ตอนที่ 1 : ห้วงรักหนักแน่นดั่งขุนเขา
ตอนที่ 1
ห้วงรักหนักแน่นดั่งขุนเขา
เขตท้ายจวนสกุลซู
ด้านหลังภูเขาจำลองท้ายจวนสกุลซูนั้นเองเสียงครางกระเส่าในลำคอของบุรุษร่างสูงใบหน้าคมเข้มดังลอดมาให้ได้ยิน
ไม่เพียงบุรุษหากแต่สตรีบอบบางใต้หว่างขาบุรุษผู้นั้นใบหน้าฉายแววเคลิบเคลิ้มเช่นกัน
“....อี้หยูเจ้าจับของลับข้าให้ถนัดหน่อย... อ่า!!!....”
“อย่างนั้นแหละอี้หยู......อูย!!....ข้าแทบทนไม่ไหวแล้ว”
“ปากเจ้า...ช่างอุ่นเหลือเกิน”
แม่ทัพน้อยซูโม่เหวินกับคู่หมั้นนามว่าเฉาอี้หยูพากันมาตักตวงความสุขจากเรือนร่างกันและกันที่ศาลาท้ายจวนสกุลซูอยู่บ่อยครั้ง
ที่นี่เป็นเขตเรือนพักของซูโม่เหวินหากไม่มีคำสั่งโดยตรงของเขาย่อมไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้
.......ตับ!!....ตับ!!!.......ตับ!!!!........
เสียงเนื้อกระทบเนื้อสอดประสานกันเป็นระยะ...แม้เฉาอี้หยูจะรู้สึกถึงความชอกช้ำไปทั้งบั้นท้าย
ด้วยร่องกลีบโบตั๋นถูกของลับบุรุษกระทำเข้าออกอย่างไร้ปราณี
....ใบหน้าซื้นเหงื่อแดงเรื่อของนางกลับฉายแววสุขสมถึงแก่น....
“โอ้ว!!....อี้หยู...ข้าอั้นไม่ไหวแล้ว”
“พี่โม่เหวิน...ข้าเสียวเจ้าค่ะ......อ๊า!!!....”
.........ตับ!!!...ตับ!!!!!ๆๆๆๆๆๆๆ........
ได้ยินโฉมงามใต้ร่างร้องครางวาบหวามเช่นนั้น...ซูโม่เหวินพลันเร่งรัวท่อนเอ็นกำยำซัดกระแทกร่องราคะเฉาอี้หยูหนักขึ้นไปอีก
ปลายทางสวรรค์เปิดรอทั้งคู่เสพสม
“......อึก!!!!!!..”
เฉาอี้หยูถึงกับร่างกระตุกเกร็งจากแรงกระแทกกระทั้นบั้นท้ายเร่าร้อนของซูโม่เหวิน
จนเรือนร่างบอบบางของนางพลันกระตุกถี่ทั้งเจ็บแสบทั้งเสี่ยวซ่าน...ร่องสวาทอุ่นร้อนพลันดูดขมิบ
“...อ่า!!!!...”
เสียงครางทุ้มต่ำของซูโม่เหวินยามปลดปล่อยน้ำรักขาวข้นใส่ร่างเฉาอี้หยูช่างวาบหวาม
กลิ่นคาวสวาทโชยคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีร่างเปลือยเปล่ามอบความสุขสมกันและกันไปมาในที่ลับตาคนเช่นนี้
กลับมีดวงตาสดใสคู่หนึ่งจ้องมองพวกเขาด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
เฉาเหวินจีน้องสาวร่วมสายเลือดของเฉาอี้หยูใช้สองมือน้อยปิดปากตัวเองแน่น
นางจำต้องข่มกลั้นเสียงสะอื้นของตนกลืนลงท้องไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางแอบดูซูโม่เหวินกับเฉาอี้หยูกระทำบทรักเร่าร้อนต่อกัน
ว่าที่พี่เขยผู้องอาจผู้นั้นนางเองก็หมายปองตัวเขาเช่นกัน
ฤกษ์แต่งงานของพวกเขาทั้งสองใกล้เข้ามาทุกที...เฉาเหวินจีต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
หาไม่แล้วชาตินี้ทั้งชาตินางต้องคลาดกันกับซูโม่เหวินเป็นแน่
คนสกุลเฉานับเป็นบัณฑิตมากความสามารถส่วนสกุลซูเองก็เป็นแม่ทัพมาหลายชั่วคน
เช่นนี้แล้วคู่บ่าวสาวจากทั้งสองสกุลย่อมเหมาะสมกันยิ่งนัก
เมื่อหนึ่งปีก่อนแม่สื่อส่งเทียบชะตาหมั้นหมายระหว่างซูโม่เหวินกับเฉาอี้หยูไปที่จวนสกุลเฉา
ทางด้านบิดาของเฉาอี้หยูเห็นควรตอบรับไมตรี
เทียบชะตาวันฤกษ์ดีนั้นจึงจัดขึ้นในอีกแปดเดือนให้หลัง
ยามนี้ของหมั้นพร้อมทั้งเทียบเชิญเจ็ดพิธีการถูกส่งออกไปจนครบตามกำหนด
เฉาอี้หยูใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ริมฝีปากแต้มชาดสีแดงเรื่อ พวงแก้มสีดอกท้อดูราวกับเป็นเด็กหญิงหาใช่สตรีพ้นวัยปักปิ่น
ครั้งแรกที่ไปเยือนจวนสกุลเฉาซูโม่เหวินได้พบกับเฉาเหวินจีผู้เป็นน้องสาวของเฉาอี้หยู
จึงทึกทักเอาว่าสตรีงดงามน่ารักผู้นั้นคือเฉาอี้หยูคู่หมั้น
ภายหลังได้พบตัวจริง...ซูโม่เหวินถึงกับกระดากอายที่ตนทักคนผิด ถึงกระนั้นตัวเขาก็ยังพึงใจเฉาอี้หยูอยู่มาก
วาระกรรมคราวนั้นเองที่ทำให้สตรีในห้องหอเช่นเฉาเหวินจีหลงรักบุรุษองอาจใบหน้าคมเข้มเช่นซูโม่เหวิน
ถึงกระนั้นเฉาเหวินจีเป็นสตรีได้รับการสั่งสอนอย่างเข้มงวด การจะให้นางทำร้ายพี่สาว
หรือใช้บุรุษร่วมกันกับพี่สาวนั้นนางไม่อาจทนรับได้
หลายเดือนที่ผ่านมาเฉาเหวินจีได้แต่เฝ้ามองคู่ยวนยางทั้งสองกอดก่ายมอบความสุขแก่กันที่ท้ายจวนสกุลซูนี้
....เรื่องที่นางแอบดูทั้งคู่แสดงบทรักกันนั้นเพียงเฉาเหวินจีเท่านั้นที่รู้....
เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนความหวังอันริบหรี่ของเฉาเหวินจีเดินทางมาพร้อมกับใต้ซือชราผู้หนึ่ง
ใต้ซือหวู่หวังแห่งวัดหลี่เทียนซุยชี้ทางสว่างให้นางเดินทางมาขอคำทำนายลิขิตสวรรค์ที่เมืองกุยเปียว
รถม้าจากจวนสกุลเฉารีบเร่งเดินทางสู่เมืองกุยเปียว
ด้านในรถม้ามีร่างอรชรของเฉาเหวินจีบุตรีคนรองสกุลเฉาแห่งหยางโจวโดยสารมา
เมื่อมาถึงหอหมื่นเมฆาแห่งกุยเปียวเฉาเหวินจีไม่รอช้าเข้าไปแจ้งความประสงค์ขอพบกั้วซูนักทำนายทันที
“เสี่ยวเอ้อ...กั้วซูผู้หยั่งรู้ฟ้าดินของพวกท่านเมื่อใดถึงจะให้เข้าพบหรือ?”
น้ำเสียงใสกังวานจากสตรีร่างเล็กเอ่ยถาม
“แม่นางโปรดเรียกข้าว่าก้วยเปียวเถอะขอรับกั้วซูเพียงบอกให้ต้อนรับแม่นางที่เรือนปีกตะวันตกขอรับ”
“เรื่องอื่น...กั้วซูไม่ได้สั่งไว้ขอรับ”
ก้วยเปียวผู้มีใบหน้าใสกระจ่างเอ่ยถ้อยคำนอบน้อม
“เช่นนั้น...คนของข้าที่ด้านนอก?”
สตรีนางนั้นเพียงเก็บงำความร้อนรุ่มในใจ
....เฉาเหวินจี.....นางยอมมาเยือนหอหมื่นเมฆาครั้งนี้ก็เพื่อเอาคำทำนายดวงชะตาให้กับพี่สาวของนาง
“แม่นางท่านนี้...กั้วซูให้เชิญท่านด้านในขอรับ”
ก้วยเปียวโค้งตัวทั้งยังผายมือเชิญเฉาเหวินจีอย่างนอบน้อมยิ่งนัก
เฉาเหวินจีเดินตามเข้ามายังห้องกั้นด้านหลังเมื่อมาถึงร่างบางถึงกับชะงักปลายเท้า
เบื้องหน้านางปรากฏบุรุษร่างโปร่งบาง ใบหน้าเรียวงามจนแทบไม่อาจแยกออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ดวงตาสีดำลุ่มลึกริมฝีปากสีแดงสดตัดกับผิวเนื้อขาวสว่าง
ที่กลางหว่างคิ้วงดงามประดับด้วยแต้มชาดลายเมฆมงคลสีแดงเพลิงดูราวกับจะพุ่งทะยานออกมาได้
บุรุษงดงามผู้นั้นนั่งเอนกายอยู่บนเตียงยกพื้นปูด้วยเบาะนุ่ม
เบื้องหน้ามีเพียงตะเกียงแก้วเจียระไนเนื้อดีให้แสงส่องสว่าง
เฉาเหวินจีได้แต่ตะลึงมองรูปโฉมของ...กั้วซู... ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินแห่งหอหมื่นเมฆา
บุรุษงดงามผู้นี้ช่างดูมืดมนอันตรายราวกับจะกลืนกินนางได้ทุกเมื่อ
“เชิญแม่นางนั่งลงก่อน”
น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยถ้อยคำ...ไม่รู้สิ่งใดดลใจเฉาเหวินจีทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความกลัวเกรง
หากแต่สองเท้าเคลื่อนเข้าไปใกล้
นางนั่งลงตรงข้ามกับกั้วซูพอดี ดวงตาสีดำลุ่มลึกคู่นั้นจ้องมองไปยังดวงตากลมแวววาวของเฉาเหวินจี
----------------------------------------------------
หากชื่นชอบโปรดกดติดตาม
เป็นกำลังใจให้นักเขียนได้นะคะ
รักนักอ่านมาก 'ซิ่งฮวาก่งจื้อ'