6
“วินซ์ ฉันบอกนายแล้วไงว่ามนุษย์ที่ชื่อว่าฟลินเขาไม่สนใจนายหรอก”
“นายอย่าลืมสิว่านายเป็นนกฮูกนะ มนุษย์ปกติที่ไหนจะมามีอารมณ์ทางเพศกับนายกัน”
ช่วงเช้ามืดของวันต่อมา ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างบ่งบอกเวลาว่าเป็นตอนกลางวัน นกฮูกที่ยัดเยียดตัวเองให้ได้ไปนอนร่วมเตียงกับมนุษย์จนสำเร็จก็บินกลับมาที่บ้านตัวเองอีกครั้ง และมันก็ถูกอเล็กซ์พ่อมดที่เป็นเจ้าของบ่นไปหนึ่งหนเมื่อมันเริ่มทำตัวเกเร ไม่ยอมกลับบ้านช่องของตัวเองเหมือนอย่างที่เคยทำ
“นายไม่ต้องมากางปีกทำท่าไม่พอใจใส่กันเลยนะ ถ้านายยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันอาจต้องเอานายไปเปลี่ยนขอเป็นตัวใหม่แทน” อเล็กซ์พูดขู่ ทำเอาวินซ์ที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกเงาเพื่อเช็กความหล่อเหลาของตัวเอง และตั้งท่าจะกางปีกเดินเข้ามาหาเจ้าของต้องชะงักลงโดยพลัน
รูม่านตาของมันเริ่มขยายกว้าง เมื่อสิ่งที่มันกลัวมากที่สุดคือการกลับไปอยู่ในร้านขายนกฮูก และรอให้พ่อมดแม่มดที่ใจดีหรือถูกชะตากับมันสักคน ซื้อมันไปทำงานจนกว่ามันจะถึงเวลาเกษียณและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
“หัดเชื่อฟังกันบ้างสิ ฉันไม่อยากเดือดร้อนเพราะนายนะ” พูดจบ อเล็กซ์ก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง เพราะสิ่งที่พ่อมดแม่มดต่างกลัวเหมือนกันก็คือความลับมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“แกสามารถไปหาฟลินได้ แต่แกจะต้องกลับมาที่นี่ด้วย และก็ห้ามทำอะไรแปลก ๆ ที่นกฮูกทั่วไปเขาไม่ทำกันเด็ดขาด” อเล็กซ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังเขาถูกนกฮูกที่อยู่ในความดูแลถามว่าต่อจากนี้ไปมันยังสามารถไปหามนุษย์คนนั้นได้หรือเปล่า
ซึ่งแน่นอนอเล็กซ์ไม่ใช่พ่อมดใจร้าย เขาไม่มีความคิดที่จะออกปากห้ามไม่ให้วินซ์ไปนั่นมานี่ได้อย่างอิสระในตอนที่เขายังไม่ต้องการใช้งานมัน เพียงแต่ว่าท่ามกลางความอิสระที่เขามอบให้มัน เจ้าวินซ์จะต้องกลับมานอนอยู่ที่กรงของมันทุกครั้งก็เท่านั้น
มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการจากวินซ์
“ถือว่าพวกเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ และฉันก็จะไม่พูดเรื่องนี้เป็นหนที่สองอีก” อเล็กซ์เอ่ยแล้วเดินจากไป ทิ้งตัวนกฮูกตัวจิ๋วที่เพิ่งบินกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์อิ่มเอมในตอนแรกมีอาการห่อเหี่ยวลงไปในพริบตา
อีกฝั่งหนึ่ง
“ฟลิน ลูกสั่งอะไรมาเหรอ เพราะวันนี้มีพัสดุมาส่งตั้งสองกล่องแน่ะ”
“อ—อ๋อ มันเป็นแค่ของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แหละครับ ไม่มีอะไรหรอก” ระหว่างที่ฟลินกำลังเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการที่ร้าน เขาก็หันไปพูดกับแม่ตัวเองเบา ๆ หลังวันนี้มีพัสดุที่จ่าหน้ากล่องเป็นชื่อเขามาส่งที่ร้านถึงสองกล่อง ทั้งที่โดยปกติแล้วฟลินไม่ใช่สายช็อปปิ้งออนไลน์เวลาที่เขากลับมาบ้านนัก
“ยังไงแม่ก็เอาไปวางไว้บนห้องให้แล้วนะ” แม้สีหน้าของแม่จะบ่งบอกว่าเธอยังมีคำถามอยู่บ้าง แต่แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ขอบคุณครับ” ฟลินตอบกลับไปเสียงแผ่ว นาทีเดียวกันเครื่องดื่มที่เขากำลังทำให้ลูกค้าก็เสร็จพอดี “โต๊ะเจ็ดเครื่องดื่มเสร็จแล้วครับ”
