บทที่1 เริ่มต้นชีวิต
"จะสายแล้วเหรอเนี่ย" รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นดังนางแบบ ใบหน้าคมคายสวยสะดุดตา เธอชื่อว่า แก้วรุ้ง
แก้วรุ้งโพล่งเสียงด้วยความตกใจ ก็นาฬิกาที่เธอตั้งไว้มันไม่ยอมปลุกน่ะสิ มารู้ตัวอีกทีก็เจ็ดโมงแล้ว ยิ่งวันนี้เป็นวันที่เธอต้องไปยื่นใบสมัครงานที่บริษัท หิรัญธเนตร กำจัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯ ท็อปห้าของประเทศ วันนี้นักศึกษาจบใหม่หลายคนก็คงหมายปองงานที่นั่นไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก
ด้วยความเร่งรีบทำให้เธอรีบจัดการตัวเองให้แล้วเสร็จภายในยี่สิบนาที จากนั้นก็มุ่งหน้าลงมาจากตึก อพาร์ทเม้นท์รีบมาเรียกรถแท็กซี่หน้าปากซอยเพื่อให้มาส่งยังจุดหมาย
วันนี้แสงอาทิตย์ดูจะอบอุ่นมันส่องประกายลงมากระทบที่ผิวของเธอจนรู้สึกได้ว่า หากสายไปกว่านี้ก็คงไม่ต้องเดาว่าสภาพอากาศบ้านเราจะเป็นไปในทิศทางไหน
ทันทีที่มาถึงก็เห็นว่าคนอื่น ๆ ที่มาสมัครนั่งกรอกรายละเอียดบางส่วนแล้ว พร้อมทั้งแนบเอกสารไปแล้วด้วย
"แก้วรุ้งฉันละอยากเขกกระบาลเธอจริง ๆ " เธอบ่นให้ตัวเองหลังจากลงมาจากแท็กซี่คันนั้นแล้ว ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้งานนี้
ใคร ๆ ก็รู้ว่าฐานเงินเดือนที่นี่มันน่าสนขนาดไหน อีกทั้งสวัสดิการก็ดี ทว่าบริษัทก็ไม่ได้เปิดรับเยอะอะไร มันสวนทางกับคนที่ว่างงาน และคนที่จบใหม่ที่ต้องการเข้าที่นี่เสียด้วยสิ
ใบหน้าสวยคล้ายจะมีความกังวลเป็นอย่างมาก แม้ว่าปลายปากกาจะตวัดอักษรไปก็หลายตัว แต่สิ่งที่เธอคิดในหัวก็คือ เขาเปิดรับตำแหน่งฝ่ายขายเพียงไม่กี่คน ส่วนที่เหลือก็เป็นแผนกที่เธอไม่ค่อยถนัด แต่ถ้าเธอได้งานที่นี่จะตำแหน่งไหนก็น่าจะดีกว่านอนว่างงานอยู่ที่ห้อง
หลังจากที่กรอกรายละเอียดไปจนครบก็เหลือแค่นั่งรอสัมภาษณ์ แก้วรุ้งถอนหายใจก็หลายครั้งแอบมีความวิตกกังวลเล็ก ๆ อันที่จริงมันก็ลุ้นแหละว่าจะได้หรือไม่ได้ ใช่ว่าสัมภาษณ์เสร็จเขาจะตอบรับเข้าทำงานเสียที่ไหนละ
"คนต่อไปแก้วรุ้งค่ะ" ฝ่ายบุคคลเรียกชื่อเธอจนเสียงดัง ส่วนเธอที่นั่งรออยู่ที่ด้านหน้าห้องก็รีบลุกขึ้น สาวเท้ายาว ๆ ไปที่ห้องสัมภาษณ์งาน จากนั้นก็หย่อนสะโพกลงนั่งช้า ๆ พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาไหว้ตามมารยาทที่ควรจะเป็น
"ดูจากประวัติ เธอพึ่งเรียนจบมานี้ ยังไม่มีประสบการณ์ด้านการทำงานด้วยซ้ำ"
"ใช่ค่ะ หนูพึ่งเรียนจบสมัครมาหลายที่แล้วแต่ยังไม่มีที่ไหนเรียกตัว"
"แล้วทำไมอยากมาทำงานที่นี่ละ" คงเป็นคำถามประจำบริษัทไปแล้วสินะ ไม่ว่าแก้วรุ้งจะไปยื่นใบสมัครที่ไหนเขาก็ถามแบบนี้ทุกครั้ง ส่วนคำตอบก็คงเหมือนเดิม
"ด้วยศักยภาพของบริษัทและความมั่นคงหนูเลยอยากจะเป็นหนึ่งของที่นี่ค่ะ ไม่รู้ว่าทางฝ่ายบุคคลจะพิจารณาหนูหรือเปล่า"
ดูเหมือนน้ำเสียงที่เธอตอบออกไปมันจะหนักแน่นและมีความมั่นใจมาก ทำเอาฝ่ายบุคคลยิ้ม และเธอเองก็ยิ้มตอบด้วย
"เรียนจบมาตรงสายงาน แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ หากเขาให้เธอไปลงที่แผนกอื่นที่ไม่ตรงใบสมัครเธอจะรับได้ไหม"
"ได้ค่ะ ทุกอย่างคือการเรียนรู้"
หลังจากที่ใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่ถึงห้านาทีแก้วรุ้งก็เดินออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าเขาจะตอบรับหรือเปล่า ที่ไหน ๆ ก็บอกว่าเป็นเสียงเดียวกันว่ารอติดต่อกลับ แม้ว่าจะหวังกับที่นี่มากแต่ไม่รู้จะสู้คนอื่นได้ไหม
ก็ต้องเดินหน้าหงอยออกมาจากบริษัทใหญ่ ใบหน้าของเธอเหมือนจะเซ็งสุดขีด หากเขาตอบรับตรงนั้นทันทีป่านนี้เธอคงยิ้มร่าออกมาแล้ว
"จบมาก็ต้องหลายเดือนแล้วทำไมงานมันหายากแบบนี้นะ"
อันที่จริงงานมันก็ไม่ได้หายากอะไร เพียงแต่คู่แข่งมันเยอะ การที่บริษัทต่าง ๆ จะคัดคนก็คงต้องใช้เวลาอยู่แล้ว
ระหว่างที่เท้ากำลังสาวไปไม่หยุดและไม่รู้ว่าจุดหมายต่อจากนี้จะเป็นที่ไหน อยู่ ๆ เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น
ครืด ครืด
โทรศัพท์
"ฮัลโหล"
(เป็นไงบ้าง ไปสมัครงานได้หรือเปล่า)
"ก็เหมือนเดิม รอติดต่อกลับนี่แกรู้ไหม ฉันเบื่อกับคำนี้มากเลยรู้สึกท้อสุด ๆ "
เธอบ่นขึ้นพร้อมชักสีหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาดื้อ ๆ จนธีรภพต้องโพล่งเสียงตอบกลับมา
(เอาน่ะ มันต้องได้สักทีแหละใจเย็น ๆ ว่าแต่ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนละ มาหาฉันที่ห้างสิเดี๋ยวฉันเลี้ยงฉันพึ่งปิดยอดขายได้)
"จริงเหรอ ดีเหมือนกันพักนี้กระเป๋าแห้งแล้วด้วย"
สิ้นบทสนทนาเธอก็หย่อนมือถือลงไปที่กระเป๋าใบเล็ก จากนั้นก็คงมุ่งหน้าไปหาธีรภพตามที่นัดกันไว้
ธีรภพเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้งานเป็นเซลล์ของบริษัทใหญ่ ส่วนเธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนจะได้งานแต่ก็ดันมีปัญหา สุดท้ายก็ว่างงานร่วมสองเดือนแล้ว
#ห้างสรรพสินค้า
แก้วรุ้งนั่งคอตกท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่กันไปมาในร้านชาบู จนธีรภพเงยหน้าขึ้นมามองจากนั้นก็ถอนหายใจ
"ไม่กินหรือวะ"
"ก็หิวนะแต่กินไม่ลง ธีแกว่ากรุงเทพมันเหมาะกับฉันหรือเปล่า หรือว่าฉันจะกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัดดี"
"มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะห่วงอะไรอีก อย่าคิดมากดิเดี๋ยวก็มีบริษัทเรียกตัว อีกอย่างทุกที่ที่แกไปยื่นใบสมัครไว้ มันก็ยังไม่ครบอาทิตย์เลยนี่ ใช่ไหม"
ธีรภพพูดก็มีเหตุผล ไอ้คำว่ารอมันรอได้ ทว่าเงินในกระเป๋ามันรอไม่ได้แล้วจริง ๆ เงินเก็บก็เริ่มจะหมดอุตส่าห์เก็บเล็กผสมน้อยมาตั้งแต่สมัยเรียนทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงิน จะมาหมดก็ตอนเรียนจบจริงแล้วยังไม่มีงานทำอีก
"ฉันว่าหากไม่ได้งานที่ตรงสาขาที่เรียนมา ก็คงเป็นพนักงานขายของตามห้างนี้แหละ"
"ที่ไหนก็ดีเหมือนกัน หรือว่าแกอยากไปทำงานที่บริษัทฉันไหมล่ะ"
"บริษัทแกมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น"
"ผู้ชายแล้วไง หรือว่าแกกลัวอดใจไม่ไหว"
"ไอ้บ้า พูดอะไรของแก ฉันแค่รู้สึกอึดอัดเท่านั้นเอง อีกอย่างนะบริษัทหิรัญฐานเงินเดินมันก็เยอะ มีสวัสดิการอื่นอีกอย่างน้อย ๆ ก็คงมีเงินเก็บแหละ"
ธีรภพถอนหายใจยาวทันที ก็พอรู้นิสัยของแก้วรุ้งอยู่บ้าง หากไปทำงานที่เงินเดือนน้อยเธอก็ไม่พอใช้ไหนจะส่งทางบ้าน ค่าที่พักค่ากิน กว่าจะพ้นเดือนก็คงลำบากน่าดู