ตอนที่ 4 โชคชะตา

1441 คำ
สายตาคมกริบดุดันมองไปยังร่างเล็กของพริ้งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับมือบางที่ยกขึ้นเช็ดหยาดน้ำสีใสออกจากดวงตาแดงก่ำอย่างลวก ๆ ทันใดนั้นเสียงของคนพูดน้อยก็ดังขึ้นดึงสติกองทัพที่เอาแต่มองสาวให้หันกลับมาสนใจบทสนทนาเรื่องธุรกิจด้านมืดต่อ “ส่งของล็อตนี้สั่งลูกน้องมึงให้รอบคอบกว่านี้หน่อย” “อืม ค่าเสียหายรอบที่แล้วเดี๋ยวกูรับผิดชอบเอง” “ไม่ต้อง อย่าให้พลาดอีกก็พอ เบื่อจะให้พ่อเคลียร์ทางแล้วว่ะ” เนื่องจากพ่อของไวท์เป็นถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่และก็ใช่ว่าท่านจะเคลียร์ปัญหาให้เขาได้อยู่ตลอด เพราะทุกครั้งที่ไวท์ไหว้วานผู้เป็นพ่อก็จะบ่นจนหูชา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมลงมือช่วยเหลือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกอยู่ดี ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคราก่อนมันหนักหนาสาหัสส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จนพ่อเขาถึงกับเอ่ยปากว่าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครั้งจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยแล้ว และจะเป็นคนลงมือจัดการธุรกิจด้านมืดของเขาด้วยมือท่านเอง “ทำพวกกูเสียหายหลายร้อยล้านได้มันคงไม่ใช่คนธรรมดา แล้วมึงสืบได้เรื่องหรือยังทัพ” “ยังไม่แน่ใจ” “ให้คนของพ่อกูจัดการแทนไหม” “ไม่ต้อง” เนื่องจากตระกูลชัยศิริธีรวงศ์ก็เป็นอีกหนึ่งมาเฟียที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและน่าเกรงขาม ด้วยความใจร้อนของธามอยากตามตัวคนก่อเหตุให้พบโดยเร็ว เขาจึงเสนอเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองแต่กลับโดนทายาทมาเฟียเช่นกองทัพทักท้วงเอาเสียก่อน ทว่าไวท์กลับเห็นด้วยกับธามเพราะรู้สึกว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ทางลูกน้องของกองทัพเริ่มทำงานช้าแถมยังทำพลาดจนทุกคนต้องเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล เห็นดังนั้นเขาจึงเอ่ยเสริมกับธามซึ่งนาน ๆ ทีจะเข้าข้างพ่อหนุ่มเพลย์บอยแบบนี้ “กูว่าให้คนของไอ้ธามทำก็ดี” “หมายความว่าไงวะ พวกมึงไม่ไว้ใจกู” “เปล่า” “งั้นก็อยู่เฉย ๆ เรื่องแค่นี้กูจัดการเองได้” ดวงตาคมเข้มฉายแววขุ่นเคืองพร้อมกับสีหน้าดูหงุดหงิดขึ้น จนอีกสองหนุ่มต้องปิดปากเงียบกลัวจะพูดอะไรไม่เข้าหูคนใจร้อน ความจริงกองทัพสืบจนรู้ตัวต้นเหตุแล้วต่างหาก แต่ที่ยังไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ให้เพื่อนได้รับรู้ก็เป็นเพราะเขาอยากจัดการคนก่อเหตุด้วยตัวเขาเอง และในอีกไม่ช้าคน ๆ นั้นย่อมต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสมเช่นเดียวกับพวกเขาแน่นอน อีกฝั่งของตัวผับ “ยัยพริ้งแขนแกไปโดนอารายมา” “โดนอะไรไม่มี แกเมาแล้วตาลายเองเหอะ” “ฉันไม่ได้เมาย่ะ! ยังดื่มได้อีกจ้า” “พอเลย ๆ ฉันยังไม่อยากลูบหลังให้แกหรอกนะ” คนเมาที่สายตายังคงดีเอ่ยทักท้วงเมื่อเห็นรอยแดงบริเวณข้อมือของเพื่อนสนิท ที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มไวน์จนพริ้งต้องเปลี่ยนข้างอย่างมีพิรุธ แล้วโยนความผิดให้คนสติเหลือเพียงน้อยนิดแทน แต่มะปรางก็ยังยืนกรานว่าตนนั้นไหวแถมยังดื้อรั้นจะดื่มต่อ แต่กลับถูกพริ้งแย่งแก้วไปต่อหน้าต่อตา จนคนเมาเริ่มหัวเสียแต่มีหรือที่คนอย่างพริ้งพราวจะสนใจ แม้จะหลบสายตาจากมะปรางไปได้ แต่อย่างไรแล้วก็คงปิดบังคนที่มีสติเหลือเต็มร้อยเช่นธันวาไม่พ้นอีกอยู่ดี “พริ้งมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ” “ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่วา พริ้งสบายดีมาก” “หึ เด็กน้อย” “พริ้งโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กซะหน่อย” เพราะกลัวว่าธันวาจะไม่เชื่อเธอจึงฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายได้คลายกังวล ซึ่งในสายตาเขาพริ้งนั้นดูน่ารักจนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบหัวทุยด้วยความเอ็นดู ทว่าความเอ็นดูของธันวามันอาจจะมากกว่าคำว่าพี่น้อง เพราะเขานั้นตกหลุมรักรุ่นน้องในคณะคนนี้ตั้งแต่แรกพบ ซึ่งกว่าจะสนิทสนมถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกันได้เพียงนี้ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจอยู่นานมากโข ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยความในใจให้พริ้งได้รับรู้เพราะกลัวจะมองหน้ากันไม่ติดและห่างเหินจนเขาทำใจไม่ได้ อีกอย่างสถานะพี่น้องในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา “พริ้งว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ ยัยปรางเมาใหญ่แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้พริ้งมีเรียนเช้าด้วย” “ครับ เอาสิ” “ยัยปรางกลับกันเถอะ” “ฉันยังอยากดื่มต่ออยู่เลย” “ไม่ได้ แกเมามากแล้ว” มือบางถือวิสาสะคว้าแขนคนเมาที่ดื้อรั้นเพื่อจะลากออกจากผับ แต่มะปรางกลับไม่ยอมเธอยังคงยืนยันจะดื่มต่ออยู่ท่าเดียว “ม่ายกลับ ฉันยังไหว!” “กรี๊ด!” พรึ่บ “ยัยพริ้ง” เพราะคนเมารวบรวมแรงที่เหลือน้อยนิดสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พริ้งกระชากแขนปรางพอดิบพอดี ทำให้ร่างของคนตัวเล็กเซไปด้านหลังอย่างแรง จนใคร ๆ รวมถึงเธอเองต่างก็คิดว่ายังไงแล้วต้องล้มหน้าหงายแน่นอน “พริ้ง” หมับ ธันวาร้องลั่นด้วยความตกใจเตรียมจะเข้าไปช่วยพริ้งที่ใจหายจนหน้าเหวอไม่ต่างจากเขา แต่กลับไม่ไวเท่ามือปริศนาที่ดึงรั้งตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดท่ามกลางความประหลาดใจของใครหลาย ๆ คน ด้วยความบังเอิญทำให้ดวงตากลมโตสบเข้ากับสายตาคู่คมราวกับต้องมนต์สะกดเพียงครู่ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นเดิมเมื่อเสียงทักท้วงของธามดังขึ้นเรียกสติให้คนทั้งสองต้องผละออกจากกัน “อ้าวน้องพริ้ง รู้จักกองทัพด้วยหรอครับ” “ปะ..เปล่าค่ะ” “อย่าปล่อยให้แฟนเมาจนสร้างความเดือดร้อน เพราะครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้” “ห้ะ” กองทัพเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนขนาบข้างพริ้งที่เขาเพิ่งจะช่วยชีวิตด้วยสายตาเย็นยะเยือก ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนอาหารงุนงงของพริ้งเลยสักนิด “น้องพริ้งมีแฟนแล้วหรอครับ” “ไม่ใช่นะคะ นี่พี่ธันวารุ่นพี่ในคณะค่ะ” “อ่อ ผมธามบริหารยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” “เช่นกันครับ” แค่มองตาก็รู้ได้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูของหัวใจทั้งคู่จึงทำความรู้จักกันตามมารยาทเท่านั้น ก่อนจะจากพ่อหนุ่มเพลย์บอยยังมิวายหันมากระตุกยิ้มร้ายใส่ธันวาที่มองนิ่ง ๆ อีกด้วย ภายในห้องโดยสารขนาดเล็กค่อนไปทางเงียบสงบเนื่องจากคนที่คอยสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นตอนนี้กลับเมาจนสลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็นธันวาที่เอ่ยทำลายความเงียบนี้อีกเช่นเคย “ช่วงนี้ที่สำนักข่าวเป็นไงบ้างพริ้ง” “ตั้งแต่ปล่อยข่าวนั้นก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วค่ะ” “แต่พริ้งก็ต้องระวังตัวด้วยนะ พี่เคยได้ยินมาว่าคนพวกนี้มันกัดไม่ปล่อย” “.....” “แต่ถ้าพวกมันกล้าทำอะไรพริ้ง คงต้องผ่านศพพี่ไปก่อนแล้วล่ะ” “ขอบคุณที่เป็นห่วงพริ้งนะคะ” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยตอบอย่างเลื่อนลอย ในภวังค์กำลังคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในวันนี้รวมถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมาสด ๆ ร้อน ๆ สายตาดุดันที่ชายแปลกหน้าผู้นั้นใช้มองเธอมันพาลให้หัวใจกระตุกวูบอย่างแปลกประหลาด ก่อนที่จะเหม่อลอยไปไกลธันวาจึงเขย่าแขนคนใจลอยเรียกสติให้คืนกลับมา “ถึงบ้านเราแล้ว เดี๋ยวมะปรางพี่ไปส่งเอง” “ให้ปรางค้างกับพริ้งก็ได้นะคะ” “ไม่เป็นไร ยังไงก็ทางผ่านคอนโดพี่อยู่แล้ว” “งั้นพริ้งฝากด้วยนะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” “ครับ” รอยยิ้มอ่อนหวานเมื่อครู่หุบลงเมื่อรถหรูแล่นออกจากหน้าบ้านจนลับสายตา ใบหน้าซุกซนก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นวิตกอย่างเห็นได้ชัด ถ้อยคำขู่เข็ญของชายแปลกหน้าในห้องน้ำยังคงดังกึกก้องวนเวียนอยู่ในหัวให้เธอต้องคิดมาก “เห้ออ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ชีวิตฉันจะมีความสุขเหมือนคนทั่วไปไม่ได้เลยใช่ไหม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม