"เหี้ยเอ้ย"
บุญยวีร์รีบออกแรงดูดจนแก้มตอบส่วนอีกมือก็เคล้นหน้าอกตัวเองไปด้วยเพราะเสียวไปหมดทั้งบนทั้งล่าง
หน้าท้องแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงหดเกร็งจนถึงขีดสุด ใบหน้าหล่อเข้มเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงครางอย่างสุขสม เมื่อถึงขีดสุดของอารมณ์ น้ำขุ่นข้นพุ่งเข้าเต็มปากเด็กเลี้ยงคนสวยจนสำลัก ผู้ใหญ่อิฐบังคับให้เธอกลืนมันลงไปทุกหยาดหยด
“มึงชอบไม่ใช่เหรอ กลืนลงไป”
“อื้อ อ่อก อ่อก”
พลันหางตาของผู้ใหญ่อิฐก็มองเห็นเหมือนมีคนกำลังเอาโทรศัพท์ลงแล้ววิ่งออกไปจากสำนักงาน ตรงข้างประตูห้องทำงานของเขา มีช่องของมู่ลี่ที่ปิดไม่สนิท
แสดงว่า…
กิจกรรมเสียวเมื่อครู่คงมีคนเห็นแล้ว เขาไม่ยี่หระเลยสักนิด เพียงแต่สงสัยว่าเมื่อครู่ตัวเองน่าจะถูกแอบถ่าย
พอคิดได้แบบนั้น ผู้ใหญ่อิฐก็รีบผลักหัวคนด้านล่างออกแล้วดึงกางเกงขึ้นทันทีเพราะอยากรู้ว่าใครกันที่กล้าขนาดนี้
ไม่รอช้าให้มือดีลอยนวล เขารีบสาวเท้าออกจากห้องทำงาน แต่...ก็ไม่มีเงาของใครเลย ด้านนอกมีเพียงโต๊ะพนักงานฝ่ายต่าง ๆ ที่เลิกงานกลับบ้านกันนานแล้ว
ที่นี่มีกล้องวงจรปิด! แต่… มันเสียมาหลายวันแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ
ผู้ใหญ่อิฐเหลือบตามองไปที่ประตูสำนักงานด้วยความอยากรู้ว่าด้านนอกมีใครอยู่บ้าง รีบก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปทันที ที่นี่เขาคุมทั้งหมดอยากรู้เหมือนกันว่าใครจะกล้า
“ผู้ใหญ่อิฐ!”
“ครับ! คุณย่า ไหนว่ากลับดึกไงครับ”
“ลืมรูดซิปกางเกงน่ะ”
“ขอโทษครับ”
ผู้ใหญ่อิฐต้องรีบหันกลับไปรูดซิปด้วยความรู้สึกละอาย ปกติเขาจะเป็นคนที่สะอาดเรียบร้อย ข้อบกพร่องเรื่องระเบียบวินัยไม่เคยมีเลยสักครั้ง
“ทำไมคุณย่ามาที่นี่ล่ะครับ”
“พาหนูแป้งมาตรวจดูห้องพยาบาล เพราะต่อไปถ้าคนงานเจ็บป่วยไม่มาก เป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ต้องหอบหิ้วกันไปโรงพยาบาล รักษาเบื้องต้นที่ไร่เราก่อน”
“หนูแป้ง ?”
