
บทนำ
ฝันร้าย
เอี๊ยดด~~~
โคร่มมม~~~
เฮือก!!!!
บัวหอมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึกเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาตามกรอบใบหน้าสวย ความฝันที่มักมาพร้อมกับสายฝนทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้งท่ามกลางความมืดมิดไร้ไฟส่องสว่างตามวิถีชีวิตชนบทมีแต่ความสว่างของสายฟ้าที่แล่นพล่านไปทั่วท้องฟ้า กับห่าฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุดทำให้เกิดเสียงกระทบหลังคาดังสนั่นเหมือนพระพิรุณลงโทษ
[บัวหอม]
ฝันอีกแล้วฉันฝันถึงเรื่องในคืนนั้นอีกแล้ว เสียงฝนที่กำลังตกอย่างหนักทำให้ต้องรีบลุกขึ้นไปปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเพราะแสงวาบสว่างแล่นไปทั่วท้องฟ้าที่ดูน่ากลัวนั่นทำเอาใจดวงน้อยพลันสั่นระริก เมื่อนึกไปถึงคืนที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ ด้วยความเร่งรีบทำให้ไม่ทันได้ระวังพอลุกขึ้นยืนทรงตัวก็ต้องหน้านิ่วเพราะอาการเจ็บแปลบที่ขาข้างซ้ายผลพวงจากอุบัติเหตุ ฉันกัดฟันลุกมาปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อไม่ให้เห็นแสงสว่างวาบที่เกิดจากฟ้าร้องฉันค่อยๆ เดินขากะเผลกไปที่หน้าต่างปิดม่านแล้วเดินเข้ามานอนอีกครั้ง ก่อนจะหยิบผ้าห่มผืนหนามาห่มลูกๆ ที่นอนบนฟูกเก่าๆ ข้างกัน
"แม่จ๋า//แม่จ๋า หนูกลัว"
"ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะเด็กดี แม่อยู่นี่แล้ว"
"กอดหนูหน่อย//กอดหนูหน่อย" เด็กแฝดพูดออกมาพร้อมกันด้วยน้ำเสียงปนความหวาดหวั่นกับเสียงฟ้าที่กำลังดังกึกก้องอยู่ด้านนอก
"มาจ่ะกอดๆ กันนะ เดี๋ยวฟ้าก็หายร้องแล้ว โอ๋ๆ นอนนะลูกนะ”
“เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทธรณ์ คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อนถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน ปีกเจ้ายังอ่อน คลอแคล ท้อแท้จะสอนบินพาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลากินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง ปีกเจ้ายังอ่อน คลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน พาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา กินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง”
ฉันร้องเพลงกล่อมลูกน้อยหันเหความกลัวของเด็กๆ ต่อเสียงฟ้าร้องฝนกระหน่ำด้านนอก อ้อมแขนเล็กๆ ของลูกๆ ทั้งซ้ายขวาวาดเกี่ยวเอวของฉันแน่นอย่างกลัวว่าจะหาย มือบางยกกอดลูกทั้งสองคนไว้แน่นด้วยความกลัวไม่ต่างกัน เราทั้งสามคนเกลียดเสียงฟ้าร้องและนั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันการเป็นแม่ลูกของพวกเราได้เป็นอย่างดี
รุ่งเช้า
ตึง ตึง ตึง
"แม่จ๋า//แม่จ๋า" สองเสียงสอดประสานอย่างเข้ากันทันทีที่เห็นฉันอยู่ในครัว
"ไม่วิ่งกันนะจ๊ะเด็กๆ" ฉันที่กำลังทำข้าวต้มอยู่ในครัวต้องรีบปิดเตาเดินออกมาดูลูกสาวลูกชายทั้งสองคนที่พากันวิ่งออกมาจากชั้นบนของบ้านเสียงดังตึงตังขนาดบ่นก็แล้วว่าก็แล้วก็ยังไม่วายชอบวิ่งกันอยู่ดี ฉันส่ายหัวกับเด็กๆ ทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้ม
"หอมจังเลยค่ะ //ครับ"
"ทำไมรีบตื่นละคะวันนี้ แม่จ๋ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลยจ่ะ" ฉันนั่งลงอ้าแขนรับลูกทั้งสองคนที่พากันวิ่งเข้ามาซุกไหล่ฉันคนละข้างแรงกระแทกที่โถมเข้ามาทำเอาฉันเกือบหงายหลังแต่ยังดีที่ทรงตัวได้
"เมื่อคืนหนูฝันร้าย" แป้งหอมฝาแฝดคนพี่พูดออกมาด้วยใบหน้าติดกลัวน้ำเสียงสั่นระริก
"ผมด้วยฮะ" ข้าวปุ้นแฝดคนน้องก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
"ไหนคะลูกของแม่ฝันว่าอะไรเอ่ย บอกแม่ได้ไหมจ๊ะ"
ตอนนี้ฉันนั่งขัดสมาธิลงที่พื้นบ้านโดยที่มีลูกทั้งสองคนนั่งที่หัวเข่าคนละข้าง ถึงจะรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาอยู่ แต่ลูกน้อยก็สำคัญกว่า
"หนูฝันว่าหนูถูกคนจับตัวไป ร้องหาแม่จ๋าแม่จ๋าก็ไม่เห็นมาหาหนูสักที" แฝดพี่สาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า
"หนู ก็ฝันว่าถูกจับไปเหมือนกันฮะ เรียกแม่จ๋าเท่าไรแม่จ๋าก็ไม่ได้ยิน" แฝดน้องพูดขึ้นมาอีกคนแต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมาเหมือนพี่สาวแต่ก็มีสีหน้าเหมือนข่มกลั้นไว้
"โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องนะจ๊ะแค่ฝันร้าย โบราณว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะคะ แล้วก็แม่จะไม่ยอมให้ใครมาจับตัวลูกของแม่ทั้งสองคนไปแน่นอน " ฉันกระชับอ้อมแขนกอดลูกทั้งสองคนไว้แน่น กดจมูกหอมหัวลูกทั้งสองคนก่อนจะพากันลุกไปนั่งในห้องครัวรอฉันทำอาหารต่อ เด็กๆ หยิบกระดาษวาดรูปออกมานอนวาดรูปเล่นรอฉันทำอาหารอย่างว่าง่าย
บทที่ 1
จุดเริ่มต้น
ชีวิตของบัวบูชา
ฉันบูชา รัชกร หรือชื่อเล่นบัวหอมในวัยยี่สิบห้าปีพร้อมด้วยลูกแฝดชายหญิงอาศัยอยู่กันลำพังสามคนแม่ลูกที่บ้านเล็กๆ หลังหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
น้องแป้งหอม เด็กหญิงศิริกานดา รัชกร อายุ 5 ขวบ เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชัง ปากนิดจมูกหน่อยผมหยักศกเหลือบทองเป็นประกายอย่างลูกเสี้ยว เป็นเด็กเลี้ยงง่ายกินง่ายกิริยามารยาทเรียบร้อย
น้องข้าวปั้น เด็กชายศิลากาล รัชกร อายุ 5 ขวบ แฝดคนน้องที่น่ารักน่าชังไม่ต่างกับคนพี่แต่จะติดซนมากกว่าคนเป็นพี่สาวอยู่มาก ซึ่งก็เป็นไปตามช่วงอายุของเด็กวัยนี้ที่จะมีซุกซนบ้างตามประสา
เด็กแฝดชายหญิงน่าตาน่ารักอย่างกับเด็กฝรั่งเพราะส่วนหนึ่งได้มา DNA จากฉันที่เป็นลูกครึ่งเพียงแต่ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นใคร ไม่มีที่มาว่าสัญชาติจริงๆ ของฉันเป็นพื้นเพมาจากที่ไหนเพราะถูกนำไปทิ้งไว้ตั้งแต่เด็กสายสะดือยังไม่แห้งด้วยซ้ำ ฉันถูกเอามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านมหาเศรษฐีหลังหนึ่งเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน มันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ไม่รู้ว่าคนทางนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง จะมีความสุขดีไหม จะยังจำเด็กที่ชื่อบัวหอมคนนี้ได้หรือเปล่า
กลับมาปัจจุบันตอนนี้ลูกทั้งสองคนของฉันกำลังเรียนอยู่โรงเรียนชั้นอนุบาลสองโรงเรียนแถวบ้านที่มีค่าเทอมไม่ได้แพงมากนัก ฉันอยู่กับลูกสามคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ บ้านไม้สองชั้นที่ค่อนข้างเก่าแต่ก็ยังแข็งแรง เป็นบ้านของรุ่นพี่ที่ทำงานแต่ได้ย้ายไปต่างประเทศเพราะแต่งงานกับแฟนที่เป็นชาวต่างชาติ แล้วปล่อยให้ฉันเช่าในราคาไม่แพงนัก ด้วยความสงสารแถมยังลดค่าเช่าให้ฉัน จนฉันเองก็ตกใจกับค่าเช่าที่แสนจะถูก ถึงไม่ได้เป็นบ้านใหญ่ใหญ่โตอะไรแต่ค่าเช่าถูกแถมติดโรงเรียนของลูกก็ใกล้ที่ทำงาน ทำให้ฉันไม่แม้แต่จะปฏิเสธและคอยดูแลรักษาบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีไม่ปล่อยให้ทรุดโทรมไปตามเวลา
ฉันทำงานเป็นพนักงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ถามว่าฉันเป็นคนพื้นเพที่นี่อย่างนั้นหรือ ตอบได้เลย

