bc

อย่าทิ้งพีช

book_age18+
84
FOLLOW
1K
READ
age gap
sweet
humorous
self discover
twink
love at the first sight
affair
novice
passionate
seductive
like
intro-logo
Blurb

ถึงเป็นเด็กในวันนี้ ก็เป็นสามีพี่ในวันหน้าปะ? เด็กก็รักจริงเป็นนะครับ!

'พีช' เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โหยหาความรักมาตลอด หลังจากเสียแม่ไปเขาก็ไม่เคยได้รับการโอบกอดใดที่อบอุ่นเลย จนกระทั่งเจอกับ 'ไนน์' ผู้ที่เข้ามาเติมสีสันให้ชีวิต รวมทั้งเติมเต็มความรักที่ขาดหายให้เอ่อล้นไปทั้งหัวใจ

chap-preview
Free preview
EP.01 สายเรียกเข้า
EP.01 สายเรียกเข้า PEACH TALK            วันนี้ผมได้เพิ่มความทรงจำดี ๆ ให้ตัวเองได้อีกหนึ่งเรื่อง มีเรื่องน่าประทับใจและน่าประหลาดใจเข้ามาทำให้ผมเอาแต่นึกถึงไม่หยุด จะเป็นอะไรล่ะนอกจากรอยยิ้มของไนน์ที่มันเหมือนพี่ไทม์มากจริง ๆ ให้ตายเถอะ ผมสาบานได้เลยว่าทั้งชีวิตสิบเจ็ดปีของผมยังไม่เคยเจอใครที่มีรอยยิ้มเหมือนกันได้ขนาดนี้มาก่อน            เป็นรอยยิ้มที่ผมชอบ ที่ผมประทับใจมาตลอดหลายปี ก่อนที่จะได้เจอกับพี่ไทม์อีกครั้งเมื่อปีก่อนเขาก็อยู่ในความทรงจำของผมมาสามปีแล้ว ระหว่างสามปีนั้นบางครั้งผมก็ภาวนาให้ผมได้เจอกับเขาอีกสักครั้ง ผมอยากเจอ อยากเห็นเขายิ้มให้ผมอีก เขาเป็นคนที่ยิ้มสดใสมากซึ่งผมชอบ อาจเพราะรอยยิ้มของเขามันดูใจดีและปลอบโยนผมในสภาวะหวาดกลัวได้            วันนี้ผมเจอรอยยิ้มนั้นแล้วแม้จะไม่ใช่เจ้าของคนเดิม แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมชอบรอยยิ้มของไนน์ ถึงจะเจอกันไม่กี่นาทีแต่เขาทำให้ผมเดินไปยิ้มไปตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนมาถึงบ้านผมก็ยังหุบยิ้มไม่ได้ นี่ผมคงประทับใจเขามากเลยสินะ            แต่ความสุขของผมก็ต้องชะงักกึกเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาคู่หนึ่งจ้องมองผมอยู่            “มองเชี่ยไรไอ้ตาล เดี๋ยวกูถีบ”            “มองหมามันยิ้ม แปลกตาจังวันนี้ ผีเข้าเหรอ?”            “เสือก”            ผมกับมันคุยกันแบบนี้แหละ ทุกวันไม่ว่าจะเจอหน้ากันตรงไหนของบ้านก็ต้องกวนตีนใส่กันด้วยคำพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมแกล้งมันหนักเลยนะ ตอนย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ใหม่ ๆ ผมรู้ว่ามันกลัวจิ้งจกผมก็จับจิ้งจกไปโยนใส่มันจนมันวิ่งหนีผมแล้วตกบันได ดูเหมือนแกล้งแรงใช่ไหมล่ะ ผมรู้สึกผิดทุกครั้งนะที่ทำมันเจ็บตัว แต่ผมเหงาครับ การเป็นลูกคนเดียวมาตลอดมันเหงาจริง ๆ            พ่อบอกผมว่าให้ทำดีกับน้ำตาลให้มากหน่อย ต่อไปก็มีกันอยู่สองคนแล้ว เป็นพี่ต้องคอยดูแลน้อง