บทนำ
@ สนามบินสุวรรณภูมิ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิสองร่างกอดกันกลมหนึ่งร่างเป็นสาวสวยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวเครื่องหน้าได้มาจากผู้สูงวัยผู้เป็นป้าแท้ๆอายุประมาณห้าสิบต้นๆ
หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่สะสวยคมคายแบบไทยแท้แม้สวยไม่มากแต่มองไม่เบื่อคิ้วเข้มจมูกโด่งรั้นริมฝีปากบางสวยได้รูปผิวขาวเนียนต ผมยาวประบ่าซอยสไลด์เข้ากับกรอบหน้าทำผมสีคาราเมลดูอ่อนโยนอ่อนหวาน
"อยู่ที่โน่นรักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะลูกนะ"
"ค่ะคุณป้า" ฉันซาบซึ้งไม่ไหวก้มลงกอดผู้เป็นป้า แอบส่งสายตามองหาว่าจะมีใครมาสมทบอีกไหม
โกโก้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด "บาหลีแกไม่ต้องกลัวนะฉันจะโทรหาแกบ่อยๆ"
"บอสน่าจะส่งฉันไปแทนแกนะว่าไหมบา" ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างอ้อนแอ้นจีบปากจีบคอ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้นายโก้หนุ่มน้อยเฟรชชี่จากเชียงใหม่รูปร่างสูงโปร่งผิวขาว ก็กลายเป็นโกโก้ในปีสองนับจากนั้นเธอก็มาพร้อมจริตของสาวเต็มพิกัดมากกว่าฉันที่เป็นผู้หญิงเสียอีก
"อ้าว!! แล้วทำไมไม่บอกบอสล่ะฉันไม่อยากไปเลยแก"
"ที่นั่นข้าวของแพงหูดับ ข้าวจานละตั้งหลายร้อย บ้านเราสี่สิบบาทก็อิ่มแล้วเงินเดือนไม่รู้จะพอใช้หรือเปล่าเลย"
"เถอะน่าชะนีน้อย...ดีไม่ดีนะแกอาจจะได้ท่านชีคเป็นหลัวก็ได้เนอะ"
"ไม่เอานะ..ป้าไม่เอาหนูต้องดูดีๆนะลูก"คุณป้าที่ออกตัวแรงลูบหลังหลานสาวเบาๆสีหน้าดูจะไม่ยินดี
"ค่ะ..คุณป้าไม่ต้องห่วงค่ะ" ฉันนึกถึงผู้ชายที่นั่นเห็นมีแต่คนไว้หนวดไว้เคราเฟิ้มเชียวแล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้ชายมีเมียได้ถึงสี่คนแล้วก็ทำให้ท้อใจ
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบุรุษรูปงามที่มีรูปร่างกำยำสมชายชาตรีใบหน้าคมเข้มเจ้าของนัยน์ตาสีเทาเหลือบทองที่ชอบมองมาทางเธอบ่อยๆแต่หนวดเคราเข้มครึ้มนั่นกลับทำให้ขนลุกอย่างบอกไม่ถูก นึกแล้วขนลุกพรึ่บจนต้องเอามือมาลูบไว้แล้วสลัดภาพในหัวทิ้งไป
"กลับมาป้าจะนัดดูตัวลูกชายเพื่อนป้าดีๆหล่อๆให้นะลูก"
"แล้วแต่คุณป้าเลยค่ะ" หญิงสาวตามใจผู้เป็นป้าหลังจากดื้อรั้นมานานตอนนี้หมดหวังกับคนรักทั้งหลายที่ผ่านมาทั้งหมดทั้งมวล
"ไม่อยากไปเจอยัยข้าวฟ่างกับกวีเลย..โกโก้"
"อย่าได้แคร์เพื่อนถือซะว่าทิ้งของเกรดต่ำไปให้หมามันแดกแล้วกันนะ"
"อืม..." ฉันพยักหน้าเห็นด้วยจากนี้ต้องเข้มแข็งให้ได้ด้วยตนเองเสียแล้ว
"พ่อกับแม่เขาติดธุระกันเหรอคะไม่เห็นมากันเลย" ฉันมองทางแล้วมองทางอีกคิดว่ายังไงครอบครัวที่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ตัวฉันที่เป็นลูกคนหนึ่งก็น่าจะมีเยื่อใยกันบ้าง
"ไม่มาก็ไม่เป็นไรนะลูกไม่ต้องคิดมากนะ" ป้าบัวชมพูหรือป้าบัวผู้ที่รับเธอไปอุปการะตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเธอสงสารหลานสาวคนเล็กนักที่ไม่เป็นดั่งใจพ่อแม่ไม่เรียนหมอเหมือนพวกพี่ๆเค้าแต่ชอบขีดเขียนวาดงานศิลปะจนสอบได้คณะมัณฑนศิลป์ดั่งใจฝัน
"ค่ะ..คุณป้า" ฉันที่มีป้าอยู่เคียงข้างกันมาตลอดปรึกษาได้ทุกเรื่องแม้กระทั่งความรัก
"มาแล้วค่า มากันแล้ว" โกโก้ส่งเสียงเมื่อเห็นว่ามีอีกสี่คนที่กระหืดกระหอบมา
มองไปที่เพื่อนสาวก็เห็นรอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าตื่นเต้นแทนฉันจนออกนอกหน้า
"มากันแล้ว".....
"พ่อ..แม่"
"พี่ธันวา พี่เมษา"
"มาจริงๆด้วย" หญิงสาวมองไปทางครอบครัวน้ำตาก็รื้นขึ้นมา
"โทษทีพี่ตื่นสายไปหน่อยเมื่อคืนเข้าเวรน่ะ" พี่ธันวาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อดูใบหน้าคมคายนั้นความหล่อเหลาทั้งหมดทั้งมวลได้มาจากตุลาผู้เป็นพ่อ
"สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่" ฉันโผเข้าหาอ้อมกอดที่ไม่คิดว่าจะได้รับมานานแสนนาน
"ไปกี่เดือนล่ะ"แม่ถาม
"ปีนึงค่ะ"
"ปีนึงเลยเหรอบาหลี นานจัง" เมษาผู้มีใบหน้าละม้ายผู้เป็นน้องสาวโผเข้ากอด
ในบริเวณใกล้เคียงกันชีคฮาซันยืนมองอย่างสงบเยือกเย็นแม้เขาต้องโดนวิพากวิจารณ์ในทางที่ไม่ดีไปบ้างเขาก็ไม่ถือสาเพราะนั่นมันเรื่องที่ช่วยไม่ได้ การที่มีคนพูดถึงแสดงว่าเขานั้นมีความสำคัญอยู่บ้างรอคอยอย่างใจเย็นต้องให้เวลากับหญิงสาวเพื่อการร่ำลา
"อืม..ครอบครัวใหญ่" เขานับนิ้วในใจว่ากลับไปครั้งนี้คงต้องรีบซื้อเครื่องเพชรสำหรับสุภาพสตรีเท่าที่เห็นนับได้สามคน ส่วนสุภาพบุรุษทั้งสองคงเป็นนาฬิกาที่ดีและแพงที่สุดน่าจะเหมาะสม
หมั้นก่อนแล้วค่อยแต่งตามธรรมเนียมสายตาคมทอดมองภาพตรงหน้าอย่างมีความหมาย
ชีคฮาซันหมายหมั้นปั้นมือโดยไม่รู้หญิงสาวนั้นกลัวเขาจะแย่อยู่แล้ว
ภาพการแสดงความรักตรงหน้าทำให้ใจเขาโหวงเหวง คงมีเพียงเขาที่อยู่ลำพังกับมารดาไม่มีญาติพี่น้องในต่างแดนแต่นับจากนี้เขาจะสร้างครอบครัวขึ้นมาเป็นของเขาเองให้จงได้
"บาหลี......"
