ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
เช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใสแต่หัวใจของมาธวียังคงหนักอึ้งราวมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ภายใน เธอพยายามบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันเป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่ควรค่าให้จดจำอีกต่อไป แม้ว่าจะพยายามสลัดภาพเหตุการณ์ที่ผิดพลาดนั้นออกไปมากแค่ไหนแต่มันก็ยากที่จะลืม หญิงสาวตั้งใจว่าจากนี้ไปเธอจะมุ่งมั่นกับการฝึกงานเพื่ออนาคตเท่านั้น
วันนี้เธอจะเริ่มต้นวันใหม่ในฐานะเด็กฝึกงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่างบริษัท เอพลัส เรียลเอสเตท จำกัดซึ่งเป็นบริษัทในฝันของใครหลายๆ คนรวมถึงเธอและเพื่อนสนิททั้งสองคนอีกด้วย
“กินข้าวอย่างกะแมวดมแล้วจะมีแรงไปฝึกงานเหรอน้ำผึ้ง” คุณยายมาลัยถามหลานสาวเมื่อเห็นเช้านี้ทานข้าวไปแค่นิดเดียว
“ก็หนูตื่นเต้นนี่คะยาย ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง รุ่นพี่จะใจดีหรือเปล่า เขาจะสอนงานดีไหม หนูกังวลไปหมดเลยค่ะ”
“ยายก็ไม่รู้นะว่าการฝึกงานมันเป็นยังไง แต่ยายอยากให้หนูอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ เคารพรุ่นพี่ตั้งใจฟังที่เขาสอนมีอะไรก็ซักถามให้เข้าใจเก็บความสงสัยไว้มีและที่สำคัญต้องยิ้มแย้มเข้าไว้นะ น้ำผึ้งของยายเป็นคนยิ้มสวยยายเชื่อว่ารุ่นพี่จะเอ็นดูหลานของยายนะ”
“หนูจะทำตามคำสอนของยายนะคะ”
“เริ่มจากหนูกินข้าวอีกหน่อยดีไหมน้ำผึ้ง ช่วงนี้หนูกินข้าวน้อยทุกวันเลยมีอะไรไม่ไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะแต่หนูคิดว่าก่อนหน้านี้หนูกินเยอะจนพุงป่องก็เลยอยากจะลดน้ำหนักลงนิดหน่อย”
“ตัวเล็กจนลมพัดจะปลิวแล้วยังจะมาลดน้ำหนักอีก” คุณยายส่ายหัวกับความคิดของหลานสาว
“ก็หนูไม่อยากจะซื้อชุดใหม่นี่คะ” เธอพูดพลางหัวเราะ
“พูดเรื่องซื้อชุดใหม่ยายก็นึกขึ้นได้ว่ายายจะไปงานแต่งงานของลูกสาวแม่ค้าที่ตลาดวันเสาร์หน้านะ ตอนนี้ยายก็ซื้อชุดเตรียมไว้แล้ว”
“เขาจัดงานที่ไหนคะ ยายจะขับรถไปเองหรือให้หนูไปส่งคะ”
ปกติแล้วคุณยายมาลัยจะขับรถเก๋งคันเก่งของตัวเองไปขายขนมที่ตลาดแต่ถ้าต้องออกต่างจังหวัดหรือไปในที่ที่ไม่คุ้นกับเส้นทางก็จะให้มาธวีเป็นคนขับให้โดยใช้รถยนต์อีกคันที่มารดาของหญิงสาวซื้อให้ในวันเกิดอายุครบยี่สิบปี
“งานนี้ยายไม่ได้ขับรถไปเองหรอกนะน้ำผึ้ง ทางเจ้าภาพเขาเหมารถตู้ให้น่ะ หลังจากงานแต่งเสร็จก็ว่าไปทำบุญและเที่ยวกันตามประสาคนแก่”
“ฟังดูน่าสนุกนะคะ”
“ใช้จ้ะ ครั้งนี้ยายคงไปหลายวันหน่อยนะถ้าหนูไม่อยากอยู่คนเดียวจะชวนเพื่อนมาค้างที่บ้านหรือจะไปนอนค้างที่หอกับเพื่อนก็ได้นะ อยู่บ้านคนเดียวยายก็เป็นห่วง”
“เดี๋ยวหนูลองคุยกับเพื่อนก่อนนะคะว่าจะเอายังไงดี แต่ตอนนี้คงต้องรีบไปแล้วค่ะ ฝึกงานวันแรกหนูไม่อยากไปสาย ขอบคุณนะคะยายที่วันนี้หยุดขายขนมเพื่อรอส่งหนูไปฝึกงานหนูรักยายที่สุดเลยค่ะ” มาธวีพูดจบก็กอดแล้วหอมแก้มของคุณยายเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“ยายก็รักหนู ขับรถดีๆ และขอให้รุ่นพี่เอ็นหนูนะลูก”
“ขอบคุณค่ะยาย แต่วันนี้หนูจะนั่งรถเมล์ไปค่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะน้ำผึ้ง รถเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ แต่หนูกลัวว่าที่บริษัทจะหาที่จอดรถยาก เอาไว้ไปดูสถานที่ก่อนแล้วค่อยเอารถไปค่ะ”
“จะขึ้นรถ ลงรถก็ดูดีๆ นะ” น้ำเสียงของคุณยายมาลัยแสดงความเป็นห่วง
“ค่ะยาย หนูไปจริงๆ แล้วนะคะ”
“จ้ะลูก”
หญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย วันนี้เธอสวมเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาด กระโปรงดำยาวคลุมเข่า รองเท้าคัตชูเรียบง่ายแต่ดูสุภาพ ผมยาวสลวยที่เคยม้วนลอนอย่างเปรี้ยวจี๊ดในคืนนั้น ถูกมัดรวบเป็นหางม้าเรียบร้อย ใบหน้าใสแต่งแต้มด้วยแป้งบางๆ ทาลิปกรอสสีพีชเพิ่มความมีชีวิตชีวา
มาธวียืนมองตึกสูงระฟ้าซึ่งด้านในมีหลายบริษัทที่เช่าพื้นที่อยู่ แต่เท่าที่หญิงสาวพอจะรู้ข้อมูลมาก็คือเจ้าของตึกนี้ก็คือบริษัทที่เธอกำลังจะมาฝึกงานซึ่งกินพื้นที่ชั้นที่ชั้นยี่สิบสี่และยี่สิบห้า
“ตั้งแต่วันนี้ฉันจะลืมทุกอย่างให้หมดแล้วเริ่มต้นใหม่ที่นี่” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในอาคาร
ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูทันสมัย หญิงสาวนั่งรอเพื่อนตรงส่วนรับแขกไม่นานนักเพื่อนสนิททั้งสองคนก็เดินเข้ามา
“ตื่นเต้นไหมผึ้ง” วรัมพรเข้ามาทักทาย
“ตื่นเต้นมากแกสองคนล่ะ”
“ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย” รวีภัทรพูดขณะที่ทั้งสามคนกำลังพากันเดินขึ้นลิฟต์ไปยังแผนกบุคคลที่อยู่ชั้นยี่สิบห้า
เมื่อมารายงานตัวที่แผนกบุคคลแล้วคุณดวงใจหัวหน้าแผนกบุคคลก็พาพวกเธอไปยังแผนกที่ต้องฝึกงาน วรัมพรและรวีภัทรฝึกที่แผนกบุคคลส่วนมาธวีนั้นฝึกที่แผนกธุรการ
“มาแล้วเหรอไหนลองแนะนำตัวหน่อยสิ”
“สวัสดีค่ะหนูชื่อมาธวีหรือเรียกน้ำผึ้งก็ได้ค่ะ” เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะพี่ชื่ออรเป็นหัวหน้าแผนกธุรการจ้ะ ยินดีต้อนรับนะ ส่วนนี่พี่พิมพ์ น้ำผึ้งมีอะไรสงสัยถามพี่เข้าได้เลยนะ” เสียงอบอุ่นดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มของหญิงสาวร่างท้วมท่าทางใจดี
“สวัสดีค่ะพี่พิมพ์” มาธวียกมือไว้และพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
“สวัสดีจ้ะน้องน้ำผึ้ง พี่ยินดีต้อนรับนะ มีอะไรสงสัยถามพี่ได้ทุกเรื่องเลย พี่จะสอนงานให้เอง” หญิงสาวรูปร่างเพรียว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มมั่นใจเดินเข้ามาทัก
“ขอบคุณค่ะพี่พิมพ์”
“เอาล่ะ ไม่ต้องเกร็งนะ ที่นี่เป็นกันเองหมดทุกคนจ้ะ” พี่อรพูดพร้อมพาเดินไปยังโต๊ะทำงานเล็กๆ ที่จัดไว้ในนักศึกษาฝึกงาน
“นี่โต๊ะทำงานของหนูนะ”
“หนูมีโต๊ะทำงานด้วยเหรอคะ”
“มีสิ อยากหาอะไรมาตกแต่งเพิ่มก็ได้นะ พี่ขอแค่อย่ารกจนไม่มีที่วางแฟ้มงาน” หัวหน้าแผนกบอกอย่างใจดี
“ค่ะพี่อร”
“ที่นี่พนักงานอีกสองคนแต่งวันนี้ บางคนก็ไปติกต่องานที่แผนกอื่นเอาไว้พี่จะค่อยๆ แนะนำให้รู้จักทีละคนนะ พี่ขอตัวไปทำงานก่อน” ศิริอรพูดจบก็ยิ้มให้กับนักศึกษาฝึกงานก่อนที่ตัวเองจะกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเองที่อยู่ด้านหลังสุดของห้อง