เชื่อไหมว่าผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมผมต้องมีมันเป็นภาระด้วย แต่สองปีที่อยู่ด้วยกันมามีสิ่งหนึ่งมาเปลี่ยนความคิดของผมไป นั่นคือมีมันแล้วผมไม่เหงา บ้านนี้มันไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป มันทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ถึงเราจะไม่ลงรอยกันก็เถอะ แต่การแกล้งมันเป็นทางเดียวที่ทำให้ผมกับมันได้คุยกัน เถียงกัน ทะเลาะกัน            ความสนุกของผมสร้างบาดแผลให้น้ำตาลมาตลอดสองปี จนผมสงสารครับ พักหลังมานี้ผมเลยไม่แกล้งมันแรง ๆ แล้ว ได้แต่ปากหมากวนประสาทมันไปอย่างนั้น            วันนี้ผมกลับบ้านมาสิ่งแรกที่ผมทำคือเดินขึ้นห้องนอน เปิดคอมพิวเตอร์ และเข้าไปส่องเฟซบุ๊กที่ไทม์อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ผมน่ะไม่เคยมีเฟซบุ๊กเขาเลยจนกระทั่งเมื่อต้นปีผมเข้าไปในห้องนอนของน้ำตาล ถ้าจำไม่ผิดเหมือนวันนั้นพ่อให้ขึ้นมาเรียกมันไปกินข้าวมั้ง แล้วตาผมก็เห็นโน้ตบุ๊กของมันเปิดค้างหน้าเฟซบุ๊กหนึ่งอยู่ มองรูปโปรไฟล์ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพี่ไทม์            ผมถึงกับต้องสมัครแอคเคานท์เฟซบุ๊กใหม่เพื่อที่จะเอาไว้ติดตามเขา ไม่กล้าใช้เฟซบุ๊กจริงของผมหรอก เพราะพี่ไทม์ไม่ชอบผม ถ้ารู้ว่าเป็นผมเขาคงไม่สบายใจ            เขาไม่ชอบผมเพราะผมชอบแกล้งน้ำตาล พี่ไทม์ชอบมาโอ๋มันแล้วมองผมด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ในบางครั้ง แต่ช่างเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขามากมายนักหรอก พี่ไทม์ก็แค่ความทรงจำดี ๆ ของผมเรื่องหนึ่งในอดีต ผมชอบรอยยิ้มของเขา คงไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นหรอก เพราะทุกวันนี้หัวใจผมไม่เต้นแรงกับเขาอีกแล้วล่ะ            แล้วที่ผมยังกลับมานั่งดูรูปพี่ไทม์ไม่ใช่ว่าผมอาลัยอาวรณ์อะไรหรอกนะ เพียงแต่ผมอยากยืนยันอีกครั้งว่ารอยยิ้มของไนน์กับพี่ไทม์มันเหมือนกันจริง ๆ ผมไม่ได้คิดไปเอง ไม่ว่าผมจะดูรูปพี่ไทม์อีกกี่รูปก็ยิ้มเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน            “โคตรทึ่ง”            ผมอุทานกับตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมา ไม่รู้ความรู้สึกตอนนี้ทำไมผมถึงได้ดีใจและประทับใจขนาดนี้ได้ มันเป็นเรื่องประหลาดที่ผมเองไม่เคยพบเจอ หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน รูปร่างยิ่งแล้วใหญ่ ไนน์ผอมกว่าพี่ไทม์เยอะเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่มีตรงไหนที่คล้ายกันนอกจากริมฝีปากและรอยยิ้ม            อยากเจออีกจังทำไงดี...            สุดท้ายผมก็มานั่งมองเบอร์โทรศัพท์ของไนน์กับกระเป๋าใส่บัตรสลับกัน ในหัวก็คิดไปสารพัดว่าถ้าผมโทรไปหาเขาจะดูแปลกเกินไปไหม เขาจะกลัวไหมนะ ต้องถามแน่เลยว่าผมรู้เบอร์ของเขาได้ยังไง ก็ถ้าบอกว่าแอบกดตามตอนเขาใช้สิทธิ์ออลเมมเบอร์มันจะดูคุกคามเขาเกินไปหรือเปล่า?            เอาไงดีวะ...            หรือผมควรไปนั่งรอเขาอยู่ที่เดิม เผื่อว่าจะเจอกันแล้วผมก็คืนของ จากนั้นคงชวนเขาไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ นั่งมองเขาส่งยิ้มหวานให้ผมอย่างนั้นอีกสักชั่วโมงหนึ่งน่าจะดี แค่คิดผมก็ยิ้มตามแล้วล่ะ เฮ้อ อยากเจออีกจริง ๆ นะ            ขณะที่ผมเดินวนอยู่ในห้องอย่างคนคิดไม่ตกนั้น ก็ได้ยินประตูหน้าบ้านเปิดเลยนึกว่าพ่อกับ ’น้าเตย’ กลับมาแล้ว อ้อ น้าเตยก็คือแฟนใหม่พ่อนั่นแหละ แม่ของน้ำตาลมัน ด้วยความที่สงสัยว่าทำไมวันนี้กลับบ้านไวผมจึงเดินลงไปดู เผื่อมีของอร่อยที่ผมชอบติดมือกลับมาด้วย            “พี่ไทม์ ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับเนี่ย ขนมที่ซื้อให้หนูรอบก่อนหนูยังกินไม่หมดเลยครับ”            “พี่กลัวหนูจะไม่พอกินไงครับ”            สองเท้าของผมชะงักกึกเมื่อรู้ว่าคนที่มาไม่ใช่พ่อกับน้าเตย ส่วนของอร่อยที่พี่ไทม์นำมาก็ไม่ได้เอามาให้ผม ได้ยินสองคนนั้นคุยกันแล้วผมจะอ้วก ฟังแล้วคลื่นไส้ยังไงก็ไม่รู้สิ หนูอย่างนั้น หนูอย่างนี้ แหวะ! ผมไม่เคยเห็นพี่น้องที่ไหนจะพูดจาเหมือนคู่นี้เลย ถ้าน้องผู้หญิงกับพี่ผู้ชายก็ว่าไปอย่าง นี่ผู้ชายกับผู้ชาย แล้วพี่ไทม์ก็ดูชอบใจด้วยนะที่ไอ้ตาลมันเรียกแทนตัวเองว่าหนู คงเอ็นดูเข้าไปใหญ่            ผมหันหลังเดินขึ้นห้องทันทีเพราะเมื่อไหร่ที่พี่ไทม์มาผมจะไม่อยู่ใกล้ ๆ เขา ผมไม่ชอบที่ตัวเองชอบมองรอยยิ้มของเขาแบบไม่รู้ตัว ไม่ชอบที่เวลาผมมองพี่ไทม์แล้วไอ้ตาลชอบถลึงตาใส่ผมอย่างเอาเรื่อง จะหวงอะไรนักหนาแฟนกันก็ไม่ใช่นี่ เพราะแบบนี้ไงเวลาสองคนนั้นอยู่ด้วยกันผมจึงต้องพาตัวเองออกห่าง ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรมันน่ารำคาญในสายตาผมไปหมด            จะเรียกว่ารำคาญก็ไม่ถูกเสียทีเดียว มันมีความอิจฉาปนเข้าไปด้วยเหมือนกัน ก็ถ้าผมมีพี่ชายใจดีอย่างพี่ไทม์บ้างชีวิตผมคงไม่เหงาขนาดนี้หรอก ความอบอุ่นที่ได้รับจากคนอื่นเป็นแบบไหนผมยังไม่เคยสัมผัสเลย ผมทำได้เพียงแอบมองพี่ไทม์คอยเอาอกเอาใจน้ำตาลแล้วจินตนาการว่าถ้าตรงนั้นไม่ใช่น้ำตาลแต่เป็นผม มันจะดีแค่ไหนกันนะ            ผมสมเพชตัวเองอยู่เหมือนกันที่ต้องคอยอิจฉาความใส่ใจของคนอื่นเขาแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ชีวิตผมไม่เคยได้รับไงผมเลยต้องอิจฉา อิจฉาเพราะอยากได้อยากมีเหมือนเขา แฟนก็ไม่มี พี่ชายที่แสนดีก็ไม่มี บังเอิญมีน้องชายกับเขาสักคนก็อ่อนแออ้อนแอ้นเหลือเกิน ระหว่างผมกับน้ำตาลไม่มีความใส่ใจอะไรกันอย่างที่ผมต้องการเลย มีมันก็แค่เหงาปากน้อยลงเท่านั้น            แต่ตอนนี้ช่างเรื่องความอิจฉานี้ก่อน ผมมีเป้าหมายที่จะได้คุยหรือเจอกับไนน์อีกสักครั้ง เพียงแต่คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงถึงจะได้เจออีก อยากเข้าหาแบบเป็นมิตร อยากเป็นเพื่อนกับเขาจัง ผมอยากมีเพื่อนยิ้มหวานอย่างไนน์            วันต่อมา            วันนี้ผมภาวนาให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเรียนไม่รู้เรื่องเท่าไหร่เลย ห่วงแต่เวลาว่าเมื่อไหร่จะเลิกเรียนเพราะผมมุ่งมั่นจะใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการนั่งรอไนน์ที่สวนสาธารณะที่เราเจอกันเมื่อวาน มันน่าสนุกตรงไหนรู้ไหม? ตรงที่ผมต้องมานั่งลุ้นไงว่าวันนี้ผมจะเจอเขาหรือเปล่า ผมชอบความท้าทายแบบนี้ที่สุด มันทำให้ผมยิ่งพยายามมากขึ้นไงถ้าหากไม่เจอเขา            นี่ผมนั่งรอเขามาสองชั่วโมงแล้วนะ ยังคงสนุกไปกับการชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ เผื่อว่าไนน์จะผ่านมาทางนี้ ไม่ว่าใครขี่จักรยานผ่านผมก็ไม่ปล่อยผ่าน จะเพ่งมองในทันทีว่าใช่เขาไหม แต่ไม่มีเลย ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ผมอยากเจอ            “เจอตัวยากจังเลยนะ หึ ๆ”            ผมบ่นกับตัวเองก่อนเหยียดยิ้มอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็นั่งรอเขาต่อไป ทุกนาทีที่ต้องรอผมได้เผื่อใจเอาไว้แล้วว่าวันนี้อาจจะไม่เจอ            20.00 น.            ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว รอบบริเวณมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าคอยให้ความสว่างเท่านั้น ซึ่งมันไม่สามารถทำให้ผมแยกแยะใบหน้าคนในระยะไกลออกได้แล้วล่ะว่าใช่ไนน์หรือไม่ แย่จัง วันนี้คงต้องพอแค่นี้            ผมใช้มือลูบขาอยู่หลายครั้งเพราะโดนยุงกัด วันนี้ผมใส่ชุดนักเรียน กางเกงขามันสั้นเลยไม่สามารถปกป้องผิวผมได้เลย ถ้าวันไหนใส่ชุดพละผมคงจะอยู่รอเขาได้นานกว่านี้            กระเป๋านักเรียนสีดำถูกสะพายขึ้นหลัง สองเท้าย่ำไปข้างหน้าพารองเท้าผ้าใบเหยียบส้นมุ่งหน้าไปยังทางออกของสวนสาธารณะของหมู่บ้าน แต่เมื่อผมเดินมาถึงป้อมยามด้านหน้า ผมกลับเห็นจักรยานสีแดงของไนน์ขี่สวนเข้าหมู่บ้าน แต่คนที่ปั่นจักรยานไม่ใช่ไนน์ ชั่วครู่หนึ่งที่ผมประมวลความคิดตัวเองว่ามันใช่รถของไนน์ไหม ผมก็มองตามรถคันนั้นโค้งเข้าซอยไปแล้ว            เห็นแวบแรกมั่นใจว่าใช่แน่ แต่ไม่ใช่ไนน์ที่เป็นคนขี่ เอ๊ะ หรือไม่ใช่นะ? อาจจะเป็นจักรยานสีแดงคันอื่นก็ได้            “ไอ้หนุ่ม มีอะไรเปล่า ชะเง้อมองอะไร?”            คุณลุงรปภ.