1.ผู้บุกรุก (1)
น้ำตกสูงไหลลงสู่แอ่งน้ำลึกไม่ขาดสาย ไอน้ำหนาคละคลุ้งราวหมอกลอยขาวทั่วบริเวณ นกน้อยเกาะกิ่งไม้ สลับบินโผผินเล่นลม ผีเสื้อตัวใหญ่หลากหลายสีสันบินไปมา บ้างก็หยุดชิมน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ แมกไม้สูงใหญ่ใบเขียวขจีให้ความร่มรื่น ดอกไม้นานาพันธุ์ส่งกลิ่นอ่อนหอมรายรอบ
บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงของธรรมชาติรังสรรค์ช่วยให้ผู้นั่งบำเพ็ญสมาธิฝึกพลังจิตมั่นคงไม่วอกแวก
ร่างสูงใหญ่นั่งนิ่งบนโขดหินสูงเหนือน้ำริมตลิ่งเนิ่นนานหลายชั่วยาม ใช้จิตแห่งพลังปราณเทพฝึกวิชาอยู่ภายใน ทว่าอยู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ รบกวนจิตเทพจนไม่อาจก้าวข้ามไปยังขั้นต่อไปได้ ทำให้ผู้ฝึกวิชาหงุดหงิด สุดท้ายก็ต้องล่าถอยก่อนปราณภายในจะแปรปรวน
ดวงตาคู่คมดุเปิดขึ้น สายตาสอดส่ายมองเวิ้งน้ำที่มีหมอกคละคลุ้งเบื้องหน้า ได้ยินเสียงน้ำขยับไหวกับเสียงประหลาดไม่คุ้นเคย
เสียงฮัมเพลง
เสียงหวานใสเอื้อนเอ่ยภาษาและทำนองสดใสร่าเริงราวกำลังอารมณ์ดีมีความสุข
‘ผีเสื้อบินว่อนอวดโฉม ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรัญจวน ตอบรับท่วงทำนองขับขาน ชื่นชมจันทรากระจ่างตา’
เบื้องบนท้องฟ้ามืดมิด พระจันทร์ดวงโตสาดส่องแบ่งปันความสุกสกาวให้โลกหล้า บดบังแสงดวงดาวให้ริบหรี่
เวลาเช่นนี้ยังมีผู้ใดมาเล่นน้ำอยู่อีกหรือ
ชายหนุ่มคิดด้วยความแปลกใจ ที่แห่งนี้ตนใช้ฝึกวิชายามค่ำคืนเสมอ ไม่เคยมีผู้ใดย่ำกรายเข้ามา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีผู้อื่นล่วงล้ำเข้ามาทำลายความเงียบสงบ ที่สำคัญเป็นสตรี
ร่างสูงใหญ่ลอยสูงมุ่งไปเหนือแอ่งน้ำกว้าง แล้วค่อยๆ ปรากฏเรือนร่างขาวผ่องดำผุดดำว่ายในครรลองสายสายตา เมื่ออีกฝ่ายพลิกเงยหน้าลอยตัวบนผิวน้ำแหงนมองด้านบน ทำเอาชายหนุ่มผงะถอยลอยออกมาแทบไม่เป็นกระบวน ใบหน้าขาวร้อนวูบ ลมปราณตีรวน กับภาพที่ตนไม่เคยพบเห็น
เบื้องหลังสายไอน้ำขาวพรางตาบางเบา หญิงสาวเปลือยเปล่า รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ทรวงอกอวบอิ่มเชิดสูงเหนือน้ำ เอวเล็กบาง สะโพกผายสวยได้รูปงาม และ...
ดวงตาคู่คมดุกะพริบถี่ไล่สิ่งที่ยังจดจำติดตา มือหนากำแน่นสะกดจิตใจที่กำลังปั่นป่วนภายใน ราวถูกพลังร้ายจู่โจม ร่างสูงใหญ่เคลื่อนลงไปยืนริมตลิ่งอย่างไม่ทันระวังจนได้ยินเสียงฝีเท้า
“มีคนหรือ”
ชายหนุ่มพรางกายตนทันใด ตรงจุดนี้มองไปกลางน้ำค่อนข้างเลือนรางด้วยหมอกหนา หากเขาก็ยังเห็นว่าเจ้าของร่างบอบบางเคลื่อนกายว่องไว เสียงน้ำขยับไหวตามการขยับตัว เจ้าตัวหมุนกายเพียงนิดชุดสวยก็ปรากฏปกปิดเรือนร่างงดงาม หญิงสาวพยายามหันมองโดยทั่วอย่างระแวดระวังก่อนจะรีบก้าวออกไปจากบริเวณน้ำตกแห่งนี้
ดวงตาคู่เข้มดุมองตามด้านหลังของตนตัวเล็กที่หายไปในไอน้ำขาวโพลน แม้ไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย ทว่ากรุ่นกลิ่นหอมระรวยอบอวลทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่น กลิ่นดอกไม้ที่ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นดอกไม้ที่มีโดยรอบน้ำตกนี้ แต่เมื่อเจ้าของร่างอรชรหายไปกลิ่นนี้ก็หายไปด้วย
กลิ่นดอกบัว
นางมาจากที่ใดกัน หรือเป็นเทพเซียนจากสำนักฝั่งใต้ ด้วยหลังเขาซึ่งมีน้ำตกอีกด้านคือพื้นที่ของสำนักซ่างเซียนฝั่งใต้ที่บรรดาศิษย์ล้วนเป็นสตรี
สำนักศึกษาซ่างเซียนเป็นสำนักศึกษาของเหล่าเทพเซียนชั้นสูง อยู่ในเขาผิงเหิงดินแดนสวรรค์ชั้นแรก ใกล้ขุนเขากลางเวหาและเผ่าวิหค แบ่งออกเป็นสำนักศึกษาทิศเหนือกับทิศใต้ โดยทิศเหนือจะเป็นสำนักศึกษาของบุรุษ ฝ่ายสตรีจะอยู่ทางทิศใต้