“ยังไม่เจอเหรอ”
“ยังครับ”
สายตาของย่าพิศมองข้ามไหล่ผู้ใหญ่อิฐไปทางด้านหลังเพราะบุณยวีร์ เด็กเลี้ยงของเขากำลังเดินดึงชายกระโปรงตรงมาทางนี้
“ดูแต่งตัวเข้า”
เสียงตำหนิเพียงสั้น ๆ กับสายตาที่ทอดมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก็เพียงพอที่จะทำให้คนได้ยินหน้าม้านได้
“สวัสดีค่ะ คุณย่า”
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ หญิงชราปรายตามองทั้ง 2 คนเชิงตำหนิเล็กน้อย ก่อนจะเลี่ยงออกไปทางห้องพยาบาลที่อยู่ติดกับสำนักงานของไร่พิศมัย
ดวงตาภายใต้แว่นใสแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อเห็นเด็กสาวร่างเล็กนั่งคู้เข่าลูบหัวลูกแมวอยู่เพียงลำพัง ย่าพิศยอมรับว่าถูกชะตากับบัวสิรินตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกตอนอยู่ ม.6 จากการแนะนำของหมอดูคนโปรด
5 ปีที่แล้ว
“หลังนี้แหละค่ะคุณย่าพิศ”
เสียงของหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถยนต์คันหรูหันมาบอกกับหญิงชราท่าทางภูมิฐานที่กำลังมองลอดแว่น พยายามจ้องเข้าไปภายในรั้วบ้านไม้ 2 ชั้นที่ล้อมรอบไปด้วยไม้ใหญ่ ดูร่มรื่นสมกับเป็นบ้านสวน
“แม่สื่อนัดไว้แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้วค่ะ คุณย่าเชิญเลยค่ะ”
แม่สื่อวัยกลางคนรีบกุลีกุจอเข้าประคองย่าพิศด้วยความนอบน้อมและเอาใจ เพราะหากว่างานนี้สำเร็จ ค่าจ้างในฐานะแม่สื่อ 1,000,000 บาท จะลอยเข้ากระเป๋าทันที ตั้งแต่เป็นแม่สื่อ หมอดูก็ยังไม่เคยมีใครจ้างด้วยจำนวนเงินที่มากมายขนาดนี้มาก่อน
“ที่นี่ร่มรื่นดีนะ พลังงานด้านดีเยอะเชียว”
คุณย่าพิศกวาดตามองไปรอบ ๆ บ้านไม้ 2 ชั้นใต้ถุนโล่งสะอาดอย่างพึงพอใจ รอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยไม้ผลซึ่งพบเห็นได้ทั่วไป แต่พอมาอยู่ในรั้วบ้านหลังนี้กลับดูเขียวงามตา
“ตากับยายของหนูบัวสิรินรออยู่ค่ะ”
“ดี ๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้าช่างอ่อนโยนและอบอุ่น แต่ก็ดูน่าเกรงขามจนแม่สื่อไม่กล้าที่จะยืดตัวให้ตรง ต้องเดินค้อมหลังคู่มากับย่าพิศ
ที่ใต้ถุนบ้านทรงไทย 2 ชั้น หญิงและชายชรากำลังนั่งรอด้วยท่าทีกระวนกระวายนิด ๆ แต่พอเห็นคนที่เดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นต้อนรับทันที
“เชิญคุณนายค่ะ”
“เรียกฉันว่าย่าพิศเถอะ”
“ฉันอยากสนับสนุนเด็กเรียนดีแต่ยากไร้ มีคนแนะนำมาว่าหลานบ้านนี้สอบติดพยาบาลแต่ยังขาดเงินทุน”
“ใช่ครับคุณนาย”
สองตายายมองหน้ากันด้วยความยินดีกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะใจเป็นกังวลไม่น้อย เนื่องจากตัวเองไม่มีแรงจะส่งหลานให้เรียนจบได้
“เงื่อนไขก็ไม่มีอะไรหรอก เรียนจบแล้วก็ไปใช้ทุนที่ไร่พิศมัย 1 ปี แค่นั้น”
“ขอบพระคุณคุณนายเจ้าค่ะ”
สองตายายยกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีนางฟ้านางสวรรค์มาโปรดถึงที่ ย่าพิศมองดูท่าทางของสองคนชราพลางแย้มยิ้มนิด ๆ
ภูผา ยันต์ หลานชายคนเล็กของตระกูล ดวงจะถึงฆาตในวัย 32 ปี และดวงที่จะเสริมให้หลานชายผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ก็คือบัวสิริน สายใย เด็กสาวที่ย่าพิศเลือกเองกับมือ