ชะโงกหน้าออกมาจากป้อมยามแล้วมองตามเข้าไปในหมู่บ้านอย่างที่ผมมอง            “ลุงเห็นจักรยานคันเมื่อกี้ไหมครับ คือผมมาหาเจ้าของจักรยานสีแดง แต่ผมไม่แน่ใจว่าถูกคันไหม เอ่อ ลุงรู้จักคนชื่อไนน์ไหมครับ?”            “ไม่รู้จักชื่อหรอก แต่รถจักรยานสีแดงในหมู่บ้านมีสองคัน คันหนึ่งมีตะกร้าด้านหน้า อีกคันไม่มีตะกร้านะ”            “มีตะกร้าครับ ตะกร้าสีแดงด้านหน้า”            “อ๋อ เคยเห็น ไม่แน่ใจว่าอยู่ซอยไหนนะ มีอะไรฝากเบอร์ไว้กับลุงสิเดี๋ยวถ้าเจอแล้วจะบอกเขาให้ว่ามีคนมาหา แล้วไม่มีเบอร์เขาเหรอ ไม่โทรหาล่ะ”            เบอร์น่ะมี แต่ไม่กล้าโทร...            “มีเบอร์ครับ แต่...”            “เอ้า มีก็โทรไปสิไอ้หนุ่ม ลองโทร ๆ”            ลุงก็ยืนเชียร์จนผมต้องหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก ทุกวินาทีที่ยืนฟังเสียงรอสายหัวใจผมเต้นแรงอีกแล้ว มันตื่นเต้นปนประหม่า เพราะผมไม่อยากบอกเขาว่าได้เบอร์เขามาจากการแอบดูตอนเขากดเบอร์ใช้สิทธิ์ออลเมมเบอร์ของเซเว่น ผมกลัวไนน์จะว่าผมคุกคาม            วางดีกว่า ไม่ไหวว่ะ ถ้าเขารับตอนนี้ผมคงพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี            “ลุง ๆ ผมฝากเบอร์ผมให้เขาหน่อยแล้วกันนะ ฝากให้คนชื่อไนน์นะครับ ถ้าไม่ใช่ไนน์ไม่ต้องโทรมานะ ผมไม่รู้ว่าบ้านเขาอยู่กันกี่คน แล้วคนที่ขี่จักรยานของเขาเมื่อกี้น่ะใคร”            “ลุงก็ไม่แน่ใจนะ แต่พอจำได้อยู่ว่ามีสองสามคนที่ขี่จักรยานสีแดงคันนั้น ตะกร้าหน้าแดง ๆ ก็มีคันเดียวนั่นแหละ”            “คนชื่อไนน์จะตัวผอม ๆ ขาว ๆ น่าจะอยู่ม.ปลายเหมือนผมมั้ง อ้อ เขาจะยิ้มสวย ๆ หน่อยนะลุง”            “อ่า ๆ พอนึกออก ไว้ลุงจะบอกเขาให้แล้วกันนะ”            ผมเขียนเบอร์ตัวเองลงไปพร้อมกับชื่อของผมตัวใหญ่ ๆ ใต้ชื่อใส่วงเล็บไว้ด้วยว่ากระเป๋าใส่บัตรอยู่ที่ผม ถ้าไม่บอกไปผมกลัวจะโดนเมิน คนเจอกันแค่ไม่กี่นาทีไนน์คงไม่ใส่ใจจะโทรกลับหรอกถ้าไม่จำเป็น แต่นี่เรื่องจำเป็นนะ ถ้าเขารู้ว่าของเขาอยู่กับผมเขาต้องโทรมาแน่นอน ผมนี่ตั้งตารอเลย            แต่ความหวังของผมมันก็มากับความไม่แน่นอนอีกนั่นแหละ เพราะไม่รู้ลุงเขาจะจำไนน์ได้จริง ๆ ไหม ช่างเถอะ ผมคิดไว้แล้วว่าผมจะมาหาเขาที่นี่จนกว่าจะเจอ ตั้งใจว่าจะชวนกินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ หรือไม่ก็ให้ผมได้ทำใจสักเจ็ดวันก่อนเผื่อจะกล้าโทรไปหาเขา ขอคิดหาข้ออ้างดี ๆ ที่จะทำให้ไนน์ไม่โกรธที่ผมแอบมองเบอร์เขาน่ะนะ                        21.30 น.            