หญิงสาวที่เขาถูกตาต้องใจเมื่อสองปีที่แล้วในงานประกาศผลรางวัลสถาปนิกและมัณฑนากรยอดเยี่ยมแห่งปี เมื่อหญิงสาวขึ้นรับรางวัลมัณฑนากรยอดเยี่ยมในปีนั้น
เขาก็ได้ผนึกภาพหญิงสาวไว้ในใจนับต่อจากนั้น การว่าจ้างบริษัทของหญิงสาวออกแบบและก่อสร้างโครงการเกาะในฝันที่อยู่ข้างกันกับหมู่เกาะต้นปาล์มจึงเกิดขึ้น
โดยเกาะของเขาเป็นส่วนที่ท่านพ่อยกให้และทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสร้างวิลล่าขายให้กับมหาเศรษฐีในราคากว่าห้าล้านดีแรห์มถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณสี่สิบกว่าล้านเกือบห้าสิบล้านบาทจำนวนสองร้อยเกาะ
ในหนึ่งเกาะเล็กๆนั้นจะปลูกบ้านเกาะละหนึ่งหลัง มีพื้นที่ไว้พาสัตว์เลี้ยงเดินเล่นอีกด้วยโดยบ้านของลูกค้าเขาใช้มัณฑนากรจากอังกฤษฝีมือดี ส่วนบ้านของเขาที่จะใช้เป็นเรือนหอต้องเป็นหญิงสาวคนนี้เท่านั้น....บาหลี
"ไปกันเถอะครับได้เวลาแล้ว"
เขาเดินตรงไปทางหญิงสาวและครอบครัวโดยที่ไม่ลืมแนะนำตัวยื่นมือไปสัมผัสกับพ่อและพี่ชายของเธอด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงความมีรังสีของผู้นำอยู่ในตัวน่าเกรงขาม
"ผม..ฮาซันยินดีที่ได้รู้จักครับ" เขาแนะนำตนเองแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ร่างอรชรตลอดเวลาจนหญิงสาวหน้าร้อนผ่าวบอกไม่ถูก
"ผมตุลา...พ่อของบาหลีครับ"
"ผมธันวา ...พี่ชายครับ"
เมษาที่เห็นว่าเป็นชายหนุ่มรูปหล่อก็อดไม่ได้ที่จะทำความรู้จักจึงยื่นมือสัมผัสบ้าง
หล่อมากงานดีงานเข้มเบ้าหน้าแบบนี้โอ๊ยอิจฉายัยบาหลีจัง หญิงสาวคิดในใจแต่สื่อสารออกมาทางสายตาอย่างเปิดเผย
ดูพี่สาวฉัน
"เมษาค่ะ"
"โกโก้ค่ะ"ชายไม่แท้ดูจะมีความสุขมากกว่าเพื่อนมีความคิดเช่นเดียวกันกับเมษาเพ้อจนตาลอย
รูปร่างกำยำกล้ามเป็นกล้ามแน่นไปทุกสัดส่วน อย่างอื่นไม่รู้ว่าจะแน่นเหมือนกันไหม.....
"ไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลคุณบาหลีเป็นอย่างดี" เขาพูดจากใจจริงเป็นที่สุดต่อจากนี้เขาเท่านั้นที่จะเป็นคนที่พิเศษสำหรับหญิงสาว
"ฝากด้วยนะคะ" ป้าบัวที่ดูจะเป็นห่วงมากกว่าใคร
"เดินทางดีๆนะลูก" ในที่สุดแม่ก็เข้ามาโอบแล้วมอบสร้อยพระให้หนึ่งเส้นสวมให้อย่างอ่อนโยน
"หลวงพ่อจาดห้อยคอไว้ตลอดนะลูก"
"ขอบคุณค่ะแม่"
"หนูไปก่อนนะคะ...ทุกคน"
"บายโกโก้"
หญิงสาวสวมกอดทีละคนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วตัดใจเดินตามเขาไปยังบริเวณขาออกของสนามบินสู่ไครัตตรวจสอบเอกสารแล้วมองไปทางด้านหลังอย่างเศร้าสร้อย
@ บนเครื่องบิน
การเดินทางไปไครัตครั้งนี้ใช้เวลากว่าหกชั่วโมง คงถึงไครัตที่เวลาประมาณหกโมงครึ่งในตอนเย็น
ชั้น Business Class ที่สะดวกสบายหรูหรา หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเลื่อนลอย ข้างๆกันเป็นฮาซันชีคแห่งไครัตสงบเยือกเย็นตลอดเส้นทางเขาบริการถามไถ่อาหารการกิน หลังจากอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่สั่งเป็น seafood Meal เขาก็เอาด้วย
"บาหลี.." เขาเรียกชื่อหญิงสาวเหมือนคนอื่นมาด้วยกันถือว่าสนิทกันแล้ว...เรียกได้
"ค๊ะ"
"คุณหิวไหม? "
"หิวค่ะ..." ผู้หญิงไทยปากตรงกับใจหิวก็บอกหิวไม่เฟคไม่รักสวย
"คุณอยากกินอะไรผมจะสั่งให้" เขาเปิดเมนูอาหารแล้วทำท่าจะสั่งมองมาทางหญิงสาว
"หืม..." คนคอยรอคำสั่งก็ค้างสายตาไว้อย่างนั้น
"สลัดค่ะ.ขอน้ำแอปเปิลด้วยค่ะ."
"อ้อ...ผมเอาแบบคุณด้วย"
คุณคะ......คุณท่านชีคใจคอจะไม่คิดเอาเองบ้างเลยเหรอคะ...ลอกข้อสอบตลอดฉันคิดในใจมองใบหน้านั้นที่ทำให้รู้สึกคันยุบยิบบอกไม่ถูก
เขาสั่งอาหารเสร็จแล้วนั่งรออย่างสำรวม ด้วยกฏระเบียบทางศาสนาที่ไม่อาจโดนตัวหญิงสาวได้แม้ในใจเขาไม่คิดเป็นเช่นนี้เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี่้เขาก็แทบอยากจะโอบหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแบบคู่รักเสียให้ได้
ผู้หญิงไทยค่อนข้างหวงตัวเขารู้....จะบุ่มบ่ามไม่ได้แน่นอน
"ขอบคุณค่ะ" ฉันขอบคุณเขาไปแล้วยิ้มอ่อนโยน อย่างน้อยที่ไครัตก็มีเขาอีกคนที่น่าจะพอพึ่งพาได้ ส่วนสองคนนั้น
ห่างกันได้ยิ่งดี
ชาตินี้ตายไปก็ไม่ต้องมาเผาผีคุยกันแต่เรื่องงานก็เพียงพอแล้ว
เคยได้ยินเหล่าดาราเซเลบเคยพูดแบบสวยๆตอนเลิกกับคนรักว่า เลิกกันแล้วยังเป็นเพื่อนกันได้ แบบนั้นไม่ใช่ฉัน
ลาขาด.......
อาหารว่างผ่านไปไม่รู้จะทำอะไรดีจึงนอนดูหนังหลังจากที่เลือกอยู่นานในที่สุดก็เลือกซีรี่ย์เกาหลีที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้มาดู
ฉันนั่งยิ่มน้อยยิ้มใหญ่ตัวแทบม้วนเป็นเกลียวเมื่อถึงฉากหวานส่วนท่านชีคก็ไม่เห็นจะดูจอของตัวเองหรือว่าเขาจะไม่มีอารมณ์สุนทรีย์แล้วยังเอียงมาทั้งตัว ถ้าไม่มีที่วางของกั้นกลางเขาคงมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้วกระมัง
"จอเสียเหรอคะ" ฉันถามอย่างอยากรู้เอียงตัวไปมองจอของเขา
ท่านชีคทำสีหน้าอ่านยากทั้งที่โดนจับได้ขนาดนี้เขาก็ยังรักษามาดสุขุมได้อย่างแนบเนียน
"ผมไม่รู้จะดูอะไร"
"เลือกให้ไหมคะ"
เขาส่ายหน้ายืนยันที่จะดูเรื่ิองเดียวกับของหญิงสาว "ของคุณสนุกดี"
"แมนหรือเพื่อนหญิงวะชีค" หญิงสาวเผลอพูดเป็นภาษาไทยกับตนเอง
"what" เขาได้ยินแต่เสียงของภาษาที่ไม่คุ้นเคยลอยลมมาจึงถามอย่างสงสัย
"ไม่มีอะไรค่ะ" ฉันเป่าลมออกจากปากคงต้องพูดอังกฤษกันทุกคำล่ะมั้งไม่อย่างนั้นเขาต้องคิดว่าถูกนินทาเป็นแน่แท้
ฉันเข้าใจว่าขีวิตของเขาคงไม่มีเวลามาดูหนังดูละครเหมือนคนทั่วไป คงจะยุ่งแต่กับงานพอเลิกงานก็ต้องให้ความสุขกับลูกกับเมียทั้งหลายของเขาให้เท่าเทียมกัน
จากนั้นซีรีย์เกาหลีก็ได้มองคนที่เอาแต่หลับไปตลอดทางจนถึงแอร์พอร์ตของเมืองไครัต
จบตอนแรกแล้วขอกำลังใจด้วยนะคะ
ออนไรท์