การเดินทางไปยังที่ๆยังไม่รู้จัก
“ลูกกำลังประหม่าอย่างนั้นหรือแคลร์?”
แคลร์หัวเราะเสียงใสพร้อมๆ กับใบหน้าหวานที่กำลังเอนซบลงไปบนไหล่ของท่านแม่
“ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เดินทางมาไกลขนาดนี้ อีกทั้ง..ลูกไม่เคยเห็นท่านตาท่านยายมาก่อนเลยค่ะ พวกท่านจะชอบลูกไหมคะ”
พ่อของเธอเป็นเพียงบารอนจนๆ ที่มีเขตปกครองไม่ใหญ่มากนักอยู่ที่ชนบทอันห่างไกล ส่วนท่านแม่คือลูกสาวคนเดียวของตระกูลดาเวลเลียที่ท่านตาของเธอคือท่านดยุค ท่านแม่ตัดสินใจเลือกท่านพ่อมากกว่าจะเลือกชนชั้นสูงที่ฐานะใกล้เคียงกันมาเป็นสามี ทำให้ท่านตาโกรธเคืองท่านแม่เป็นอย่างมาก และนี่คือครั้งแรกที่แคลร์เดินทางมาที่เมืองหลวงเพื่อมาหาท่านตา
ดาวีเลียส่งยิ้มแสนเศร้าให้กับลูกสาวผู้งดงามราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ของเธอ เพราะสุขภาพที่ไม่สู้ดีของเธอทำให้เธอมีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น ท่านแม่ของเธอส่งจดหมายมามากมายจนนับไม่ถ้วนเรื่องอาการป่วยของท่านพ่อ เธอทอดทิ้งพ่อและแม่ในวัยชราเพื่อไปตามหาความรัก การเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้งทำให้ดาวีเลียเองก็ลำบากใจไม่แพ้กัน แต่เธอต้องการมาอยู่ดูแลท่านพ่อและท่านแม่ในวัยไม้ใกล้ฝั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้น
ดาวีเลียยกมือขึ้นมาลูบผมของแคลร์เบาๆ
“ท่านตาและท่านยายจะต้องชอบลูกมากๆ แน่นอน..”
แคลร์ส่งยิ้มที่สวยงามราวกับดอกไม้ให้กับท่านแม่ ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ท่านพ่อไม่ได้มาด้วยกันแต่เธอเข้าใจว่าท่านพ่อไม่สามารถทอดทิ้งเขตการปกครองของท่านมาได้ ที่หมู่บ้านของเราจำเป็นจะต้องมีเจ้าเมือง เพราะอย่างนั้นเธอจึงเข้าใจเรื่องที่จะต้องจากมาโดยที่ไม่มีท่านพ่อ
แคลร์ถูมือไปมาด้วยความกังวลเมื่อรถม้าเก่าๆ ของเธอเคลื่อนตัวเข้ามาในเขตของเมืองหลวง บ้านเรือนที่นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว ผู้คนมากมายสวมชุดเดรสที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งรถม้าที่วิ่งบนท้องถนนพวกนี้ต่างหรูหราขนาดที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ท่านแม่คะ นี่คือร้านขายขนมที่ใหญ่มากๆเลย ดูนั่นสิคะ!! มีร้านขายน้ำชา อีกทั้งชุดเดรสที่อยู่ในหุ่นพวกนั้น..ช่างงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อไปเลย!!”
ดาวีเลียหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกสาวของเธอถึงแม้ว่าจะอายุครบสิบแปดปีแล้วแต่ทว่าเพราะแคลร์เติบโตในชนบท นางจึงไม่ได้เห็นโลกภายนอกเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องมารยาทพื้นฐานของชนชั้นสูง ดาวีเลียได้สอนให้แคลร์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
“เราจะอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆ เลยล่ะ เพราะอย่างนั้นแม่จะให้สาวใช้พาลูกมาเที่ยวในเมืองให้ทั่วเลยดีไหม?”
แคลร์จุดยิ้มอย่างพึงพอใจ เธอรู้ดีว่าท่านแม่จะต้องยุ่งมากแน่ๆ เมื่อเราเดินทางถึงบ้านของท่านตาและท่านยาย กว่าสิบแปดปีที่ท่านแม่ไม่ได้พบเจอคนในครอบครัว.. แคลร์เตรียมใจเอาไว้พอสมควรว่าเธออาจจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีสักเท่าไหร่เพราะว่าเธอคือลูกของบารอนจนๆ ที่ไม่คู่ควรกับท่านแม่เลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะอดทนและไม่สร้างปัญหาให้ท่านแม่
“ขอบคุณนะคะ ท่านแม่ใจดีที่สุดเลยค่ะ”
ถึงแม้ว่าบ้านเราจะไม่ได้มีเงินทองมากมายแต่แคลร์เติบโตขึ้นมาด้วยความรักที่มากล้นของท่านพ่อและท่านแม่ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่น
และเมื่อรถม้าจอดเทียบที่ด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีน้ำเงินเข้ม แคลร์ก็อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ที่นี่ใหญ่โตและหรูหรามากขนาดที่หากเธอเดินตั้งแต่หน้าบ้านมาถึงหน้าประตูรั้วก็อาจจะใช้เวลาถึงครึ่งค่อนวัน
ดาวีเลียยื่นมือมาจับมือของแคลร์เอาไว้
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ลูกไม่ต้องเป็นกังวล..”