อันที่จริงข้าวของออนไลน์ที่เพิ่งมาส่งที่ร้านในวันนี้ไม่ใช่ของใช้ส่วนตัวของฟลินตามที่เขาบอกแม่ตัวเองแต่อย่างใด แต่มันเป็นของใช้ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงนกไม่ว่าจะเป็นคอนเอาไว้ให้นกฮูกเกาะ หรืออาหารนกแบบแช่แข็ง เมื่อฟลินคิดว่าเขาไม่สามารถลงมาหยิบเนื้อสัตว์ที่ตู้เย็นทุกกลางดึกได้
ฟลินไม่ได้มีความคิดที่จะเลี้ยงนกฮูกด้วยซ้ำ เขาไม่ได้อยากจะเลี้ยงด้วย แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ… ในเมื่อเจ้าวินซ์บินมาหาเขาทุกคืนแบบนี้ แถมพอเขาออกปากไล่มันก็ไม่ค่อยจะไปด้วย เขาจึงคิดว่าหากเขามีของพวกนี้ติดห้องเอาไว้บ้าง มันก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
“พ่อครับ เดี๋ยวผมขอกลับขึ้นห้องก่อนนะ ขึ้นไปแป๊บเดียว” เพราะคิดได้ว่าตัวเองจะต้องรีบเอาหนูแช่แข็งเข้าตู้เย็น ฟลินจึงตะโกนบอกพ่อตัวเองที่กำลังง่วนอยู่กับการอบขนมปัง และรีบกลับขึ้นห้องเพื่อไปจัดการพัสดุข้างบนนั้น
โดยหลังจากที่เขากลับขึ้นมาบนห้องแล้ว สิ่งที่ฟลินทำก็คือการรีบแกะกล่องพัสดุต่าง ๆ ออก เพื่อเช็กดูว่ามีข้าวของชิ้นไหนแตกหักหรือไม่
ซึ่งพอฟลินไม่พบความเสียหายอะไร เขาก็รีบจัดการนำคอนไปเก็บไว้ตรงที่ ๆ มันควรจะอยู่ และนำหนูแช่แข็งเข้าตู้เย็นขนาดมินิของตัวเองที่ฟลินตัดสินใจซื้อมาใช้งานส่วนตัวตั้งแต่ตอนฤดูร้อนครั้งที่แล้ว
“ถ้าคืนนี้ไม่มาล่ะ น่าดู” เมื่อจัดการเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเสร็จ ฟลินก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเขากลัวว่าอาหารและของที่สั่งมามันจะเปล่าประโยชน์ เพราะบางทีคืนนี้เจ้าวินซ์อาจจะไม่บินมาเล่นกับเขาแล้วก็ได้
ไม่รู้สิ… บางทีเมื่อคืนนี้ที่มันมานอนค้างกับเขาที่นี่ มันอาจเป็นคืนสุดท้ายที่เจ้าวินซ์แวะมาเล่นกับเขาก็เป็นได้เพราะถ้าฟลินเป็นเจ้าของของมัน เขาเองก็คงจะไม่พอใจแน่หากรู้ว่านกฮูกที่ตัวเองคอยให้ข้าวให้น้ำอยู่ทุกวี่ทุกวันไปรักมนุษย์คนอื่นมากกว่าตัวเอง
ฟลินไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้เจ้าวินซ์มาติดอกติดใจเขาขนาดนี้ แม้ตอนนั้นเขาก็แค่ช่วยเหลือเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่เขาต้องช่วยเหลือ
ฟลินไม่ได้รู้สึกว่าการช่วยเหลือเจ้าวินซ์ในคราวนั้นมันจะพิเศษไปกว่าการช่วยเหลือสัตว์ชนิดอื่นเลย และเขาก็ไม่ใช่คนคิดอะไรด้วยหากมันจะไปแล้วไปลับเลย แต่พอมันมาหาเขาทุกวันแบบนี้แถมยังชอบมาพร้อมกับจดหมายที่ข้างในมีข้อความแปลก ๆ และตัวมันเองก็ชอบมาแสดงความขี้อ้อนใส่กันอีกต่างหาก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอยู่แล้วที่เขาจะมอบความเอ็นดูให้มันกลับไป ตามประสาคนที่รักสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ฟลิน ตอนนี้ลูกอยู่ในห้องหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเสียงของแม่ที่ยืนอยู่หน้าห้องนอนของเขาก็ทำให้ฟลินได้สติอีกครั้ง
“ครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า” ฟลินตะโกนถามกลับไป
“มีเพื่อนมาหาเราน่ะ”
“เพื่อน? ไอด้าเหรอครับ” เขาถามต่อ เพราะเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้จักร้านของเขาก็มีแค่ไอด้าที่เคยร่ำเรียนด้วยกันมาตอนที่ทั้งสองเรียนอยู่ไฮสกูลเท่านั้น ส่วนเพื่อนที่มหาลัยยังไม่เคยมีใครได้มาที่นี่เลยสักคน
“ดูเหมือนเขาจะเป็นเพื่อนจากมหาลัยของลูกนะ” แม่เอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก ทว่าคำพูดของเธอกลับทำให้คนที่ยืนอยู่ในห้องเริ่มมีอาการหน้าถอดสี เมื่อเขาคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่
และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ
“…เจมส์” เพียงแค่ลงมาถึงชั้นล่างที่เป็นร้านขายของและเดินออกมาหาเพื่อนตามที่แม่บอก เสียงของฟลินก็ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อลางสังหรณ์ที่เขาภาวนาขอให้มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ตอนนี้มันกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาจนได้
“สวัสดี” อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ดูจะดีใจมากที่เห็นฟลินปรากฎตัวอยู่ที่นี่
“นายมาที่นี่ทำไม กลับไปเลยนะ” เมื่อฟลินเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ถือวิสาสะจับเข้าที่แขนของเจมส์แล้วออกแรงลากเล็กน้อย เพื่อบอกให้อีกฝ่ายรีบเดินออกไปจากร้านเขาซะ
“ตอนนี้พ่อแม่นายกำลังมองพวกเราอยู่ นายอยากให้พวกเขาสงสัยเหรอว่าพวกเราเป็นเพื่อนแบบไหน” เจมส์ถามกันเสียงแผ่ว จงใจจะให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น
“…”
“ที่ฉันมาหานายก็เพราะฉันทนรอให้ถึงวันเปิดเทอมไม่ไหว นายเองก็คงจะคิดถึงฉันเหมือนกันใช่ไหม”อีกฝ่ายเอ่ย ซึ่งนี่ก็เป็นคำพูดที่ทำให้ฟลินรู้สึกขยะแขยงมากที่สุดในโลก
ในตอนแรกฟลินคิดว่าตลอดทั้งการปิดเทอมในครั้งนี้ ชีวิตของเขาคงจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง อย่างน้อยก็จนกว่ามหาลัยจะเปิดเทอม แต่พอเขารู้ความจริงว่าเจมส์พยายามใช้เส้นสายที่ตัวเองมีตามหาบ้านของเขา เพียงเพราะเหตุผลสั้น ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องการเจอหน้ากัน นั่นก็ทำให้คนที่ถูกตามรังควานค่อนข้างจะหัวเสียอยู่พอสมควร
ช่วงค่ำของวันหลังจากที่ฟลินช่วยพ่อเขาปิดร้านและนั่งทานมื้อค่ำกับคนในครอบครัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบขึ้นมาบนห้องตัวเองทันที เมื่อตั้งแต่ที่เจมส์ยอมกลับไปตามคำขอร้องของเขา ตลอดทั้งวันนับตั้งแต่นั้นเขาก็อารมณ์ไม่ดีนัก
ฟลินไม่อยากจะหงุดหงิดใส่คนในครอบครัว สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจรีบพาตัวเองกลับขึ้นมาบนห้อง ตั้งใจจะหากิจกรรมอะไรทำเพื่อแก้อารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง และสิ่งที่ฟลินเลือกทำนั่นก็คือการแช่น้ำอยู่ในอ่าง พร้อมดูหนังไปด้วย
โดยฟลินก็ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในห้องน้ำเกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ และพอเขารู้สึกว่าอารมณ์ที่ขมุกขมัวในตอนแรกมันสลายหายไปแล้ว พออาบน้ำเสร็จเขาก็เอื้อมมือไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาคาดเอวอย่างหมิ่นเหม่ เพื่อที่จะได้ออกไปแต่งตัวข้างนอกห้องน้ำ
“ฉันนึกว่าแกจะไม่มาหากันซะแล้ว” เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ทันใดนั้นเสียงของฟลินก็แทบจะดังขึ้นในทันที หลังตอนนี้บนโต๊ะอ่านหนังสือของเขากำลังมีเจ้านกฮูกอย่างเจ้าวินซ์ยืนคอยกันอยู่
ซึ่งหลังจากที่มันเห็นเขา ดวงตาสีเหลืองดำของมันก็เบิกกว้างเล็กน้อยคล้ายกับมันตกใจที่เห็นฟลินในสภาพแบบนี้ ทว่าพอมันตั้งสติได้ เจ้าวินซ์ก็รีบใช้ความสามารถพิเศษของมันรีบหันเหใบหน้าอ้วน ๆ ของมันไปทางอื่นโดยพลัน คล้ายกับว่าการที่มันจ้องมองฟลินในสภาพกึ่งโป๊แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“เป็นอะไรเนี่ย นี่แกอย่าบอกนะว่านอกจากแกจะเป็นนกแสนรู้แล้ว แกก็ยังเป็นนกที่มารยาทดีด้วยน่ะ” ฟลินถามเจ้าวินซ์พลางกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้จากเจ้านกฮูกจอมเซ่อ โดยพฤติกรรมการแสดงออกของมันก็ทำให้ฟลินยิ้มได้อีกครั้ง