** คำเตือน❗️เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ขอให้ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ🩷
( เธอ มองเห็นฉันสินะ )
“ … ”
( ไม่เห็นหรอกหรือ นึกว่าที่เดินแก้ผ้าทุกวันตั้งใจจะอ่อยฉันซะอีก )
“ ไอ้! ”
( หึ เธอตกหลุมพรางฉันแล้วล่ะสาวน้อย )
“ แล้วไงฉันเห็นนายแล้วมันจะยังไง ”
( พูดคุยได้ด้วยแฮะ )
“ ฉันมีปากทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะอ่อยลุงด้วย ถึงอ่อยไปลุงก็ทำได้แค่มองเท่านั้นแหละ ”
( ฉันไม่ใช่ลุง ฉันเพิ่งจะสามสิบ )
“ เห็นหัวหงอกก็นึกว่าแก่แล้ว ”
หึยัยเด็กนี่
( เธอนี่มัน )
“ ออกไปได้แล้ว ฉันจะนอนแล้ว ”
( เห้อ ขอคุยด้วยหน่อย )
“ ไม่! ฉันจะนอน ”
( ทั้งๆที่คุยกับใครต่อใครข้างนอกบ้าน จนทำให้พวกนั้นตามติดกลับมาบ้านด้วยทุกวันแต่เธอกลับไม่คุยกับฉันที่อยู่กับเธอทุกวันน่ะนะ? )
“ หมายความว่ายังไง ถ้าตามติดจริงแล้วทำไมฉัน ”
( เพราะอะไรกันล่ะที่ทำให้เธอนอนหลับได้สบายใจอยู่ทุกวัน )
รอยยิ้มร้ายแสยะจากใบหน้าหล่อเหลา สายตาและท่าทางของเขามันบ่งบอกว่าเขาคือผู้ชนะในเกมนี้
“ คุณไล่? ”
( ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร? )
ไอ้ลุงหน้ามึนเลิ่กคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเชิงเป็นคำถามอย่างกวนๆ
“ ขอบคุณ ”
( สำนึกบุญคุณกับเขาก็เป็นนิ )
“ นี่! ”
( หรืออยากให้ไอ้เวรนั่นมันมาปกป้องเธอล่ะ ไอล่า )
“ คะ คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง ”
( ฉันมีหูไอล่า )
ก็จริงของเขา
“ ฉันนึกว่าคุณไม่สนใจเรื่องของมนุษย์แล้วซะอีก ”
( เพราะฉันคิดว่าคงไม่มีใครเห็นฉันยังไงล่ะไอล่า )
ฉันเห็นเขาอยู่มุมต่างๆของคอนโดอยู่ทุกวัน โดยแต่ละวันเขามีสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนไม่ได้มีบ่วงหรือทุกข์ใดๆ แต่นั่นก็ทำให้ฉันแอบติดใจที่เขายังอยู่ที่นี่อยู่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย
“ คุณ ”
( ฉันยังไม่ตายไอล่า )
“ ก็ว่าคุณไม่เหมือนดวงวิญญาณดวงอื่นที่ฉันเคยเจอ ”
( … )
“ คุณชื่ออะไร ”
( ฉันแก่กว่าเธอหลายปีอยู่นะ )
ฉันได้แต่เม้มปากระบายความหงุดหงิดใจที่เขาเอาแต่ข่มฉันทั้งๆที่ฉันไม่เคยกลัววิญญาณตนไหนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่เขาต่างออกไป เขาดูมีอิทธิพล ทรงพลังและคุ้นเคย
“ คุณชื่ออะไร คะ? ”
( ลูเซียโน ชื่อของฉันคือ ลูเซียโน )
“ โห้ชื่อโคตรมาเฟียเลยค่ะ ”
( จริงจังหน่อยไอล่า )
“ ขะ ขอโทษค่ะ ”
( เธอเล่าเรื่องข่าวลือที่ว่าให้ฉันฟังหน่อยสิ )
“ เรื่องไหนคะ ที่ทำงานฉันหรอ ”
( ใช่ )
“ ทำไมฉันต้องเล่า คะ? ”
( … )
“ ชิ ก็เห็นว่าท่านประธานป่วยไม่ได้เข้าบริษัทมาเกือบสี่เดือนแล้ว เห็นว่าถ้าไม่รอดก็คงให้น้องชายต่างแม่มาดูแลแทน ”
( … )
“ สี่เดือน อย่าบอกนะว่าคุณคือ? ”
( … )
“ ถามจริง ”
( เธอคิดว่ายังไงล่ะเด็กน้อย )
“ ไม่น่าเชื่อ ท่านประธานเป็นถึงมาเฟีย ไม่น่าจะตายง่ายเหมือนคุณ ”
