ตอนที่ 5

2740 คำ
​ “เอายังไงดีล่ะหมู” พนักงานคนสวยหันไปถามเพื่อนเพราะอยากบริการให้ลูกค้าพอใจและประทับใจแต่ห้องพักเต็ม “เธอลองโทรไปถามพี่นวลสิว่าจะทำยังไงดี” สาวสวยอีกคนบอกเพื่อนเพราะไม่สามารถตัดสินใจได้จึงให้โทรหาเลขาของเจ้านาย “กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันจะโทรเช็คให้อีกครั้งหนึ่งค่ะ” พนักงานสาวหันมาบอกแขกหนุ่มแล้วยกโทรศัพท์โทรหาเลขาเจ้านาย “ทำไมช้าจังภพ มีอะไรหรือเปล่า” วิศรุตถามลูกน้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะเห็นว่านานและเขาคิดว่าห้องพักคงมีปัญหาเพราะแขกบางคนก็เหมือนเขานี่แหละที่วอล์คอินเข้ามาและต้องการห้องพักที่ตัวเองต้องการโดยไม่คำนึงว่าจะมีว่างหรือเปล่า เขาจึงตัดปัญหาด้วยการให้แขกจองวิลล่าในรีสอรท์ของเขาล่วงหน้าเพื่อไม่อยากให้แขกผิดหวังเหมือนตอนนี้ที่พนักงานมีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะห้องที่เขาต้องการคงไม่ว่าง “รอสักครู่ครับ พนักงานกำลังหาห้องพักให้อยู่ครับ” สมภพตอบเจ้านายเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน “เร็วๆหน่อยนะฉันอยากพัก เดินทางมาเหนื่อย ฉิบ” วิศรุตแกล้งพูดให้พนักงานต้อนรับได้ยินเขาอยากรู้ว่าพวกเธอจะแก้ไขยังไง “ทางโรงแรมต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่ทำให้ท่านต้องรอนาน ตอนนี้ห้องพักที่ท่านต้องการมีว่างสำหรับท่านพอดีค่ะ รบกวนขอเอกสารด้วยค่ะ” พนักงานสาวทำงานกันอย่างรวดเร็ว “นี่ครับ” สมภพยื่นบัตรของตัวเองและพาสปอร์ตของเจ้านายให้พนักงาน “เรียบร้อยค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวคนเดิมพาสองหนุ่มขึ้นไปส่งถึงห้องพักสุดหรูของโรงแรมที่ราคาต่อคืนไม่ธรรมดา “ขอบคุณครับ” เมื่อถึงห้องสมภพก็ยื่นทิปให้พนักงานที่บริการได้ประทับใจเขาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เร็วกว่าที่เขาคิดเพราะจริงๆแล้วห้องแกรนด์เดอลุกซ์จะมีห้องสำรองไว้สำหรับแขกวอล์คอินเข้ามาแต่วันนี้เจ้านายสาวจองให้เพื่อนรักทุกห้องจึงเต็มหมดเพราะใกล้เทศกาลปีใหม่จึงทำให้คึกคัก เมื่อพนักงานสาวออกไปแล้ววิศรุตก็เดินสำรวจห้องพักสุดหรูของโรงแรมหรูที่ตกแต่ได้อย่างคลาสสิคสไตล์ไทยประยุกต์ผสมผสานยุโรปตะวันตกได้อย่างลงตัว “สมราคาจริงๆ แล้วนายคิดยังไงภพ” ศรุตถามความเห็นของลูกน้องเมื่อสำรวจเสร็จแล้ว “สวยครับ การตกแต่งผสมผสานทันสมัยดีครับ แต่ผมชอบสระว่ายน้ำครับ” สมภพบอกเจ้านายเพราะบริเวณสระว่ายน้ำล้อมด้วยกระจกใสมีผ้าม่านสีทืบปิดอยู่และมีประตูกระจกเลื่อนออกเพื่อรับอากาศแต่ถ้าอยากเป็นส่วนตัวก็ปิดม่านทั้งสองข้างแล้วเปิดประตูกระจกก็ได้เพราะเปิดออกก็มองเห็นแม่น้าเจ้าพระยาและโรงแรมคอนโดบ้านเรือนมากมายอยู่ฝั่งตรงข้ามลิบๆจึงเป็นส่วนตัวที่ไม่มีใครมองเห็น