เพื่อน(แอบ)รัก นายวิศวะ ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ณ ผับแห่งหนึ่ง
เสียงเพลงในร้านที่เปิดเพลงติดกระแสดังกระหึ่มกลบเสียงพูดคุยจนฉันและเพื่อนๆ ต้องตะเบงเสียงคุยกัน ต่างจากโต๊ะรอบข้างที่ชายหญิงเอียงคอกระซิบกระซาบกันให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังพูดว่าอะไร
โต๊ะของพวกเรามีแก้วเหล้าวางเรียงเต็มไปหมด ฉันหัวเราะเอิ้กอ๊ากไปกับมิ้น คิอาร่า แล้วก็แอล เสียงเพื่อน ๆ แข่งกันคุยไม่หยุด ฉันอยู่ในชุดเดรสสีขาวครีมสวยหรู ที่คิอาร่าย้ำนักย้ำหนาว่าต้องให้ฉันใส่ให้ได้ ด้านหน้าของชุดเป็นเกลียวผ้าเป็นโบว์ผูกกลางอก เผยผิวช่วงไหล่และเนินอกพอให้ชวนมอง หนุ่มๆ โต๊ะข้างๆ ส่งสายตาหวานเยิ้มมาที่ฉันหลายครั้ง แต่ก็ทำเป็นไม่เห็นและสนใจเพื่อนๆ ที่โต๊ะต่อ
“สอบผ่านแล้วโว๊ยยยยยยยย โอยยยยยยย ผ่านไปสักที ขอบคุณพระเจ้า!”
มิ้นชูแก้วสูงขึ้น ใบหน้าของเธอแดงจัด ทำเอาฉันสงสัยว่ามิ้นแอบไปนับถือพระเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันขำให้กับท่าทางของมิ้น ผู้มีเสน่ห์เหลือล้นแต่ไม่รู้จักเอามาใช้สักที มิ้นสวย น่ารัก อยู่ในเสื้อครอปสายเดี่ยวสีมิ้นพาสเทลระยิบระยับ กับกระโปรงทรงเอเอวสูงรัดรูปสั้นกับสนีกเกอร์สีขาว
“กูบอกแล้วว่าไง มึงต้องรอดอยู่แล้ว คนเก่งแบบนี้จะไปกลัวทำไม”
คิอาร่ากระดกเหล้าหมดแก้วอย่างมั่นใจ สบัดผมยาวสลวยสีบอลด์ที่ม้วนแบบลอนใหญ่ยาวไปถึงกลางหลัง ร่างบางอยู่ในชุดเดรสสีเงินรัดติ้วอวดทรวดทรงที่ทำให้ใครก็ยากที่จะละสายตา ใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีที่ลงตัว เผยความมั่นใจและเสน่ห์ดึงดูดในเวลาเดียวกัน ทุกการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจชวนให้มีเสน่ห์ดึงดูด
กุไปเรียน Personal color มา วันไหนมึงพร้อมล่ะบอก ที่นี่เด็ด
“กูไม่รู้อ่ะ...เหมือนทำไม่ได้หลายข้อเด้อ” แอลทำหน้าลังเล แต่ก็ยกแก้วขึ้นมาชนกับพวกเรา
“ช่างมันเถอะะ คืนนี้ยกก่อน!” พวกเรายกแก้วกันโดยที่ไม่ลืมถ่ายรูปลงสตอรี่ไอจี และแท็กเพื่อนๆ ในกลุ่มจนครบ
ฉันหัวเราะคิกคัก แก้มร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หยิบไก่ทอดขึ้นมากัดพลางบ่น
“จริง ๆ ฉันไม่ได้กลัวข้อกาเท่าไหร่นะ แต่ข้อเขียนนี่ดิ มั่วไปตั้งเยอะเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“โอ๊ยยยยยยยย คนอย่างมึงใครจะไปจับผิดได้ล่ะ” แอลยกมือมาตบไหล่ฉัน
เราหัวเราะเอิ้กอ้ากกันอย่างออกรสไปตามประสา ฉันเขียนแบบเดาสุ่มไปจริงๆ ต่อให้เขียนไปตั้ง 3 หน้า เนื้อหาก็มีแต่น้ำไปซะเยอะ พวกเราพูดคุยเรื่องข้อสอบ และคำตอบของแต่ละคนพลางคิดว่าตัวเองจะได้คะแนนมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับคำตอบของเพื่อนไปสักพัก
แต่ทันใดนั้นเสียง
ซ่า!
ดังลั่นข้างหู ฉันสะดุ้งสุดตัว ความเย็นชื้นไหลรดลงมาบนหัวจนเส้นผมเปียกชุ่ม เปอะเปื้อนชุดที่คิอาร่าให้ยืม กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนชัดเจน
“เฮ้ย!! โมอา!!” เสียงเพื่อนสาวของฉันร้องพร้อมกันด้วยความตกใจ
มิ้นรีบเอากระดาษชิชู่มาซับหน้าซับผมให้ฉันอย่างลนลาน ขณะที่อีกสองคนลุกจากโต๊ะ มองผู้มาใหม่อย่างเอาเรื่อง
ฉันชะงักค้าง น้ำสีทองอำพันไหลจากหัวที่เปียกชุ่มลงบนไหล่ มันไหลย้อยไปถึงแขนและตักที่มิ้นกำลังซับให้ ฉันเงยหน้าช้า ๆ สบเข้ากับดวงตาแข็งกร้าวของรุ่นน้องปีสองที่ถือแก้วเปล่าอยู่ในมือ
อะไรอ่ะ? ใคร? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“มึงนี่เอง...” น้ำเสียงเย็นชาและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ของผู้หญิงตรงหน้า ที่มาพร้อมกับเพื่อนอีก 3 - 4 คน จากสายตาประเมินก็น่าจะยังคงเป็นนักศึกษาเหมือนกันกับฉัน
“ที่ชอบทำตัวเป็นมือที่สาม!”
ฉันเบิกตากว้าง “ห๊ะ?”
อะไรวะ งงหนักกว่าเดิม มือที่สามอะไร
“อย่ามาแกล้งทำตัวใสซื่อ! คนเขาพูดกันทั้งนั้น ว่ามึงกั๊ก ‘พี่ไค’ เอาไว้กับตัว ทั้งที่จริง ๆ พี่เขาไม่ได้คิดอะไรกับมึงด้วยซ้ำ!”
เสียงของเธอตะโกนก้องดังแข่งกับเพลง จนโต๊ะรอบ ๆ เริ่มหันมามอง ในหัวคิดทบทวนซ้ำๆ ว่าฉันไปเป็นมือที่สามตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่ตัวเองมัวยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสอบ และการทำงานพาร์ทไทม์ เวลานอนดีๆ สักคืนยังแทบไม่มี
หัวใจฉันเต้นแรง มือไม้เริ่มออกอาการสั่น
“ห๊ะ?”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะมึง พี่ไคมีแฟนไปนานแล้ว! เค้าปฏิเสธฉันเพราะมึงนั่นแหละ ปั่นหัวพี่เค้าอยู่ได้”
คิอาร่ารีบลุกพรวด “ไม่ใช่นะ! โมอาไม่เคยเป็นแบบนั้น!”
“ใช่! แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาด่าเพื่อนฉันฉอดๆๆ แบบนี้ อีนี่” แอลตวาดใส่ทันทีด้วยความโกรธจัด
รุ่นน้องหัวเราะหยัน
“สิทธิ์ไง...สิทธิ์ของเมียพี่ไค ที่รักพี่ไคจริง ๆ ไง ไม่ใช่อีคนนี้ที่เอาแต่ปั่นหัวพี่เค้า!”
ฉันกำมือแน่น ความเจ็บกับความโกรธตีตื้นขึ้นมาพร้อมกัน ในขณะที่ก็เริ่มจะคุ้นๆ หน้าผู้หญิงคนนี้แล้ว
“ฟังฉันนะ...ฉันกับไค เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีอะไรมากกว่านั้น!”
หลังจากที่ใช้สิทธิ์ ห๊ะ ไปถึง 2 ครั้งไม่ใช่เพราะกวน แต่เพราะงงกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ แลัวก็เริ่มๆ จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้าง ฉันเริ่มออกปากปกป้องตัวเอง
“โกหก!!”
เสียงเธอดังก้องราวกับค้อนทุบลงกลางอกฉัน “ถ้าไม่มีอะไรจริง แล้วทำไมพี่เขาไม่เปิดใจให้ใครล่ะ? ก็เพราะเธอนั่นแหละ! ตัวปัญหา!”
“แล้วดูนี่ ฉันมีหลักฐาน ถ้าไม่ได้คิดอะไร แล้วมึงเข้าห้องพี่เค้าไปทำไม แล้วเข้าๆ ออกๆ หลายรอบด้วย”
ผู้หญิงตรงหน้าชูโทรศัพท์ที่มีคลิปวิดีโอฉันเดินเปิดประตูเข้าห้องไค เพื่อนสนิทที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่ประถม
ในวิดีโอเป็นตัวฉันเองที่เปิดประตูเข้าคอนโดของไค อีกสักพักฉันเดินออกมาพร้อมกับถุงขยะสองถุง แล้วเดินไปตามทางเดิน แล้วเอาขยะไปทิ้งที่ห้องขยะแบบกิจกรรมปกติที่พนักงานที่ถูกจ้างมาเป็นแม่บ้านเขาทำกัน
คือมันก็ดูออกเลยไหม ว่าฉันเข้าไปทำอะไร เหอะๆ
เอาจริงๆ ฉันว่ามันพอเข้าใจได้นะ ที่เธอจะหึงกับการกระทำที่อธิบายยากของฉันดูเผลินๆ เหมือนจะมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า แต่การที่อยู่ๆมาหาเรื่องกันขนาดนี้ ในที่สาธารณะแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยไหม
โต๊ะรอบ ๆ เริ่มซุบซิบ บางคนยกมือถือขึ้นจ่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดชวนให้อึดอัด ฉันหายใจติดขัด สายตาเริ่มพร่า น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“พอได้แล้ว! เธอเกินไปแล้วนะ!”
แอลผลักไหล่รุ่นน้อง แต่เธอกลับแสยะยิ้มราวกับได้ใจ
“อะไรล่ะ หรือว่าเธอเองก็กลัวความจริง?”
ฉันกัดริมฝีปากจนเจ็บ สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าความวุ่นวายในร้านและเสียงเพลงดังกลบทุกถ้อยคำของฉันจนแทบจมหายไป
“ฟังฉันก่อนนะ...” ฉันพยายามฝืนเสียงสั่น ๆ ของตัวเอง
“ฉันกับไคเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถ้าเธอจะโกรธเพราะข่าวลือ หรือแค่เรื่องที่ฉันเข้าไปในห้องของไค ฉันว่าเธอกำลังเข้าใจผิด...”
เพี๊ยะ!!