ตอนที่ 1: แผลใจกลางป่าใหญ่
ท้องฟ้าเหนือผืนป่าดิบชื้นยามบ่ายแก่ๆ ปกคลุมไปด้วยม่านเมฆหนาทึบ สัญญาณของฝนที่กำลังจะมาเยือน พยาบาลสาว แพรวพรรณ ในวัยยี่สิบแปดปี สวมเสื้อแขนยาวกันแดดสีเขียวขี้ม้า กางเกงเดินป่าเนื้อดี และเป้สัมภาระขนาดใหญ่ที่ดูเทอะทะกับร่างเล็ก กำลังเร่งฝีเท้าอยู่บนเส้นทางที่เริ่มไม่คุ้นตา
เธอมาที่นี่ ป่าลึกแห่งนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่พยายามจะผลักไสออกจากความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจเพราะความเหนื่อยล้าจากการถูกกดดันในหน้าที่การงานที่หนักหน่วง หรืออาจเพราะรอยร้าวในหัวใจที่เพิ่งถูกบดขยี้จากความสัมพันธ์ที่พังทลายลงไม่เป็นท่า แพรวพรรณตัดสินใจลาพักร้อนยาวนานนับเดือน เดินทางสู่ผืนป่าที่ได้ยินชื่อเสียงเล่าขานถึงความบริสุทธิ์และลึกลับราวกับมีวิญญาณสถิตอยู่ โดยหวังเพียงว่าธรรมชาติอันยิ่งใหญ่จะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของเธอได้
เสียงฝีเท้าของรองเท้าเดินป่ากระทบกับใบไม้แห้งและกิ่งไม้เล็กๆ สร้างจังหวะทุ้มต่ำไปตามทาง แพรวพรรณไม่ใช่สายลุย เธอเพิ่งหัดเดินป่าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต การเตรียมตัวของเธอเน้นหนักไปที่การศึกษาคู่มือและการเตรียมอุปกรณ์ตามลิสต์ที่จำเป็น ตั้งแต่เต็นท์ ถุงนอน อาหารแห้ง ชุดปฐมพยาบาลครบครัน ไปจนถึงมีดเดินป่าและไฟฉาย แต่สิ่งหนึ่งที่ตำราไม่ได้สอนคือความรู้สึกอ้างว้างในบางขณะ และความหวาดกลัวเล็กๆ น้อยๆ ที่คืบคลานเข้ามาพร้อมกับความมืดมิดที่เริ่มจะปกคลุม
"อีกนานแค่ไหนจะถึงจุดตั้งแคมป์นะ" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางก้มดูแผนที่กระดาษที่พิมพ์มาอย่างดี แม้จะเชี่ยวชาญการอ่านชาร์ตคนไข้และคำนวณปริมาณยา แต่กับเส้นทางเดินป่าที่ไร้ซึ่งป้ายบอกทาง แพรวพรรณก็ยอมรับว่าเธอค่อนข้างหลงทิศ
จู่ๆ ขาของเธอก็สะดุดเข้ากับรากไม้ใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เธอเซถลาไปข้างหน้า โชคดีที่มือคว้าเข้ากับกิ่งไม้แห้งข้างทางได้ทัน ก่อนจะล้มคะมำ แพรวพรรณถอนหายใจเฮือกใหญ่ มืออีกข้างลูบหน้าอกที่เต้นระรัว
“หวุดหวิดไปแล้วแพรวเอ๊ย” เธอหัวเราะแห้งๆ ให้ตัวเอง พลางสำรวจบริเวณรอบๆ ป่าเริ่มทึบขึ้นเรื่อยๆ แสงแดดที่เคยสาดส่องก็ถูกบดบังด้วยเรือนยอดของต้นไม้สูงใหญ่
ขณะที่เธอกำลังก้มลงสำรวจรองเท้า ก็พลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่พื้นดินข้างๆ รากไม้ที่เธอสะดุด มันคือ ดอกไม้ป่าสีม่วงเข้มดอกหนึ่ง ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน กลีบดอกดูแปลกตาและงดงามอย่างประหลาด มันบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางใบไม้แห้ง ทั้งที่บริเวณโดยรอบไม่มีดอกไม้อื่นๆ เลย
แพรวพรรณขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือไปสัมผัสกลีบดอกไม้เบาๆ ทันใดนั้น ผีเสื้อสีน้ำเงินตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้มาจากไหนก็บินมาวนเวียนอยู่รอบๆ ดอกไม้นั้น ราวกับจะเชื้อเชิญให้เธอมองตาม แพรวพรรณชะงัก เธอเคยอ่านเจอว่าผีเสื้อสีน้ำเงินบางชนิดเป็นสายพันธุ์หายาก