ซึ่งการออกแบบห้องพักสุดหรูนี้มาจากเบนจามินที่อยากนอนนับดาวกับเมียแต่กลัวห้องข้างๆเห็นและได้ยินเสียงสามีภรรยานับดาวกันเพลินเขาจึงคิดออกมาแบบนี้ซึ่งถกเถียงกับมัลลิกาอยู่นานกว่าเธอจะเห็นด้วย จากนั้นเจ้านายกับลูกน้องก็แยกกันไปพักเพราะตื่นกันแต่เช้าเพื่อให้ทันเที่ยวบินแรกจึงง่วงนอนกันเล็กน้อยจนสิบเอ็ดโมงโทรศัพท์ของศรุตก็ดังขึ้นปลุกเขาตื่นขึ้นมารับสายของเจนจบที่โทรมารายงานเจ้านายและส่งอีเมล์ประวัติของจัสมินให้เจ้านาย “ผมส่งอีเมล์ให้คุณรุตแล้วนะครับ” เจนจบใช้เวลาแค่สองชั่วโมงก็ได้ข้อมูลของจัสมินแม้ไม่ละเอียดแต่ก็ได้ข้อมูลในการศึกษาและประวัติครอบครัวย่อๆเพราะข้อมูลลึกๆเขาล้วงไม่ได้ขนาดใช้แฮกเกอร์มือดีของบริษัทยังเข้าไม่ถึงเลย “ขอบใจมาก” “วันนี้ผมขอไปเยี่ยมแม่หน่อยนะครับ” เจนจบบอกเจ้านายเพราะเขาไม่เจอแม่มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว “ตามสบายเลยเจนจบฝากสวัสดีคุณแม่ของนายด้วย” เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จวิศรุตก็เปิดเมล์ที่ลูกน้องส่งมาให้แล้วอ่านประวัติของจัสมิน “อืม เป็นลูกเลี้ยงของคุณเบนจามินเหรอแต่เก่งไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย วันนี้วันเกิดเธอด้วยนี่หว่า” วิศรุตพูดคนเดียวจัสมินเป็นลูกสาวของคุณมัลลิกาคนเดียวที่ไม่บอกว่าใครเป็นพ่อเธอเกิดที่ฝรั่งเศษไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของเบนจามินแต่ใครสนล่ะขนาดเขายังเป็นลูกเมียน้อยเลยคิดแล้วก็ยิ้มหยันตัวเองและคิดว่าเขาน่าจะหาดอกไม้สักช่อให้หญิงสาวในวันเกิดเย็นนี้ เมื่อคิดได้เขาก็ลุกจากเตียงไปอาบน้ำแล้วเดินออกไปจากห้องเจอลูกน้องนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟารับแขก “ภพสั่งดอกลิลลี่ให้ฉันช่อหนึ่งสิเอาสวยที่สุดแล้วส่งไปให้จัสมินตอนเดินแบบเสร็จ อ้อ ไม่ต้องลงชื่อนะ.." วิศรุตพูดจบก็นั่งลงตรงข้ามสมภพ “ครับคุณรุต แล้วจะให้เขียนว่ายังไงครับ” สมภพที่รับคำสั่งเจ้านายและโทรหาร้านดอกไม้ที่ใช้บริการบ่อยๆแต่ไม่ได้ส่งให้สาวๆของเจ้านายแต่ส่งแสดงความยินดีกับญาติๆเพื่อนๆและลูกค้าของตลาดหุ้นของศรุตเท่านั้น “Happy Birthday แค่นี้แหละ..” วิศรุตพูดจบสมภพก็โทรบอกพนักงานร้านดอกไม้ตามที่เจ้านายสั่ง “ตกลงคนนี้เอาจริงเหรอครับคุณรุต” ลูกน้องคนสนิทถามเจ้านายเพราะเขาได้อ่านประวัติของจัสมินแล้วหญิงสาวโปรไฟล์ไม่ธรรมดาเลยพร้อมทุกด้านถ้าดูตามความเป็นจริงก็เหมาะสมกับเจ้านายของเขา “ไม่รู้เหมือนกัน เธอน่าสนใจแต่คงเข้าถึงตัวได้ยากพอสมควร” ชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าเธอมีใครในใจหรือยังแต่เท่าที่อ่านดูประวัติของเธอคร่าวๆก็ยังไม่มีแฟนแต่น่าจะมีหนุ่มๆมาจีบเยอะพอสมควร “คุณรุตจะลงไปกินข้าวที่ห้องอาหารหรือสั่งรูมเซอร์วิสครับ” “ลงไปดีกว่า มาถึงที่แล้วแล้วต้องชิมหน่อยสิ” วิศรุตบอกคนสนิทแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพักสุดหรูเพื่อไปกินอาหารกลางวัน