1. สวยแบบเฉิดฉาย
เสียงคลื่นน้ำทะเลซัดสาดเข้าฝั่งดัง ซ่า ๆ เป็นระยะ ทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานอย่างเหนื่อยล้า
หาดทรายขาวละเอียดนวลตา พานทำให้ฝ่าเท้าที่ได้เหยียบย่ำรู้สึกราวกับสัมผัสปุยนุ่น
ผ้าบาง ๆ ปูบนทรายแล้วนอนหงายใช้สองมือหนุนศีรษะไว้ นัยน์ตาทอดมองท้องฟ้ายามสาย ทอประกายวาววับจับฟากฟ้า มีเมฆสีขาวพาดผ่านเป็นกลุ่มก้อน ทำให้รู้สึกราวกับได้ปล่อยวางสิ่งที่เครียดสะสมมานาน
“เฮ้อ...รู้สึกสบายตัวจัง” หญิงสาวสวยคมคนหนึ่งในชุดว่ายน้ำที่กำลังนอนรับลมบนเสื่อที่ปูผืนบนทรายขาวละเอียด รูปร่างที่ดูแลมาอย่างดี ทรวดทรงราวกับพระเจ้าปั้น หากใครเดินผ่านไปมาก็อดที่จะเหลียวมองไม่ได้ แม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน
เธอลุกขึ้นหยัดแขนไปด้านหลัง ทอดสายตามองไปยังผืนทะเลสีครามตรงหน้า ก่อนจะฉายรอยยิ้มออกมาด้วยใจที่เบิกบาน
“วันหยุดมันก็ต้องแบบนี้สิ ปลีกวิเวกออกมารับลมทะเล ได้แต่งตัวสวย ๆ กินอาหารอร่อย ๆ และตัดขาดจากที่ทำงาน” จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืดตัวไปมา ก่อนจะตั้งท่าจะวิ่งลงไปเล่นน้ำในทะเลที่กว่าเธอจะหาเวลาลาพักได้มันไม่ง่ายเลย
“เอาละนะ...1...2...สะ...”
(Rrrrrrr)
ร่างกายเธอที่กำลังจะก้าวขาพานหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดในวันหยุดของเธอแบบนี้ ใบหน้าหุบยิ้มสองมือปิดหูไม่อยากรับรู้ ทว่าได้แต่ภาวนาในใจให้มันเป็นเพียงพวกขายตรงโทรมาเท่านั้นและปล่อยให้มันดับไปเอง
แต่ไม่เลย มือถือเธอไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลง และยังคงมีคนกระหน่ำโทรหาเธอไม่หยุด
หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าอันสดใส ทว่าตอนนี้มันดันตรงกันข้ามกับอารมณ์ของเธอนัก
เธอเดินกลับไปที่กระเป๋าอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมาดู
“ให้ตายเถอะ วันหยุดแท้ ๆ ยังตามราวีกันอยู่ได้ ทำกันเองไม่เป็นรึไง อยากจะบ้า” หญิงสาวสถบหยาบออกมาด้วยอารมณ์หัวเสียที่สุดในรอบเดือน เพราะกว่าเธอจะได้มีเวลาพักผ่อนแบบนี้ไม่ง่ายเลย แต่ถามว่าจะเลี่ยงรับสายได้ไหม ก็ตอบว่าไม่ ทำไมงั้นเหรอ เอาเป็นว่าให้เจ้าตัวอธิบายเองจะดีกว่า
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ เรนนี่ อายุ 30 ต้น ๆ (30แล้วไงข้องใจเหรอคะ) แต่ก็ยังโสดสวยแบบเฉิดฉาย เพราะฉันมีความสุขกับการทำงานมาก ๆ เลยค่ะ มีความสุขกับการทำงานมากเสียจนไม่มีเวลาหาใครเลยนะเอาจริง (ซึ่งมันดีรึเปล่านะ...)แต่ไม่ต้องห่วงหรอกฉันวางแผนสำรองเตรียมเงินไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตในบ้านพักคนชราแล้วล่ะ ถ้าหาผัวไม่ได้
ตอนนี้ทำงานเป็น Cybersecurity Analyst ถ้าพูดให้เข้าใจก็ นักวิเคราะห์ความมั่นคงไซเบอร์ ซึ่งทำงานให้รัฐบาลประเทศนี้แหละค่ะ
หากอยากรู้ว่ามันสำคัญยังไง พูดง่าย ๆ ก็เฝ้าระวัง วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่คุกคามมายังประเทศนี้แหละ เป็นไงฟังแล้วสุดยอดไหมคะ
ใช่ค่ะ แม้มันจะสุดยอด แต่งานมันก็ต้องจัดการให้ทันท้วงที เพราะหนึ่งวินาทีหากประเทศถูกโจรกรรมข้อมูลไป นั่นอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้เลยนะคะ อย่างกับตอนนี้ที่ฉันกำลังจะเจอ
“โทรมาทำไม บอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าวันนี้วันลาหยุด ทำกันเองไม่ได้รึไงคะ” เมื่อเห็นว่าปลายสายคือเบอร์ของแผนกที่ฉันสังกัดอยู่ และฉันก็มีอำนาจสุดในนั้นจะเกรงกลัวทำไม
(เรนนี่ ขอโทษที่ต้องรบกวนวันหยุดของคุณ แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องด่วนระดับชาติจริง ๆ ทีมต้องการคุณนะ) เสียงผู้อาวุโสที่ฉันคุ้นเคย ทำเอาฉันต้องมองเบอร์ที่โทรมาอีกครั้ง ‘ทำไมเป็นท่านโทรมาได้เนี่ย’ ทำเอาฉันสะดุ้งเปลี่ยนน้ำเสียงในการสนทนาทันที
“ผอ. เหรอคะ เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงรึเปล่าคะ ท่านถึงโทรหาเรนนี่ด้วยตัวเองแบบนี้”
(เกิดเรื่องใหญ่รัฐบาลถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ ข่มขู่ว่าสามารถแฮกข้อมูลของประชาชนไปกว่า 50 ล้านคนตอนนี้วุ่นวายกันใหญ่)
“แล้วจัดการกันไม่ได้หรือว่ายังไงคะ”
(ก็ประมาณนั้นตอนนี้ทางทางรัฐบาลเองก็จับตามองการจัดการปัญหาด้านนี้ของหน่วยงานเราอยู่ เรนนี่คุณเป็นแฮกเกอร์มือทองของหน่วยงานเรานะ)
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเรนนี่จะรีบกลับทันที แต่ว่าระหว่างเดินทางเรนนี่จะตรวจสอบข้อมูลไปด้วย ท่านผอ. ช่วยให้คนในหน่วยงานส่งรายละเอียดของการโจรกรรมข้อมูลครั้งนี้มาให้เรนนี่ด้วยนะคะ เดี๋ยวเรนนี่จะจัดการเท่าที่ทำได้จากโน๊ตบุ๊คตัวเอง”
(ขอบใจมาก เหนื่อยหน่อยนะ)
“ไม่เป็นไรค่ะท่าน มันคือหน้าที่ค่ะ”
(...) ผอ. ของหน่วยงานที่ฉันสังกัดวางสายลง
“เฮ้อ...ไอ้บ้าเอ้ย...วันหยุดที่แสนวิเศษของฉันมันพังทลายแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย”
ฉันนั่งตรวจสอบเคสด่วนระดับชาติที่เกินขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระดับนี้ ฉันรับประกันแม้แต่แฮกเกอร์ระดับโลกยังเจาะอยาก แล้วมันหลุดออกไปได้ยังไง” ฉันค่อนข้างเคร่งเครียดและพยายามตรวจสอบไฟล์ว่ามันรั่วไหลออกจากระบบใดกันแน่ และประสานฝ่ายหนึ่งเพื่อสั่งการให้ปิดการเข้าถึงข้อมูลโดยด่วน
กว่าจะขับออกจากทะเลมาจนถึงหน่วยงานที่ฉันทำอยู่ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง
“ฮือ...วันหยุดที่แสนวิเศษของฉันมันจะจบลงแล้วเหรอเนี่ยให้ตายเถอะ”
ฉันคว้ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คประจำตัวสะพายไว้กลางหลัง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตึกสำนักงาน
“คุณเรนนี่มาแล้วพวกเรา” พนักงานฮือฮากันยกใหญ่ ฉันที่ตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าใคร แถมทุกครั้งที่เกิดปัญหาทุกคนก็มุ่งแต่จะรอให้ฉันจัดการอยู่คนเดียว
‘แล้วแบบนี้องค์กรจะพัฒนาไปได้ยังไง ถ้าคนอื่น ๆ ไม่พัฒนาฝีมือตามมา ทำงานมาหลายปีจน อายุเลข 3 ต้น ๆ วันหยุดให้ตัวเองนี่นับครั้งได้เลย ถึงฉันจะชอบทำงานก็เถอะ แต่ร่างกายมันก็ต้องการชาร์จแบตอยู่นะยะ’ ฉันบ่นพึมพำในใจ นี่ฉันกลายเป็นยัยแก่ขี้บ่นไปแล้วเหรอเนี่ย
“เรียกประชุมด่วน” เมื่อเข้ามาถึงห้องฉันตะโกนเรียกคนในฝ่ายที่รับผิดชอบกำลังวุ่นวายวิ่งไปวิ่งมา แก้ไขงานอย่างไม่เป็นระเบียบสะเปะสะปะ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ปรับไม่ได้สักที
ณ. ห้องประชุม
ฉันที่อยู่บนหัวโต๊ะเริ่มเปิดประชุม
“คุณวิทย์ที่ฉันส่งให้คุณตรวจสอบแกะรอยว่า ‘แฮกเกอร์’เป็นใครได้ความคืบหน้ารึยัง” ฉันหันไปมองชายคนหนึ่งที่ก้มหน้าขยับแว่นกรอบเงินเล็กน้อยและจดจ่อกับโน๊ตบุ๊คตรงหน้า ซึ่งเป็นมือขวาของฉัน
“พี่เรนนี่ ผมตรวจสอบเบื้องต้น จาก IP การเคลื่อนไหวจากโซเชียลแล้วครับ แต่ยังตามรอยไม่ได้เลยเขาปิดร่องรอยเก่งมาก”
“หื้ม” ฉันเลิกขมวดคิ้วหนัก มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันเจาะไปยังลักษณะการเขียนโค้ดที่แฮกเกอร์เขียนทับเพื่อข่มขู่รัฐบาล
“พี่เรนนี่ หรือว่าครั้งนี้ เราจะตามจับแฮกเกอร์ไม่ได้” เสียงของวิทย์เอ่ยขึ้นนั่นพานให้คนอื่นๆ แตกตื่นระงม เพราะถ้าขนาดวิทย์เอ่ยออกมาแบบนี้ พนักงานคนอื่นๆ ยิ่งขวัญเสีย
ฉันเองที่เป็นหัวหน้าแผนกนี้ ก็เครียดเหมือนกันนะ ถึงขนาดให้ผอ. โทรหาโดยตรงซึ่งถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่คงไม่มีทางจะลงมาจัดการแน่ แสดงว่ารัฐบาลจับตามองจริง ‘แต่เดี๋ยวก่อน ระบบการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แน่นหนาขนาดนี้ แต่หน้าจอที่เขียนทับกาก ๆ สามารถมาแทนได้หรือว่า...’
“คนใน...เป็นคนทำ” ฉันพึมพำออกเสียง และนั่นก็ทำให้คนในห้องประชุมเงียบ มองมาที่ฉันเป็นจุดเดียว
“พี่เรนนี่ เราลืมคิดตรงนี้ไปจริง ๆ ครับ”
“วิทย์ และก็คนอื่นๆ เราต้องเปลี่ยนแผนในการสืบค้นแล้วล่ะ จากที่เราจะหา ปลายทางเรามาหาต้นทางดีกว่า รีบไปหาว่ารหัสไหนได้รับอนุญาตให้สามารถเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลนี้ได้บ้าง แล้วแกะรอยทันที”
“รับทราบค่ะ/ครับ” ทุกคนเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อเริ่มเห็นแนวทางแก้ไข ฉันเองก็เริ่มหาหนทางที่จะคลี่คลายปมนี่ลงเหมือนกัน
ตอนแรกก็โมโหอยู่หรอกที่ต้องเสียงวันลาพักร้อนไป แต่เมื่อได้ลงสนามทำงานที่ไร ร่างกายก็ตื่นตัวซู่ซ่าทุกที เฮ้อ...นี่สินะ ชีวิตที่คงต้องทำงานไปจนตาย แม้จะมีเงินกองท่วมหัวแล้วก็ตาม (เพราะไม่มีเวลาได้ใช้มันไงล่ะ)