บทที่ 1 ย้อนเวลา
คุยกับนักเขียน
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกคน วันนี้เกดกันยามาพร้อมกับนิยายจีนโบราณเรื่องแรก จากนางร้ายสู่พระชายาของท่านอ๋อง ด้วยความที่นางร้ายอันดับหนึ่งทะลุมิติไปอยู่ในร่างของพระชายาของท่านอ๋อง ที่ตอนแรกนางคิดว่าเขาจะเย็นชา ที่ไหนได้เขาดันเป็นท่านอ๋องคลั่งหื่นนี่เอง
ถ้าอย่างไงขอฝากนิยายเรื่องแรกนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านด้วยนะคะ
ภายในห้องที่ปิดสนิทอบอวลไปด้วยกลิ่นยา หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงขยับเปลือกตาก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นมามอง นางรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมากที่ไม่คุ้นเคยกับห้องนี้เลย ร่างบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ ก็เห็นเด็กสาวสองคนที่ใส่ชุดสมัยโบราณยืนอยู่ข้างๆ เตียง
“พระชายาทรงฟื้นแล้วเหรอเพคะ” เด็กสาวคนหนึ่งรีบเอ่ยถามด้วยความดีใจพร้อมกับขยับเข้าไปหาร่างบาง
“เธอเป็นใคร” ดาราสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เธอไม่เคยรู้จักเด็กสาวมาก่อน แม้แต่เห็นก็ไม่เคยเห็น
“พระชายาจำซิงอีไม่ได้เหรอเพคะ” ซิงอีใบหน้าสลดลงทันทีเมื่อเจ้านายไม่สามารถจำตนเองได้
“ที่นี่ที่ไหน ฉันไม่เคยรับถ่ายหนังโบราณมาก่อน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เฟยเจินจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังถ่ายหนังบนเรือก่อนจะผลัดตกเรือแล้วนอกจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย จนตื่นขึ้นมาอีกทีเธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
“พระชายาอย่าแกล้งหม่อมฉันเล่นแบบนี้สิเพคะ ซีซวน เจ้ารีบไปแจ้งให้ท่านอ๋องทราบว่าพระชายาทรงฟื้นแล้ว” ซิงอีพูดกับเจ้านายสาวก่อนจะหันไปเอ่ยกับเด็กสาวอีกคน
“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละพี่ซิงอี” ซีซวนเอ่ยบอกจบก็รีบเดินออกไปทันที
ซีซวนไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มที่สะพาย่ามยามาแทน
“ซีซวนแล้วท่านอ๋องล่ะ” ซิงอีไม่เห็นท่านอ๋องเสด็จมาก็เอ่ยถามเด็กสาวทันที
“ข้าไปแจ้งให้ท่านอ๋องทรงทราบแล้ว แต่ท่านอ๋องไม่ว่างก็เลยส่งท่านหมอมาตรวจอาการพระชายาแทน” ซีซวนพูดออกมาด้วยความโกรธ เจ้านายของนางไม่สบายแท้ๆ แต่ท่านอ๋องกลับไม่สนพระทัย ทำเพียงส่งท่านหมอมาดูอาการของพระชายาเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ท่านหมอรีบมาดูอาการของพระชายาก่อนเถอะ” ซิงอีเอ่ยบอกก่อนจะหลีกทางให้ท่านหมอไปตรวจอาหารของคนที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียง
“อาการพระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” เมื่อเห็นท่านหมอวางนิ้วลงบนข้อมือผ่านผ้าผืนบาง ตรวจชีพจรของเกาเฟยเจินเรียบร้อยแล้วซิงอีก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ตอนนี้พระชายาทรงไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่ข้าน้อยจะเขียนเทียบยาเอาไว้ให้พระชายาดื่มเช้าเย็น ไม่กี่วันอาการก็จะดีขึ้น”
“ขอบคุณท่านหมอมากนะเจ้าคะ ซีซวนไปส่งท่านหมอที” ซิงอีเอ่ยพร้อมกับยัดเงินใส่ไปในในมือของท่านหมอก่อนจะหันไปสนใจหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
“นี่ฉันข้ามมิติมาหรือไงกัน” เฟยเจินพูดกับตัวเองก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้องอีกครั้ง เด็กสาวตรงหน้าเรียกเธอว่าพระชายา แต่ทำไมของใช้ภายในห้องถึงได้ดูเก่าซ่อมซอแบบนี้ หรือว่าท่านอ๋องอะไรนั่นจะไม่ค่อยมีทรัพย์สมบัติสักเท่าไร ถึงทำให้ชายาของตัวเองอยู่แบบอนาถาอย่างนี้
“พระชายาว่าอะไรนะเพคะ” ซิงอีเอ่ยถามเมื่อได้ยินไม่ถนัด
“ไปเอากระจกมาให้ฉันเอ่อ...ข้าที” เฟยเจินเอ่ยขึ้น
“รอเดียวนะเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละเพคะ” ซิงอีพูดจบก็ลุกขึ้นไปหยิบกระจกมาให้เฟยเจินทันที
เฟยเจินยื่นมือไปรับก่อนจะนำมาส่องที่ใบหน้า พอเห็นแล้วนางก็ต้องต้องตะลึงในความงามของเงาในกระจกทันที ทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงได้งดงามขนาดนี้ถึงแม้ว่าใบหน้าจะซีดเผือดเหมือนคนป่วยแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงามได้
“เจ้าชื่ออะไร” หลังจากส่องกระจกจนพอใจ เฟยเจินก็เอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้า
“หม่อมฉันซิงอีเพคะ พระชายาจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“แล้วข้ามีชื่อว่าอะไร” เฟยเจินไม่ตอบแต่กลับถามแทน
“พระชายาจะให้บ่าวตามท่านหมอมาตรวจท่านอีกทีดีไหมเพคะ เผื่อว่าพระชายาจะยังไม่หายดี” ซิงอีรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ เจ้านายก็จำตนเองไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังจำชื่อของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าก็แค่ตอบคำถามมา”
“พระชายามีนามว่าเฟยเจิน แซ่เกาเพคะ”
“เจ้าลองเล่าเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟัง ตั้งแต่ป่วยมาความจำข้าก็เลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้” อย่างแรกเลยนางจะต้องรู้เกี่ยวกับคนและสถานการณ์ของที่นี่ว่าเป็นอย่างไร ถึงจะใช้ชีวิตต่อไปได้ อีกอย่างนางจะต้องหาทางกลับไปบ้านให้ได้
“ได้เพคะ” ถึงแม้ซิงอีจะสงสัยว่าทำไมความจำของเจ้านายถึงได้หายไปแต่ด้วยความที่ดีใจเพราะเฟยเจินเพิ่งฟื้นขึ้นมาจึงทำให้ซิงอีเล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้หญิงสาวฟังทั้งหมด
“หมายความว่าอีตาท่านอ๋องอะไรนี่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบข้า แต่ที่แต่งงานด้วยก็เพราะพ่อของข้าที่เป็นเสนาบดีทูลขอพระราชโองการสมรสจากฮ่องเต้”
“พระชายาจะเรียกท่านอ๋องแบบนี้ไม่ได้นะเพคะ ขืนให้มาได้ยินเข้าจะถูกทำโทษเอาได้นะเพคะ” ซิงอีรีบพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูหวังว่าจะไม่มีใครผ่านมาได้ยิน
“เฮอะ...คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง...โอ๊ย...ทำไมถึงได้ปวดขนาดนี้” ยังพูดไม่ทันจบเฟยเจินก็ต้องยกมือขึ้นมากุมที่ศีรษะเพราะรู้สึกปวดเป็นอย่างมาก
ร่างบางนอนดิ้นไปมาบนเตียงด้วยความทรมาน
“พระชายาเป็นอะไรไปเพคะ” ซิงอีร้องถามออกมาด้วยความตกใจที่เห็นเจ้านายเป็นแบบนี้
จู่ๆ ภาพเหตุการณ์มากมายที่เคยเกิดขึ้นก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเฟยเจิน พอความจำของร่างเดิมรวมกับความจำของเฟยเจินคนใหม่เรียบร้อยแล้ว อาการปวดหัวก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง สามีที่แต่งด้วยไม่ชอบขี้หน้าแถมยังเกลียดด้วยซ้ำ ชีวิตของเฟยเจินคนเก่าถึงได้ป่วยไร้สามีมาเหลียวแลจนนอนหมดลมหายใจตายในห้องเก่าๆ แบบนี้”
“พระชายาทรงตรัสอะไรเพคะ บ่าวไม่เข้าใจ”
“ไม่มีอะไรหรอก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกได้อีก คิดอยากจะให้ข้าตายแล้วแต่งงานใหม่เหรอ รอไปเถอะ” เฟยเจินไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงอยากให้เฟยเจินคนเก่าตาย ก็เพราะว่าเขามีนางในดวงใจอยู่แล้วนั้นเอง แต่จะได้แต่งนางในดวงใจเข้ามาในจวนหรือไม่นั้นก็คงจะต้องถามนางก่อนว่าจะยอมให้