ต่ำจากขุนเขากลางเวหาลงไปมีสำนักศึกษาเขาชิงซาน เป็นสำนักเซียนทั่วไป ไม่ว่าผู้ใดที่สำเร็จเซียนแล้วต้องการสำเร็จเซียนขั้นสูงล้วนเดินทางมาศึกษายังเขาชิงซาน ทว่าบรรดาบุตรหลานของเทพเซียนจากเผ่าต่างๆ จะเล่าเรียนที่สำนักศึกษาซ่างเซียน
เทียนเหวินมาศึกษา ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลาหลายหมื่นปี รู้จักทุกซอกมุมจนเหมือนบ้านของตน และไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเขาผู้เป็นทายาทสวรรค์ เวลานี้สวรรค์ปกครองโดยจักรพรรดิจิ่นลี่ท่านตาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยแสดงตัวยิ่งใหญ่เหนือผู้อื่น
“มีผู้บุกรุก”
“เร็วเข้าทุกคน ช่วยกันจับผู้บุกรุกมาให้ได้”
มีเสียงโวยวายจากหอตำรา เทียนเหวินเพิ่งกลับมาจากน้ำตกใกล้ฟ้าสว่างรีบก้าวเข้าไปถามศิษย์ผู้น้องกลุ่มหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปด้านหน้าสำนัก
“รู้ได้อย่างไร ว่ามีผู้บุกรุก”
“ศิษย์ที่เฝ้าหอตำราถูกอาคมเวทดำ ไม่ได้สติอยู่ตรงบันไดทางขึ้นห้องเก็บคัมภีร์ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่ให้พวกข้าไปดูที่ทางเข้าสำนักและปิดทางขึ้นเขาก่อนที่ผู้บุกรุกจะลงเขาไปเสียก่อนขอรับ”
บอกแล้วเหล่าศิษย์น้องก็แยกไป
“เทียนเหวิน เจ้ามาจากที่ใด”
หลี่ไห่ฉินศิษย์พี่ใหญ่ เดินนำศิษย์อาวุโสคนอื่นมาทางด้านนี้พอดีถามขึ้น
“ข้าได้ยินเสียงตะโกนดังไปทั่วจึงออกมาจากหอนอน และจะไปดูทางโน้น”
ชายหนุ่มชี้ไปทางน้ำตกที่ตนเพิ่งจากมา เวลานี้เทียนเหวินนับเป็นศิษย์พี่ของศิษย์รุ่นหลัง แต่ยังมีหลี่ไห่ฉินกับศิษย์ที่อาวุโสกว่า หากเขาก็ให้ความเคารพตามความเหมาะสม
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเพิ่งเดินมาจากทางนั้นหรือ”
ศิษย์พี่ใหญ่หลี่ไห่ฉินถามอีกครั้ง เขาเป็นท่านชายจากเผ่าจิ้งจอก ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำบรรดาศิษย์ในสำนักซ่างเซียนเหนือที่ทุกคนเคารพยำเกรง
“ข้ากำลังจะไป”
เทียนเหวินย้ำพร้อมใบหน้านิ่งสนิท อีกฝ่ายพยักหน้ารับเหมือนไม่ติดใจใดๆ เขาจึงก้าวเท้าเร็วๆ จากมา
ด้วยใจประหวัดคิดไปถึงผู้ที่ตนเพิ่งพบเห็นในคืนนี้ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัยขึ้นมา แม้แปลกใจว่าไยต้องไปดูด้วยตนเอง
เกรงผู้บุกรุกจะไปทางนั้น หรือเกรงว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นผู้บุกรุกเสียเองกันแน่
ร่างสูงใหญ่ข้ามสะพานเหนือธารน้ำที่มาจากน้ำตกแล้วมุ่งเข้าไปยังต้นน้ำ มาถึงบริเวณแอ่งน้ำใกล้กับที่ตนนั่งฝึกวิชาในตอนแรกสายตาคู่คมเข้มก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ แล้วก็เห็นร่างหนึ่งนอนฟุบอยู่ใกล้ลำธารฝั่งตรงข้าม แม้ยังมีไอน้ำจับกลุ่มเป็นก้อนหมอกหากก็เบาบางลงด้วยความสว่างค่อยเริ่มคืบคลานแทนที่ความมืด
เทียนเหวินกระโดดลอยสูงแล้วเหาะข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามใกล้ผู้ที่นอนใบหน้าแนบพื้น ใบหน้าเรียวขาวเนียนละเอียด ปากอิ่มสีอ่อนกับจมูกเล็กโด่ง หน้าผากมน คิ้วเรียวดังคันศร มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นสตรี
และหญิงสาวผู้นี้คือคนที่เขาเห็นก่อนหน้านี้
แม้ไม่ทันได้เห็นหน้าชัดเจน ทว่ากลิ่นดอกบัวที่ลอยอบอวลรายล้อมทำให้เทียนเหวินมั่นใจ
ที่น่ากังวลคืออีกฝ่ายมีแผลถูกทำร้ายด้านหลังสูงเกือบถึงช่วงบ่าบอบบาง มองไม่ออกว่าเกิดจากพลังใด ทว่าบริเวณนี้ไร้ร่องรอยการต่อสู่ ไร้ร่องรอยพลังหลงเหลืออยู่ เหมือนเจ้าตัวพยายามหนีมายังจุดนี้แล้วล้มลงหมดสติริมน้ำตก
“แม่นาง”
======