้วรีบหันไปยกกระเป๋าสองใบใหญ่ไปหาผู้ชายร่างสูงโปร่งทว่าดูกำยำที่ลงจากรถแล้วก้าวตรงมาหาพวกเธอ
หญิงสาวที่กำลังอึ้งกลืนน้ำลาย รู้สึกเหงื่อซึมและก้าวขาไม่ออกขึ้นมา เธอคว้าแขนเพื่อนมาถามต่อไม่ได้ ไม่อยากทำตัวให้ดูผิดปกติ จำต้องเดินตามอีกฝ่ายไปยกมือไหว้พี่ชายของเขา หลังจากสองหนุ่มกอดทักทายตามประสาพี่น้องแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่พี”
“ครับ สวัสดีครับรัน”
ในแวบแรกที่สบตามิรันตีก็ใจเต้นรัวก่อนจะหลบสายตาคู่คมเข้ม ยังจดจำได้ถึงดวงตาแข็งกร้าวกับน้ำเสียงเข้มที่ดุกว่านี้ และก็ทำให้เธออายอย่างที่สุดในชีวิต
สามปีที่แล้วงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆ ของนิติพลที่ปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งเลี้ยง มิรันตีเมามาก เธอไม่ได้ตั้งใจดื่มแต่เพื่อนของชายหนุ่มที่สนใจเธอต่างก็เข้ามาชวนดื่ม เพราะไม่อยากให้งานกร่อยและนิติพลอาจผิดใจกับเพื่อนบางคนที่คิดว่าเธอหยิ่ง หญิงสาวจึงไม่ปฏิเสธ ที่สำคัญเจ้าของวันเกิดก็แทบเดินไม่เป็นเช่นกัน พีรพลพี่ชายของเขาจึงเป็นคนพาชายหนุ่มกับเธอไปส่งที่คอนโดของนิติพล
และมิรันตีก็ทำในสิ่งที่เวลาปกติตนคงไม่กล้าทำ นั่นก็คือกอดคอดึงพีรพลซึ่งอุ้มเธอเข้าไปนอนในห้องน้องชายเข้ามาจูบ ไม่ใช่จูบที่ดีหรือน่าจดจำเพราะเธอจูบไม่เป็น แต่ที่แย่กว่าคือสิ่งที่เธอสารภาพออกไปหลังจากชายหนุ่มจับไหล่เธอดันออก
‘รันรักพี่พีค่ะ’
‘รันเมา พี่เข้าใจ’
เขากดเธอให้นอนลงแล้วจะผละไปแต่หญิงสาวดึงแขนรั้งไว้ไม่ยอมปล่อย
‘เพราะเมา...รันถึงกล้าสารภาพว่ารักพี่พี...’
‘เพราะเมา ก็เลยกล้าหักหลังน็อตด้วยใช่ไหม’
พีรพลถามขณะมือหนาจับข้อมือเธอบีบแล้วดึงให้ปล่อยแขนเขาจนเธอเจ็บร้าว
‘แต่ขอโทษที พี่ไม่คิดหักหลังน้องชายตัวเอง’
ชายหนุ่มพูดเสียงดุเข้ม เวลานั้นมิรันตีมึนมากเพราะความเมาพยายามจะขยับตัวตามอีกฝ่ายก็ไม่ไหว ต้องทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับความไม่เข้าใจในสิ่งที่พีรพลพูดแต่ไม่นานก็หลับไป
ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพีรพลยังทำอาหารเช้าให้นิติพลกับเธอที่ตื่นสายมากเพราะเมาทั้งคู่ คอนโดมีสองห้องเพราะพีรพลเคยอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งสองหนุ่มนอนที่ห้องเก่าของพีรพล และแม้จะปวดหัวมากมิรันตีกลับจำสิ่งที่ตัวเองทำได้ทันทีที่เห็นหน้าชายหนุ่ม ทำเอาแทบไม่กล้ามองเขาอีกเลย กระทั่งช่วงสายพีรพลที่มาเยี่ยมครอบครัวและร่วมงานวันเกิดน้องชายก็กลับต่างจังหวัด
‘ยังปวดหัวอยู่เหรอ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้แน่ะ’
นิติพลถามขึ้น อีกฝ่ายของีบต่อจนบ่ายแก่แล้วจึงขับรถมาส่งเธอ ขณะที่มิรันตีนั่งครุ่นคิดเคร่งเครียดตลอดวัน ทั้งปวดหัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำพิษพร้อมทั้งเสียใจและอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
‘นายเคยพูดอะไรแปลกๆ เรื่องของเรากับพี่พีหรือเปล่า’
‘ทำไมเหรอ’
‘ฉันเมามาก แต่ก็คงพอบอกทางไปอพาร์ตเมนต์ฉันได้ แต่พี่พีพาฉันมานอนห้องนายโดยไม่ถามสักคำ’
เธอคิดมาทั้งวันแล้วว่าจุดนี้ก็น่าแปลก และท่าทางของนิติพลก็ดูอึกอักในทันทีก่อนหันมายิ้มเจื่อนให้หลังหยุดรถที่ติดไฟแดง
‘เอ่อ พี่พีเข้าใจว่ารันคบกันเราน่ะ’
‘อะไรนะ!’
มิรันตีอุทานลั่นรถอย่างไม่อยากเชื่อ
‘แต่นาย...’
‘ใช่...เพราะงั้นแหละ เราก็เลยใช้รันเป็นข้ออ้างตอนที่พี่พีโทรมากะทันหันบอกว่าจะมาพักที่คอนโด แต่ตอนนั้นเราอยู่กับแฟนพอดี พี่พีก็เลยเปิดห้องที่โรงแรมใกล้ๆ แทน’
เธอเงียบไปด้วยความอึ้ง ขณะที่อีกฝ่ายจับมือเธออย่างออดอ้อน
‘เราขอโทษ’
‘ให้ตายสิ ไอ้บ้าน็อต’
มิรันตีสะบัดมือสะบัดหน้าหนีน้ำตาไหลอย่างโมโหแต่ก็รีบปัดทิ้ง ไม่พูดไม่อธิบายอะไรแม้ว่านิติพลจะพยายามถาม ง้อและเอาอกเอาใจอย่างไร
นับแต่นั้นมาเธอก็เลี่ยงที่จะพบหน้าพีรพลหากรู้ว่าเขาลงมากรุงเทพฯ วันเกิดนิติพลก็อ้างว่าไม่ว่างเสมอ มิรันตีคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็อยู่ไกล ไม่มีโอกาสได้เจอกันง่ายๆ ให้เธอต้องอายมองหน้าเขาไม่ติด
ครั้งนี้เธอไม่ทันคิดว่านิติพลจะนัดพี่ชายเอาไว้ กระทั่งลงเครื่องมาจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าจังหวัดที่พีรพลมาอยู่นั้นคือเชียงราย แอบหวั่นในใจจนเมื่อเห็นร่างสูงกำยำลงจากรถยืนยันความวิตกก็ครอบงำจิตใจทันใด
‘ไอ้น็อต ไอ้เพื่อนบ้ามันเล่นฉันอีกแล้ว’