หลังจากที่เข้ามาในงานวายุก็เป็นจุดเด่นในทันที คนมากมายต่างก็เข้าไปหาเขา ไม่นานเขาก็ถูกล้อมด้วยนักธุรกิจมากหน้าหลายตามุกดามองตามด้วยความสงสัย เพราะตัวเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นใครและทำธุรกิจอะไรแต่เหมือนกับว่าเขาจะเป็นคนที่มีอิทธิพลไม่น้อยเพราะคนที่เข้ามาต่างก็ก้มหัวให้อย่างนอบน้อม
ส่วนเธอที่เพิ่งกลับมาจากประเทศมาถึงเธอก็ไปงานฉลองวันเกิดกับฝ้ายเพื่อนสนิทและก็ถูกจับมาอยู่ที่นี่ เธอมองผู้ชายคนนั้นและพิจารณาไปด้วย ความโดดเด่นของเขาทำเอาผู้คนต่างก็จดจ้องไปที่เขา โดยเฉพาะหญิงสาว
ไม่มีใครในที่นี้ไม่มองเขาแต่คงเป็นเพราะสีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งขรึมน่าเกรงขามจึงไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาใกล้ แต่คนไหนที่กล้าหน่อยก็เดินเข้าไปหา แต่ก็ไม่ได้เข้าไปได้ง่ายๆ เพราะเธอเห็นการ์ดเข้าไปประชิดทันที เหมือนคนที่จะเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตเท่านั้น
แต่คนแบบนี้มาเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของเธอกันแน่ ส่วนเรื่องที่เขาพูดมานั้นเธอไม่มีทางเชื่อแน่นอน แต่เธอต้องพักความสงสัยไว้ก่อน เพราะเธอต้องหาทางหนีออกจากที่นี่ซะก่อน
ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงตั้งมากมายให้มันรู้ไปว่าเธอไม่สามารถหนีรอดออกไปได้ ถ้าหนีบอดี้การ์ดที่ยืนไม่ห่างจากเธอไปได้เธอก็น่าจะหนีออกไปได้
ในตอนที่เธอสอดส่ายสายตามองหาทางหนี เธอก็เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย หุ่นดีเดินเข้าไปคุยอย่างสนิทสนมกับวายุ และดูเหมือนว่าวายุเองก็สนิทกับผู้หญิงคนนั้นไม่น้อย ดูจากการพูดคุยอย่างยิ้มแย้มและการก้มหน้าเข้าไปใกล้
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจเธอรอแค่จังหวะที่เธอจะหนีออกมาจากลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังให้ได้ หลังจากที่เธอเห็นแล้วว่าวายุยังอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากเธอก็หาทางเดินเลี่ยงออกจากตรงนั้นแต่ใครจะคิดว่าบอดี้การ์ดที่เคยอยู่ด้านหลังจะงอกเงยออกมาตั้งหลายคน
ไม่รู้ว่าคนพวกนี้โผล่มาจากไหนตอนแรกที่เธอเห็นมีเพียงแค่คนเดียวแค่นั้น
แล้วดูสิดูก็รู้ว่าพวกเขาถูกสั่งการให้มาประกบเธอเพราะไม่ว่าเธอจะก้าวไปทางไหนก็จะมีบอดี้การ์ดใส่สูทเดินออกมาดักเธอเอาไว้
มุกดามองชายชุดดำที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเธอจนหมดหนทางหนี เธอหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะยอมแพ้แล้วหันมาคว้าเตกิลาที่บริกรเดินเสิร์ฟเพื่อลดความเครียดเมื่อเธอหาหนทางหนีไปจากตรงนี้ไม่ได้
เธอหมดความสนใจต่อสิ่งรอบข้างไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากแก้วเหล้าในมือ พลางคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ว่าที่เอาเธอมาด้วยเพราะว่ากลัวเธอหนีไปหรือยังไง ถึงให้เธอมาอยู่ใกล้ตาขนาดนี้
มุกดาคิดด้วยความขุ่นเคืองดื่มเตกิลาจนหมดแก้ว จากนั้นก็ยกมือขึ้นเรียกบริกรที่กำลังเดินผ่านไปแล้วคว้ามาดื่มต่อไม่หยุด บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก็มองหน้ากันคล้ายจะปรึกษาว่าเอาไง เพราะหญิงสาวที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้มาเฝ้านั้นดื่มหนักไม่น้อย แต่เพราะพวกเขารับคำสั่งให้มาเฝ้าเลยไม่มีใครคิดห้าม แต่ก็พยายามมองไปที่เจ้านายที่กำลังพูดคุยอยู่อีกด้าน แต่เหมือนว่าเจ้านายจะไม่รู้ตัวหรือกำลังติดพันเรื่องงานจึงไม่ได้หันมามองพวกเขา
หลังจากมุกดาดื่มไปหลายแก้ว เธอก็รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ร่างเล็กโงนเงนคล้ายจะทรงไม่อยู่ก่อนจะมีคนเดินเข้ามาทักทาย
ผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นสาวสวยยืนอยู่คนเดียว แถมยังดูเหมือนเมาไม่น้อยเขาก็เดินเข้ามาทักทายทันที สวยๆ อย่างเธอถูกตาต้องใจชะมัด เขายิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นเธอใกล้ ๆ สวยมากเลยทีเดียว แล้วยังหน้าอกที่ดูอวบอิ่มยิ่งทำให้เขาไม่อยากพลาดโอกาส เขายิ้มและทักทายทันที
"สวัสดีครับ..เอ่อ ไหวไหมครับ" เสียงทุ้มที่ดังข้างๆ ทำเอามุกดาหันไปมอง ดวงตาคู่งามมองใบหน้าหนุ่มหล่อที่เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาหวานฉ่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ก่อนจะส่งยิ้มให้
"ค่ะ ไหว" เธอพูดพร้อมกับเซถอยหลังเล็กน้อย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเข้าไปโอบเอวเธอเอาไว้เพราะเกรงว่าเธอจะล้มไป
"เหมือนคุณจะเมามากนะครับ" ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นโอบเอว บอดี้การ์ดที่เห็นท่าไม่ดีก็กำลังจะเข้าไปแต่ก็ไม่ทันเจ้านายที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน คว้าเธอไปก่อนแต่สายตาตวัดมามองที่พวกเขาเหมือนกับต้องการคาดโทษ ทำเอาพวกเขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปตามกัน
หมับ!