พอเข้าลิฟต์ก็เห็นสาวสวยที่เขาหมายตาไว้ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่แล้เธอก็ขยับตัวไปชิดมุมให้เขากับลูกน้องเข้าไปในลิฟต์ “ชั้นสามครับ” สมภพบอกพนักงานกดลิฟต์เพราะเจ้านายเอาแต่แอบมองสาวสวยที่บังเอิญเจอกันในลิฟต์จนถึงชั้นสามหญิงสาวก็เดินออกจากลิฟต์แล้วยังขอบคุณพนักงานอย่างไม่ถือตัวทำให้ศรุตประทับใจเธอ “เชิญครับ..” ศรุตสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพนักงานพูดเขาก็เดินออกจากลิฟต์ไปที่ห้องอาหารมองเห็นจัสมินยืนคุยกับพนักงานต้อนรับ เขาก็เดินเลี่ยงไปนั่งริมกระจกเพื่อมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยา “ทางนี้จ้ะแม่มะลิน้อย” วิศรุตหันไปมองตามเสียงเขาก็เห็นสาวสวยสองคนนั่งอยู่แล้วยกมือเรียกจัสมินที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ แม่มะลิ เหรอ ทำไมเขาชอบจังเลย “ภพ นายโทรไปบอกร้านดอกไม้อีกทีว่าฉันอยากได้ดอกมะลิช่อใหญ่แทนดอกทิวลิป” ชายหนุ่มเปลี่ยนใจทันทีและเขาก็ชอบดอกมะลิแอบคิดไว้ในใจว่าเขาจะเอาต้นมะลิไปปลูกที่เกาะด้วย “ครับคุณรุต” สมภพก็โทรไปแจ้งร้านดอกไม้อีกครั้งพร้อมกับขอโทษและให้คิดค่าเสียเวลาแต่ทางร้านดอกไม้บอกว่าไม่เป็นไรและเต็มใจจัดดอกมะลิช่อใหญ่ให้แทนเพราะเป็นลูกค้ากันมานาน เมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จสองหนุ่มก็พากันกลับไปที่ห้องพักและทำงานกันต่อเพราะงานของเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่บริษัทแค่เปิดโน๊ตบุ๊คเขาก็ทำงานได้แล้วและตอนนี้ตลาดหุ้นกำลังคึกคักเพราะใกล้จะปิดตลาดจึงให้ทีมงานของศรุตต่างก็รับโทรศัพท์กันให้วุ่นวายและเช็คราคากันต่อวินาทีเลยทีเดียวจนตาลาดปิดก็ทำให้เขาขายหุ้นที่ซื้อไว้ได้กำไรไปเนาะๆไม่แค่ยี่สิบกว่าล้านและยังกว้านซื้อหุ้นที่กำลังร่วงแต่คาดการณ์ไว้แล้วว่ายังไงก็ได้กำไลแต่จะมากจะน้อยต้องดูจังหวะของตลาดที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา “ฉันจะว่ายน้ำผ่อนคลายสักหน่อย” วิศรุตบอกลูกน้องแล้วเข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงบ๊อกเซอร์แล้วไปว่ายน้ำที่สระขนาดกลางแล้วขึ้นมานอนบนเตียงอาบแดดคิดถึงใบหน้าสวยหวนของจัสมินขนาดเธอไม่แต่งหน้าก็ยังสวย “คุณรุตครับ คุณต่อโทรมาครับ” สมภพถือโทรศัพท์ออกมายื่นให้เจ้านายที่นอนเล่นอยู่บนเตียงอาบแดด “หวัดดีครับพี่ต๋อย มีอะไรให้น้องชายคนนี้รับใช้ครับ” วิศรุตถาม วัลลพ หรือ พี่ต๋อย ญาติผู้พี่ลูกชายของลุงดินที่แต่งงานกับพรทิพย์ลูกสาวคู่ค้าทางธุระกิจชาวโคราชที่เจอกันตอนไปตรวจดูสินค้าที่บริษัทของภรรยาและมีลูกชายหนึ่งคน น้องจอม หรือ เด็กชายจอมทัพ วัยสี่ขวบที่ทั้งแสบทั้งซนแต่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน “มีสิ ได้ข่าวว่านายอยู่กรุงเทพใช่มั้ย” “แหม รู้กันไวดีจัง ผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะครับ” วิศรุตรู้ว่าครอบครัวเขาหูตาเป็นสัปะรดรู้การเคลื่อนไหวของกันและกันดี “ปู่อยากเจอนายว่ะน้องชายและเจ้าจอมบอกคิดถึงอารุตด้วยแค่นี้แหละน้องรัก” วัลลพบอกน้องชายที่สนิทกันมากและเขาแก่กว่าวิศรุตสองปี “ได้ครับ ฝากพี่ต๋อยบอกปู่ว่าพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปหานะครับ” “ได้ เดี๋ยวพี่บอกปู่ให้เอง แต่ข้องใจว่ะน้องชายทำไมนายไปพักที่เจ้าพระยา กรีนปาร์ค” วัลลพถามน้องชายแทนที่จะพักที่คอนโดหรูหรือเพนต์เฮ้าส์หรูไม่งั้นก็มาพักที่บ้านแต่น้องชายกลับไปพักที่โรงแรมหรู มันต้องมีอะไรสักอย่างแล้วเพราะสนิทสนมรู้ใจกันมากที่สุดจึงทำให้วัลลพสงสัยพฤติกรรมของน้องชายว่าต้องมีอะไรสักอย่าง “ผมแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศแค่นั้นเองครับพี่ต๋อน” วิศรุตตอบพี่ชายและคิดว่าเดี๋ยววัลลพก็ต้องรู้เขามักมีวิธีพูดที่ทำให้น้องชายคายความลับได้อยู่แล้ว “โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน” เมื่อคุยกับพี่ชายเสร็จชายหนุ่มก็ลงไปว่ายน้ำอีกครั้งจนเหนื่อยศรุตก็ขึ้นจากน้ำแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวกางเกงสแล็คสีดำแบรนด์ดังลงไปนั่งดื่มกาแฟรอเวลาเข้างานแฟชั่นโชว์ที่ตอนนี้เหล่าคุณหญิงคุณนายที่แต่งตัวสวยงามประดับด้วยเครื่องเพชรเครื่องทองมาแข่งขันกันทยอยเข้าไปในงาน “ดูนั่นสิครับคุณรุต” สมภพพยักหน้าให้เจ้านายมองไปทางขวามือของเขาก็เห็นหนุ่มฝรั่งร่างใหญ่และหนุ่มไทยรูปร่างสูสีกันเดินควงคู่ภรรยาสาวสวยของพวกเขาแม้จะอายุเยอะแต่ยังดูหนุ่มสาวกว่าอายุมาก “นั่นพ่อแม่ของจัสมินและลุงขอเธอนี่นา” วิศรุตพอจะรู้จักชื่อเสียงของนักธุระกิจชื่อดังทั้งหลายอยู่แล้วเพียงแต่เขาไม่เคยสนใจแต่ต่อไปเขาคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ “ใช่ครับ ผมคิดว่าวันนี้ญาติๆของเธอคงจะมากันเยอะเหมือนทุกปีนะครับ” สมภพบอกเจ้านายเพราะตั้งแต่เขารู้ว่าวิศรุตสนใจสาวสวยเบอร์หนึ่งของตระกูลวรเกียรติเข้าก็หาข้อมูลของคนใกล้ตัวเธอตั่งแต่ปู่ย่าตาทวดญาติพี่น้องของเธอทุกคน “เฮ้ย ภพนายดูสินั่น” วิศรุตเห็นลุงดินกับป้าจีเดินควงคู่กันเดินผ่านร้านกาแฟที่เขานั่งอยู่จึงเอนตัวพิงโซฟาเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นจนลุงกับป้าสะใภ้เขาเดินผ่านไป “แล้วคุณรุตไม่เข้าไปในงานเหรอครับ” “รอเข้าทีหลังดีกว่าว่ะ ฉันไม่รู้ว่าจะเจอใครบ้างน่ะสิ” ชายหนุ่มตอบลูกน้องและนั่งแอบมองแขกที่เดินผ่านไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ห้องแกรนด์บอลรูมที่ชั้นสอง “ไม่ต้องสงสัยหรอกครับโน่นมาอีกหนึ่งคู่แล้วครับ” สมภพบอกเจ้านายเมื่อเห็นพี่ชายของเจ้านายเดินมาพร้อมกับภรรยา “จะยกมากันทั้งบ้านหรือเปล่าวะเนี่ย” วิศรุตพูดกับลูกน้องที่ยิ้มขำเจ้านาย “ไม่แน่ครับคุณรุต หึ หึๆ..” ทั้งสองนั่งรอจนใกล้เวลาที่งานจะเริ่มจึงพากันเดินไปนั่งมุมห้องขอแลกที่นั่งกับคู่หนุ่มสาวเพราะถ้าเขาเข้าไปตอนนี้ลุงกับพี่ชายต้องเห็นแน่ๆเขาจึงเลือกนั่งหลังสุดและมุมด้านในสุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ ในห้องแต่งตัวของนางแบบยุ่งวุ่นวายเดินสวนกันไปมาทั้งทีมงานนางแบบส่วนของนายแบบไม่วุ่นวายเพราะหนุ่มๆไม่อายกันที่ใส่แต่กางเกงในตัวเดียวเดินไปมาและเปลี่ยนเสื้อผ้ามีนัตตี้เป็นคนดูแลและเจ้าของงานทั้งสองที่อยากให้งานออกมาสมบูรณ์แม้เหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้พิเศษตรงที่เป็นงานการกุศลที่นัตตี้ มัลลิกา ครองขวัญ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและเชิญแขกเศรษฐี นักธุรกิจ ไฮโซ ดาราคนดังมาร่วมงานเพื่อจะได้เงินบริจาคเยอะๆไปช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่อุปถัมถ์ค้ำจุนกันมาตั้งแต่สามสาวเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ J.M. “ฟังทางนี้หน่อยจ้าหนุ่มๆสาวๆ..” นัตตี้ปรบมือรัวๆเพื่อให้หนุ่มๆสาวๆเงียบเพื่อบอกรายละเอียดของงานอีกครั้งเพื่อความแม่นยำของแต่ละคนถึงแม้จะแจ้งไปแล้วครั้งหนึ่งตอนประชุมร่วมงานกันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาถึงสองครั้งแล้ว “วันนี้พี่นัตตี้อยากให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุดแต่ต้องอยู่ที่พวกน้องๆทุกคนจะต้องช่วยให้งานวันนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทุกคนเข้ากันแล้วใช่มั้ยงั้นไปเตรียมพร้อมได้อีกสิบนาทีงานเราจะเริ่มแล้วค่า..” เมื่อนัตตี้พูดจบก็เหมือนผึ้งแตกรังทั้งนางแบบนายแบทีมงานก็ทำหน้าที่ของตัวเอง “นี่ จัสมินเธอได้เดินฟินาเล่เหรอ” ตรีเนตรเดินมาถามจัสมินเพราะเธอถามช่างแต่งหน้าเลยรู้ว่าคู่แข่งได้เดินชุดฟินาเล่ที่เธออยากเดิน “ใช่ มีอะไรหรือเปล่าล่ะแนน..” จัสมินหันไปถามตรีเนตรที่ถึงกับเดินมาถามเธอ “ไม่มีอะไรหรอกแค่มาดูหน้าเด็กเส้นน่ะ..” “อิจฉาเหรอยะยัยหนูแนน ถ้าไม่สวยไม่มืออาชีพจริงไม่ได้เดินหรอกย่ะ พวกที่แต่งตัวสวยไปวันๆน่ะเขาไม่เอามาเดินหรอกนะคะ.” กฤติกายื่นหน้าไปพูดกับตรีเนตรที่หน้าแดงขึ้นทันตาเพราะโกรธที่ถูจี้ใจดำ “ยัยกระแตเธอว่าฉันเหรอ ฮ้า..” เสียงแหลมแว้ดใส่กระแต “ฉันพูดชื่อเธอเหรอแนน ร้อนตัวหรือเปล่าจ้ะ..” กฤติกาลอยหน้าพูดอย่างไม่กลัวตรีเนตรเพราะเป็นปกติอยู่แล้วที่เธอลับฝีปากกับตรีเนตรมาตั้งแต่สมัยเรียน “พอเถอะแนน เธออยากเป็นจุดด้อยของงานเหรอถึงได้แหกปากร้องเสียงดังให้คนอื่นเขารำคาญน่ะ” พรพรรณพูดจบตรีเนตรก็หันไปมองรอบๆก็เห็นนางแบบตัวจริงและนางแบบรับเชิญเหมือนกับเธอมองมาที่เธอเป็นตาเดียวบางคนก็แบะปากใส่ “พวกเธอรุมฉัน จำไว้นะ” ตรีเนตรเค้นเสียงว่าสามสาวที่นั่งเฉยอย่างไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของเธอจึงสบัดหน้าเดินไปนั่งรอคิวขึ้นเวที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม