เด็กหลง
..New Story...
อีกด้านหนึ่งในค่ำคืนที่คู่แต่งงานใหม่กำลังใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น
ร่างสูงใหญ่อย่างนักกีฬาที่ออกกำลังกายเป็นประจำกำลังนั่งสาดเหล้าเข้าปากอย่างเดียวดายอยู่โต๊ะมุมด้านในของร้านคาราโอเกะข้างทางด้วยอาการของคนอกหัก
หลังจากพาเด็กๆ กลับไปส่งที่ค่ายแล้ว จอมทัพก็ตัดสินใจออกมาหาเหล้าดื่มเพียงลำพัง แม้จะบอกตัวเองว่าเขาทำใจเรื่องที่บราลีแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับเขตรัฐได้แล้ว
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไอ้หัวใจเจ้ากรรมมันก็ยังดื้อรั้นไม่รักดี ไม่ยอมตัดใจได้ง่ายๆ อย่างที่คิดไว้สักนิด เขาจึงต้องมานั่งดื่มให้ลืมเธอเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างไรเล่า
‘ตอนนี้คู่แต่งงานใหม่คงกำลังใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ตัวเขาเองกลับไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ จนต้องใช้แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดับทุกข์ ทั้งที่ด้วยอาชีพแล้วเขาไม่ค่อยอยากแตะต้องของมึนเมาให้ร่างกายทรุดโทรมก่อนเวลาอันควร อีกทั้งยังเคร่งครัดในการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี แต่คืนนี้เขาจะขอใช้มันเป็นกรณีพิเศษสักวัน’
ขณะกำลังนั่งดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงอกหักอยู่นั้น พลันก็รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินอย่างลุกลี้ลุกลนตรงเข้ามาที่โต๊ะของเขาอย่างระแวดระวัง ท่าทางหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
ร่างนั้นชะเง้อมองไปด้านนอกด้วยท่าทางตกใจ ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งอย่างรวดเร็วพลางคลานดุ๊กดิ๊กเข้ามาหลบใต้โต๊ะที่เขานั่ง ช่างเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย
จอมทัพกำลังจะก้มลงไปบอกคนที่คลานมาหลบอยู่ใต้โต๊ะนั้นขึ้นมาถามความ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ชายสองคนท่าทางน่ากลัวเหมือนพวกนักเลงหัวไม้ก็เดินอาดๆ เข้ามาด้านในจนเกือบจะถึงโต๊ะของเขาซึ่งอยู่โซนด้านในสุดอยู่รอมร่อ
สองคนนั้นทำท่ามองหาอะไรบางอย่างด้วยท่าทางหงุดหงิดหัวเสีย ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านเริ่มหันมามองด้วยความสงสัย กระทั่งพนักงานของร้านเดินเข้ามาถาม
“สวัสดีครับคุณลูกค้า มีอะไรให้ช่วยไหมครับ หรือว่าจองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ”
ท่าทางสุภาพของพนักงานทำให้หนึ่งในสองคนนั้นต้องเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“เปล่าหรอกน้อง พี่ไม่ได้จองโต๊ะไว้ แต่พอดีพี่มาหาคนน่ะ เมื่อกี้น้องเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่เสื้อสีขาวกางเกงวอร์มสีดำวิ่งเข้ามาในนี้บ้างหรือเปล่า เอ่อ…เขาเป็นน้องสาวพี่น่ะ มีอาการป่วยทางจิตชอบวิ่งหนีออกจากบ้านตอนกลางค่ำกลางคืนเป็นประจำ พี่กลัวใครจะลากไปทำมิดีมิร้ายน่ะ แถมตอนนี้ก็ได้เวลากินยาแล้วด้วยเลยต้องรีบพาตัวกลับ น้องเห็นบ้างไหม บอกพี่มาตามตรงเถอะ”
ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับเป็นพี่ที่ห่วงน้องสาวเสียเต็มประดา จนคนที่ได้ยินได้ฟังรู้สึกเห็นใจ แต่ไม่ใช่กับคนที่ถูกกล่าวถึงแน่ๆ
เพราะตอนนี้ร่างเล็กที่มุดแอบอยู่ใต้โต๊ะกำลังอยู่ในอาการหวาดกลัว มือบางจึงจับขาของชายหนุ่มไว้แน่นราวกับต้องการร้องขอบางอย่างจากอีกฝ่าย จอมทัพซึ่งสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวของมือเรียวที่กำลังบีบขาเขาแน่นจึงนั่งฟังบทสนทนาตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“เอ่อ ไม่เห็นนะครับ ตั้งแต่เมื่อครู่ผมก็เห็นแต่พี่สองคนที่เดินเข้ามานะครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีใครเข้ามาสักคน”