ถึงแม้ว่าท่านแม่จะกล่าวเช่นนั้น แต่ทว่าสีหน้าของท่านแม่กลับดูกังวลมากกว่าเธอเสียอีก
ดาวีเลียเดินลงจากรถม้าและเมื่อเธอมองเห็นหญิงชราที่กำลังยืนรออยู่ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ หยาดน้ำตาของดาวีเลียก็รินไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเดินเข้าไปโผกอดหญิงชราผู้นั้นด้วยความคิดถึงและรู้สึกผิด
ดัชเชสแห่งดาเวลเลียยกมือที่เหี่ยวย่นของเธอขึ้นมาโอบกอดลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนานถึงสิบแปดปี และเมื่อดัชเชสมองเห็นดรุณีน้อยผู้หนึ่งที่เดินลงมาจากรถม้า หญิงชราก็ปรายตามองหน้าลูกสาว
“ท่านแม่คะ นี่แคลร์..ลูกของหนูเองค่ะ”
แคลร์มีเส้นผมสีน้ำตาลที่เหมือนกับดัชเชสอย่างกับแกะถึงแม้ว่าในยามนี้สีผมของดัชเชสจะมีสีขาวมากกว่าสีน้ำตาลก็เถอะ แต่หลานสาวของเธอก็ดูจะเหมือนยายมากกว่าแม่เสียอีก
“ข้าควรจะตีเจ้าแรงๆ ที่ไม่พาเด็กคนนี้มาพบข้าให้ไวกว่านี้”
ดาวีเลียยกมือขึ้นมาซับน้ำตาที่หางตาก่อนจะควักมือเรียกลูกสาว
“แคลร์..มาหาท่านยายสิลูก”
แคลร์มองหญิงชราที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงและเครื่องเพชรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล แต่เมื่อเธอไม่ได้เห็นสายตาที่รังเกียจของท่านยาย เธอก็เดินเข้าไปหาท่านยายก่อนจะโผกอดท่านยายอย่างที่ท่านแม่ทำ
ดัชเชสดาเวลเลียตกใจเล็กน้อยที่เด็กหญิงผู้นั้นเลือกที่จะกอดเธอ แทนจะก้มหน้าทำความเคารพอย่างมีมารยาทในแบบของชนชั้นสูง
“ท่าน..ยาย”
มุมปากของแคลร์โค้งขึ้นมาพร้อมๆ กับดวงตาที่เป็นประกาย ดัชเชสดาเวลเลียหรี่ตามองหน้าของแคลร์ เธอคุ้นเคยกับรอยยิ้มที่หวานปานน้ำผึ้งนั่นมากทีเดียว จึงเผลอยกมือขึ้นมาลูบผมของหลานสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“นางดูเหมือนข้ามากเกินไป..”
เมื่อดาวีเลียเห็นแววตาของท่านแม่ที่มองไปยังแคลร์ เธอก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“เหมือนท่านแม่ดีมากแล้วค่ะ ข้าเลี้ยงนางมากับอาม่อนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กเลย ในตอนที่ข้าคลอดแคลร์ออกมาด้วยความยากลำบาก ยามนั้นข้าได้แต่หวนคิดถึงความผิดพลาดของตัวเอง ข้าทอดทิ้งท่านแม่ที่รักและหวงแหนข้ามากกว่าใคร..ทอดทิ้งท่านมาด้วยความเห็นแก่ตัว..”
ดัชเชสหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะโบกมือเพื่อเรียกข้ารับใช้
“พาหลานสาวของข้าไปเที่ยวเล่นในเมืองก่อนเถิด”
สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาแคลร์ก่อนจะก้มหน้าลงและแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะคุณหนู ข้ามีนามว่าลีน่าต่อจากนี้ไปข้าจะมารับใช้คุณหนู..”
แคลร์มองหน้าท่านแม่ของเธอก่อนที่เธอจะเดินตามลีน่าไปขึ้นรถม้าคันใหม่ที่เป็นรถม้าของตระกูลดาเวลเลีย
และเมื่อรถม้าของแคลร์เคลื่อนตัวจากไปจนลับสายตาดัชเชสก็พาดาวีเลียเข้าไปด้านในเพื่อพบกับท่านดยุคพ่อของดาวีเลีย
ดาวีเลียก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพท่านพ่อที่แสนเข้มงวดของเธอ
“หมายความว่าอย่างไรกันดาวีเลีย เจ้าส่งจดหมายมาที่นี่เพื่อบอกกล่าวให้ข้าดูแลลูกของเจ้า..เห็นข้าเป็นอะไรกัน! เจ้าไม่เคยเชื่อฟังคำข้าแถมยังหนีไปกับคนชั้นต่ำอย่าง..”
ดัชเชสยกมือขึ้นมาจับแขนของท่านดยุคเอาไว้เพื่อห้ามให้สามีของเธอใจเย็นลง
“ท่านพ่อคะ ลูกกำลังจะตายและ..คนที่ลูกสามารถฝากฝังให้ดูแลแคลร์ได้มีเพียงท่านเท่านั้น!!”