"โทษที เธอเป็นเลขาของผม" วายุเอ่ยเสียงเข้ม "ขอตัว" พูดจบก็พาคนเมาเดินออกไปทันที ส่วนผู้ชายได้แต่มองตามแผ่นหลังบางของผู้หญิงคนนั้นด้วยความเสียดาย แต่ก็รู้ว่าวายุเป็นคนที่ไม่ควรจะยุ่งด้วยมากที่สุด ใครใช้ให้มันมีอิทธิพลขนาดนี้
วายุเปลี่ยนจากเดินโอบเอวเป็นจูงมือคนเมาให้เดินตามด้วยความหัวเสีย ก่อนจะชะงักกับเสียงที่เรียกตามหลัง
"ยุ..จะกลับแล้วเหรอ..แล้วนั่นใคร" พิมพ์ชนกมองด้วยความแปลกใจ ปกติวายุไม่สนใจผู้หญิงคนไหนยกเว้นคนที่ตายไปแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้เขากลับโอบเอวแนบชิดและกำลังจะพากันออกไป และนั่นทำให้เธอไม่พอใจ
วายุที่เห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามา เขาก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะพูดขอโทษเสียงอ่อนโยนเพราะตนเองลืมไปเลยว่ายังคุยกันค้างอยู่ แต่เพราะคนในอ้อมแขนเมามายจนสร้างเรื่องทำให้เขาเดินออกมาโดยไม่รู้ตัว
"โทษทีพิมพ์เราขอตัวกลับก่อน"
"จะกลับแล้วเหรอ แล้วตกลงคนนี้เป็นใครอ่ะ จะไม่บอกเราจริงเหรอ" วายุมองเพื่อนสนิทนิ่งๆ ก่อนที่พิมพ์ชนกจะรู้ตัวว่าตนเองคงไม่ได้คำตอบ เพราะดูท่าทางของเขาแล้ว คงไม่พูดออกมา เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงติดเศร้า
"โทษที ไม่ถามแล้ว ลืมไปว่ายุไม่ชอบคนเซ้าซี้ งั้นกลับดีๆ นะ เดี๋ยวเราแวะไปหา" พิมพ์ชนกยิ้มหวานส่งให้ วายุพยักหน้าก่อนจะเดินออกมา ภาพที่พิมพ์ชนกเห็นคือความใกล้ชิดสนิทสนม เธอมองตามหลังผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา สองมือกำแน่นด้วยอารมณ์โกรธ หากดวงตาแผดเผาคนได้ ผู้หญิงคนนั้นต้องตายเพราะสายตาของเธอแน่
หลังจากเดินออกมาจากงาน มุกดาที่อยู่ในอาการเมาก็พูดต่อว่าวายุอย่างไม่กลัว เพราะอารมณ์ที่อัดอั้นกับความคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ
"ไอ้..บ้า ปล่อยนะ!!" เธอพูดเสียงยานคางก่อนจะถูกจับยัดเข้าไปในรถอย่างแรง
ปึก!
"โอ๊ย! อื้อ..เจ็บ" คนเมาร้องโอดโอยเพราะหัวโขกเข้ากับประตูรถเต็มแรง เธอยกมือแตะที่หน้าผากลูบเบาๆ ก่อนจะถูกคนตัวโตผลักเข้าไปด้านใน เธอที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถลาลงไปกองอยู่ตรงซอกรถอีกครั้ง และตอนนี้คนเมาก็เริ่มจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างเพราะความเจ็บ เธอตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งบนเบาะด้วยท่าทางมึนงง โดยมีร่างสูงมองด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนจะส่งเสียงในลำคอออกมาด้วยความสมเพชก่อนจะพยักหน้าให้คนขับรถ จากนั้นรถก็เริ่มออกตัว
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ คนเมาก็เริ่มสติเลื่อนลอย ไม่นานก็เอนศีรษะเข้ามาซบที่อกแกร่ง โดยที่วายุเพียงแค่ปรายตามองแต่ก็ปล่อยให้คนเมาใช้ไหล่ของตัวเองต่างหมอน
ใช้เวลาไม่นานรถก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทันทีที่รถจอดมุกดาที่เผลอหลับไปและเธอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เธอกำลังซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งของใครบางคนและในตอนนั้นเองเธอก็เผลอสูดกลิ่นน้ำหอมของเขาจนเต็มปอด
วายุวางคนเมาลงบนเตียงโดยไม่เบาแรง ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับแต่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะเป็นฝ่ายกระชากเขาจนล้มลงคร่อมร่างของเธอ จากนั้นเธอก็ยกมือรัดรอบคอแกร่งแล้วยื่นหน้าเข้ามาประกบปากหนาเป็นฝ่ายเริ่มจูบ วายุตกใจในครั้งแรกก่อนที่จะเป็นฝ่ายมอบจูบดูดดื่มให้กับเธอ
"อื้มม..."