เจ้าผีเสื้อตัวนั้นบินร่อนไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ราวกับจะนำทาง แพรวพรรณมองตามด้วยความแปลกใจ พลันสายตาก็เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง นั่นคือ รอยเท้าขนาดใหญ่ ที่ประทับอยู่บนพื้นดินที่ชื้นแฉะ รอยเท้าเหล่านั้นดูไม่ใช่รอยเท้ามนุษย์เสียทีเดียว มันใหญ่เกินไป และรูปทรงก็ดูไม่เหมือนสัตว์ป่าทั่วไปที่เธอเคยเห็นจากสารคดี
“รอยเท้าอะไรกันนะ” เธอพึมพำกับตัวเอง ความตื่นเต้นปนความสงสัยเริ่มเข้ามาแทนที่ความกังวล
ผีเสื้อสีน้ำเงินยังคงบินนำหน้าไปเรื่อยๆ แพรวพรรณลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปอย่างช้าๆ ราวกับถูกสะกด เธอไม่รู้ว่ากำลังเดินไปที่ไหน หรือกำลังจะได้พบกับอะไร แต่ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ดึงดูดและเชื้อเชิญให้เธอก้าวต่อไปข้างหน้า ราวกับว่าผืนป่าแห่งนี้กำลังมีชีวิต และกำลังส่งสัญญาณถึงเธอ
ขณะที่เธอกำลังเดินตามผีเสื้อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น สายลมเย็นเฉียบพลันก็พัดโชยมา พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาที่พัดผ่านใบหู แพรวพรรณหยุดชะงัก ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งแขน เธอหันซ้ายแลขวา แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากต้นไม้สูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านเรียงรายอยู่เบื้องหน้า
"ใครน่ะ?" เธอเอ่ยถามออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันตามแรงลม และเสียงกรอบแกรบจากพุ่มไม้ใกล้ๆ เหมือนมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น
แพรวพรรณรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนและหนักหน่วงเสียจนเธอต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เธอพยายามปัดความรู้สึกนี้ออกไปจากหัว อาจจะเป็นแค่ความเหนื่อยล้า หรือความหวาดกลัวที่สร้างภาพหลอนขึ้นมาเอง แพรวพรรณสูดหายใจลึกๆ พยายามเรียกสติกลับมา เธอตัดสินใจที่จะไม่สนใจเสียงกระซิบและสายตาที่มองมา เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาจุดตั้งแคมป์ก่อนที่ฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้
เธอก้าวเดินต่อไป แต่คราวนี้ความรู้สึกถูกจับจ้องนั้นกลับเข้มข้นขึ้น ราวกับว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นกำลังเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเธอ ไม่ว่าเธอจะหันไปทางไหน ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงามืดของพงไพร แพรวพรรณเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกนิด ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เคยมีได้มลายหายไป เหลือไว้เพียงความลึกลับที่กำลังปกคลุมรอบกายของเธอ
และในวินาทีนั้นเอง ที่สุดปลายสายตา แพรวพรรณก็มองเห็น เงาร่างตะคุ่มของชายผู้หนึ่ง แวบหายเข้าไปในพุ่มไม้หนาทึบเบื้องหน้า ร่างนั้นดูสูงใหญ่ สง่างาม และเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบราวกับเป็นส่วนหนึ่งของป่า แพรวพรรณหยุดกึก หัวใจเต้นรัวระส่ำ แรงกว่าตอนที่เธอลื่นล้มเสียอีก
เธอไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