พนักงานของร้านเอ่ยไปตามความจริง เพราะเขาไม่ได้เห็นว่ามีใครวิ่งเข้ามาสักคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงลักษณะท่าทางตามที่ชายคนนั้นบอกมา ถ้ามีก็น่าจะเห็นแล้วสิ
‘เห็นทีว่าคงจะมีแต่เขาคนเดียวที่เห็นเธอ’
จอมทัพคิดอย่างเคร่งเครียด อาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลสักอย่างเป็นแน่ เรื่องจริงจะเป็นอย่างที่ชายคนนั้นบอกหรือเปล่าเขาก็ไม่สามารถตัดสินได้
ตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียวว่า…คนที่แอบอยู่ใต้โต๊ะกำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างหนัก เพราะตอนนี้สองมือนั่นกอดขาเขาไว้แน่นยิ่งกว่าตุ๊กแกเสียอีก
“อ้อ ไม่เห็นเลยงั้นเหรอ!! แย่จริงๆ วิ่งหายไปไหนนะ”
เสียงบ่นอย่างหงุดหงิดดังขึ้นจากชายคนเดิม ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันกวาดตามองไปรอบๆ ร้านอย่างพิจารณาอีกครั้ง สุดท้ายก็พากันเดินออกไปอย่างหัวเสียเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ
เมื่อคนทั้งสองออกไปแล้ว พนักงานร้านก็เดินกลับเข้าไปในครัวอย่างไม่ได้สนใจอะไรอีก ครู่ต่อมาจอมทัพจึงก้มลงไปใต้โต๊ะพลางเอ่ยพอให้ได้ยินกันสองคน
“ออกมาได้แล้ว พวกนั้นไปกันหมดแล้ว มีอะไรก็ขึ้นมานั่งคุยกันดีๆ”
สายตาคมดุมองสบตากลมหวานที่มีแววหวาดระแวงนั้นอย่างเต็มสองตา ใบหน้าสวยหวานที่ดูมอมแมมนั่นส่ายไปมาราวกับจะปฏิเสธ
“ออกมา!! เธอจะมาเกาะขาฉันไว้แบบนี้มันไม่ได้ เดี๋ยวถ้าฉันเผลอดีดขาขึ้นมา เธออาจจะเจ็บตัวเอาได้”
จอมทัพเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดุๆ ทั้งคู่จ้องตากันอย่างวัดใจ…สุดท้ายคนใต้โต๊ะก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ร่างเล็กค่อยๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะพลางขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างชายหนุ่มด้วยอาการหวาดระแวง
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องราวจริงๆ มันเป็นยังไง แล้วฉันก็ไม่สนใจด้วย ที่เรียกขึ้นมาเพราะว่าฉันกำลังจะกลับแล้ว เธอเองก็คงอยู่ในนี้ไม่ได้แน่ๆ งั้นก็ออกไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
เขาเอ่ยสรุปอย่างไม่สนใจว่าเธอจะเห็นด้วยหรือไม่
จากนั้นจอมทัพจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่คิดจะรอว่าอีกคนจะเดินตามออกมาหรือไม่ เพราะนั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา
ร่างสูงเดินนำออกมาจากร้านแล้วเดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ตรงลานจอด โดยมีร่างเล็กๆ เดินตามเขามาติดๆ อย่างระแวดระวัง จอมทัพหันไปเห็นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ้าว!! แล้วนี่เดินตามมาทำไมเนี่ย ทำไมไม่กลับบ้านไปล่ะ ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน มีอะไรก็กลับไปคุยกับคนที่บ้านดีๆ หนีออกมาแบบนี้มันอันตราย”
เขาเอ่ยราวกับจะสั่งสอน
“ฉันไม่มีบ้านให้กลับค่ะ ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้นด้วย ฉันไม่มีที่ไป ขอฉันกลับด้วยคนนะคะ ถ้าคนพวกนั้นย้อนกลับมาฉันต้องแย่แน่ๆ ขอร้องนะคะ…คุณช่วยฉันสักครั้งเถอะ”
เสียงหวานสั่นเอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร แต่จอมทัพก็หาได้สนใจจะฟังไม่
เธอเป็นใครก็ไม่รู้แต่มาขอกลับบ้านกับเขานี่นะ…บ้าไปแล้ว!! ใครมันจะบ้าพากลับไปด้วยกัน!!