( ไอล่าฉันบอกว่าฉันยังไม่ตายไง )
“ ค่าๆ มีอะไรอีกไหมคะ ฉันจะนอนแล้วค่ะ ฉันเหนื่อย ”
( เธอ อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม )
“ นี่! ”
( ฉันไม่ได้คุยกับใครมาสี่เดือนแล้วไอล่า )
กึด ฉันลืมมองข้อนี้ไปเลยถ้ามองอีกมุมนึงเขาก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ ที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาคงเหงาน่าดูเลยสินะที่ต้องติดอยู่ที่นี่ พูดคุยกับใครก็ไม่ได้
“ ก็ได้ค่ะ ฉันขอถามได้ไหม ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าคุณยังไม่ตาย ”
( เพราะฉันเห็นตัวฉันเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฉันพยายามจะกลับเข้าร่างของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ ฉันพยายามกลับเข้าร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นจนฉันเริ่มท้อ ฉันคุยกับใครก็ไม่ได้ จะขอความช่วยอหลือกับใครก็ไม่ได้ บอกตามตรงว่าฉันท้อใจแล้วก็ล้มเลิกความพยายามไป แล้วจู่ๆอะไรบางอย่างก็นำพาฉันมาที่นี่ )
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่คุณมาอยู่ที่นี่ ”
( ราวๆสองเดือนแล้ว )
ฉันนอนมองร่างกำยำเรือนรางที่นั่งเท้าแขนไปด้านหลังบนเตียงนอนของฉัน นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้จุดหมายและสิ้นหวัง
“ งั้นก็แปลว่าคุณไม่ได้เสีย ไม่สิ ไม่ได้เกิดเหตุอะไรกับที่ห้องนี้ใช่ไหมคะ ”
( อืม นี่เป็นห้องของฉันที่ฉันเคยอยู่สมัยเรียนมหาลัย แต่ถ้าให้เดาหลังจากที่ฉันยังนอนเป็นผักอยู่ ก็คงมีใครฉวยโอกาสแตะต้องกับทรัพย์สินของฉันตามอำเภอใจ )
“ คุณไม่โกรธหรือคะ ”
( โกรธสิ แต่สถาพฉันจะทำอะไรได้ล่ะ )
นี่คงดึกมากๆแล้วสินะ เรื่องของเขาฉันก็อยากรู้แต่ว่าง่วงก็ง่วง เขาน่าสงสารจังแต่ฉันไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย เรื่องของเขามันดูซับซ้อนแล้วก็อันตรายมากๆเลย เสียแต่ว่าฉันจะได้บางสิ่งบางอย่างที่มันคุ้มค่า เช่น เงิน แหม่ฉันเหลือตัวคนเดียว ทำงานหเงินรับผิดชอบตัวเองคนเดียว ถ้าหาเงินได้เยอะๆก็คงจะดีกว่าไม่ใช่หรอ
“ ให้ฉันช่วยคุณไหม คุณเอาเงินเยอะๆมาจ้างฉันสิ ”
( เธอพูดจริงหรอ )
“ ฟี้~
( หึ หลับซะแล้ว ความหวังของฉัน )
L Talk
“ เชิญเลยค่ะคุณไอล่า ”
ผู้เช่ารายใหม่อีกแล้วสินะ เห้อน่าเบื่อ คนพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์และจิตสำนึก แต่ละวันของฉันมันช่างไร้ความหมาย เมื่อไหร่ช่วงเวลาเหล่านี้มันจะจบลงสักทีนะ
ย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อน
ปัง ปัง ปัง
“ คุ้มกันบอส! ”
“ อ่า ”
“ บอสเป็นอะไรไหมครับ บอส! บอสถูกยิง! ”
“ มันเป็นใคร ”
“ ผมให้ลูกน้องตามไปจับมันมาแล้วครับ ทำใจไว้ดีๆนะครับบอส ”
“ ไม่ต้องห่วงไม่โดนจุดสำคัญ ”
“ แต่บอสเสียเลือดเยอะมากนะครับ ”
“ ไม่ต้องห่วงฉันไปจับมันมา! ”
“ คะ ครับ ”
วันนี้ผมเข้ามาตรวจสินค้าที่ท่าเรือ เบื้องหน้าผมทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ สถานบันเทิง เป็นธุรกิจสีขาว แต่เบื้องหลังของผมนั้นยังมีธุรกิจค้าอาวุธและเปิดกาสิโนอีกด้วย แต่ใครจะไปคิดว่าคนที่เป็นถึงมาเฟียอันดับหนึ่งของประเทศจะถูกรอบทำร้ายโดยฝีมือของคนในครอบครัว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นฝีมือของไอ้ลูกเมียน้อยอีกนั่นแหละ ไม่มีความสามารถ เก่งแต่รอจังหวะแย่งของของคนอื่น นิสัยเหมือนแม่มันไม่มีผิด แต่โทษฝั่งนั้นฝั่งเดียวก็ไม่ได้ เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ถ้าพ่อหนักแน่นพอต่อให้เมาแค่ไหนแต่ถ้าผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตัวเองมาปีนขึ้นเตียงก็ไม่ควรจะเล่นด้วย
“ แค่ก แค่ก ”
“ บอสครับ! ”
“ ลูกพี่พาบอสไปโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง ”
“ กูฝากทางนี้ด้วย ไปครับบอส ”
“ อื้ม ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“ คุณหมอครับเจ้านายผมเป็นยังไงบ้างครับ ”
“ เบื้องต้นผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้วครับ เพราะกระสุนไม่ได้โดนเข้าจุดสำคัญ เพียงแต่ผู้ป่วยเสียเลือดมากจำเป็นต้องให้เลือดและพักฟื้นสักสิงสามวันครับ ”
ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันตื่นแล้ว ได้ยินไหม เหมือนเปลือกตามันหนักอึ้งทำยังไงก็ลืมตา ผมรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว แต่ไม่สามารถลืมตาหรือตอบโต้กลับไปได้จนกระทั้ง
“ ไงพี่ชาย หมดสภาพน่าดูเลยนะครับ ”
“ … ”
ติ๊ด ติ๊ด
“ บังเอิญผมได้อันนี้มาจากคนที่ผมเคารพนับถือ จะได้ผลรึเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่ผมจะให้เป็นของขวัญกับพี่ก็แล้วกันนะครับ ”
“ … ”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินจากร่างของตัวเอง จากนั้นเหมือนอะไรบางอย่างได้ผลักจิตของผมให้ออกจากร่าง ครั้งแรกที่ได้เห็นร่างของตัวเอง ผมที่ใช้ชีวิตผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยกลัวความตาย แต่ว่าครั้งนี้กลับน่ากลัวที่สุด ผมได้แต่ยืนมองร่างของตัวเองนอนโรยรินอยู่บนเตียงผู้ป่วย พยายามทำเท่าไหร่ก็ไม่สามารถกลับเข้าไปในร่างดังเดิม ผมใช้เวลาทดลองแบบนี้ซ้ำๆอยู่แรมเดือนจนกระทั้งเริ่มที่จะถอดใจอยู่ๆ ก็มีบางสิ่งบางอย่างพาผมกลับมายังที่ห้องนี้ ห้อง 3535 เป็นเพนต์เฮาส์สมัยที่ผมยังเรียนอยู่มหาลัย ซึ่งมันก็หลายปีมามากแล้วนะ แต่ไม่นานก็เริ่มมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาอยู่อาศัย เริ่มแรกผมเริ่มพยายามหาทางสื่อสารกับบุคคลเหล่านั้นที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ แต่ไม่มีใครได้ยินผมเลย ผมลองตะโกน ทำจั๊มแสกรเหมือนให้หนัง หาวิธีเข้าฝันก็ไม่เป็นผลและแล้วผมก็ถอดใจ โชคดีที่ผมสามารถหยิบหนังสืออ่านได้แค่ใจนึกถึงผมเลยผ่านชีวิตแต่ละวันมาได้จนกระทั้งวันนี้