สิ่งที่เขาทำจึงเป็นเพียงการส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะก้าวขาคร่อมรถมอเตอร์ไซค์เตรียมขับออกไปจากตรงนั้น แต่ก่อนที่เขาจะทันได้สตาร์ทเครื่อง ร่างบางก็ถลามาเกาะขาเขาเอาไว้แน่น พลางอ้อนวอนเสียงสั่น
“คุณคะ ได้โปรดเถอะค่ะ ช่วยฉันด้วยนะคะ ฉันไม่โกหกหรอก ฉันไม่มีที่ไป…ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นะคะ”
คราวนี้เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำร้ายยังเป็นจังหวะที่แขกในร้านบางคนเริ่มออกมาจากร้านและทันได้เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเข้าพอดี
ทุกสายตามองมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ โดยที่แม่สาวปริศนานี่ก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกอดขาเขาแน่น ภาพที่เห็นทำให้ชวนคิดไปในทาง...
‘เขากำลังทะเลาะกับแฟน แล้วทำท่าจะทิ้งเธอไว้ตรงลานจอดรถนี่’
ดังนั้นจึงมีเสียงเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ
“จะทะเลาะอะไรกันก็ควรกลับไปคุยกันที่บ้านนะ จะทิ้งแฟนไปแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะหนุ่ม ยิ่งดึกดื่นก็ยิ่งอันตราย ฉวยใครมาฉุดไปทำมิดีมิร้าย เราน่ะจะมานั่งเสียใจเอง ยังไงก็พาแฟนกลับไปคุยกันดีๆ เถอะ อย่าใจร้อนเลย…นึกถึงตอนที่รักกันเอาไว้ให้มากๆ”
จอมทัพได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึกอักพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แถมแม่สาวนี่ก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก ท่ามกลางสายตากดดันของไทยมุงทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน ด้วยการ…
“เลิกร้องได้แล้วน่า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เอ๊า!! จะกลับไหมล่ะ ถ้าอยากกลับไปด้วยกันก็รีบขึ้นรถมาเร็วๆ ไม่งั้นฉันจะไปละนะ”
จอมทัพเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เมื่อได้ยินแบบนั้นคนที่เอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่เมื่อครู่ ก็ผุดลุกขึ้นอย่างยินดี ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ด้วยความไวแสง พลางหยุดร้องไห้ทันทีจนน่าแปลกใจ...แถมไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นตามมาเลยสักนิด
‘ยายตัวแสบเอ๊ย!! เล่นแบบนี้สินะ’
จอมทัพคิดอย่างหัวเสีย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่โวยวายอะไรออกมา อย่างน้อยก็ตอนที่มีคนคอยจับตาดูอยู่แบบนี้
‘เดี๋ยวเถอะ เขาจะเล่นงานกลับให้สาสมเลยคอยดู!!’
ใบหน้าคมคายคิดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือหนาจับมือบางทั้งสองข้างมาเกาะเอวเขาไว้อย่างแน่นหนา พลางเอ่ยสำทับ
“เกาะให้มันแน่นๆ ด้วยล่ะ ถ้าหล่นลงไปฉันไม่ตามไปเก็บนะ”
นั่นเองที่ทำให้คนตัวเล็กผวาเกาะเอวเขาไว้แน่นอย่างกลัวว่าถ้าตกลงไปแล้วเขาจะไม่ตามไปเก็บ
มอเตอร์ไซค์คันโตแล่นออกจากลานจอด มุ่งหน้าออกถนนใหญ่และแล่นไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว
จุดหมายปลายทางที่จะมีเธออยู่เคียงข้างกับเรื่องราวความรักบทใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้น…