ผมพาตัวเองมาถึงบ้านเอาป่านนี้ โดนพ่อถามด้วยว่าไปไหนมา แต่พอบอกว่าไปที่หมู่บ้านเก่าที่เคยอยู่พ่อก็ไม่ถามอะไรผมต่อ คงคิดว่าผมไปนั่งรำลึกคิดถึงแม่ล่ะมั้ง            ที่บ้านตอนนี้ก็กำลังรอกินข้าวเย็นอยู่ บ้านผมบางวันก็กินข้าวมื้อเย็นช้าหน่อยเพราะกว่าน้าเตยจะปิดร้านขนมแล้วกลับบ้าน แต่ละวันเวลาไม่แน่นอน วันไหนขนมหมดไวก็ได้กลับไว วันไหนหมดช้าก็ได้กลับช้าหน่อย แต่ก็ไม่ดึกไปกว่านี้หรอกเพราะน้าเตยรู้ว่าผมกับน้ำตาลรอกินข้าวเย็น            น้าเตยบอกให้ผมไปนั่งรอกับน้ำตาลที่โซฟา เดี๋ยวข้าวเย็นก็เสร็จแล้ว ผมจึงทิ้งตัวนั่งโซฟาตรงข้ามมันก่อนจะยกขาตัวเองขึ้นมาสำรวจรอยยุงกัด โห ขาเป็นตุ่มแดงเต็มเลย คันด้วย            “ไอ้พี่พีชเป็นขี้กลาก สกปรก!”            จู่ ๆ ไอ้น้องเวรนี่ก็ตะโกนออกมาเมื่อเห็นผมนั่งเกาขาตัวเอง มันกวนตีนไหมล่ะ ผมกับมันไม่เคยมีสักครั้งที่ไม่ปะทะฝีปากกัน            “ขี้กลากบ้านมึงสิ ยุงกัดโว๊ย!”            “ก็บ้านเดียวกันไหมล่ะ!”            “จุ๊ ๆ ทะเลาะกันอีกแล้ว มากินข้าวกันเด็ก ๆ วันนี้มีน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ไข่ทอด ต้มจืด”            เพียงชั่วอึดใจที่น้าเตยร่ายเมนูมื้อเย็นนี้จบ น้ำตาลก็วิ่งไปนั่งที่โต๊ะอาหารทันที ผมกับพ่อเดินไปสมทบนั่งอีกฝั่งตามระเบียบ ในระหว่างนี้ผมกับมันจะไม่คุยกัน ไม่มองหน้ากัน เพราะมีกฎว่าเวลากินข้าวห้ามทะเลาะกันเด็ดขาด มันคือเวลาของครอบครัวที่จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันซึ่งเป็นเวลาไม่นาน ไม่ควรเสียเวลาไปกับการโต้เถียงกันไปมาอย่างที่ผมกับน้ำตาลชอบทำเวลาอยู่ใกล้กัน ผมกับมันเลยตัดปัญหาด้วยการนั่งเยื้องกัน ไม่มองหน้าด้วยเพราะถ้าเห็นหน้ามันปากผมมันจะขยับไปเอง ต้องได้พูดกวนประสาทมันสักคำสองคำ            มื้ออาหารนี้ผ่านไปได้เพียงครึ่งทางก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ที่ผมไม่คาดคิดว่าจะโทรกลับมาเร็วขนาดนี้            ‘ไนน์ยิ้มน่ารัก’            ทำไงดี ๆ ไนน์โทรมาแล้ว ผมควรรีบรับไหม หรือว่าต้องลองเชิงรับช้า ๆ หน่อยกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมประหม่าแค่ไหน            “ผมอิ่มแล้ว”            คนที่กินข้าวเย็นสองจานอย่างผม เมื่อลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังกินได้เพียงครึ่งจานแน่นอนว่าทุกคนบนโต๊ะย่อมมองมาอย่างตกใจ ผมไม่รีรออยู่ให้พ่อถามหรอกว่าทำไมกินน้อย ตอนนี้ผมสับขาวิ่งขึ้นห้องไปพร้อมกับสายเรียกเข้าของไนน์เป็นที่เรียบร้อย            นิ้วโป้งข้างถนัดเกิดอาการสั่นเล็กน้อยตอนที่กดปุ่มสีเขียวรับสายบนหน้าจอ ตื่นเต้นชะมัด            [สวัสดีครับ ใช่พีชหรือเปล่าครับ]            ปลายสายส่งเสียงสดใสทักทายก่อน มีแต่ผมที่อยู่ดี ๆ คอก็แห้งไม่มีเสียงจะพูด เหงื่อที่มือกับหน้าผากผุดขึ้นราวกับว่าอากาศร้อนเต็มที            “ชะ ชะ ใช่ครับ นะ ไนน์เหรอ?”            [เราเอง พีชเก็บกระเป๋าบัตรเราเอาไว้ใช่ไหมครับ เราต้องรีบใช้อะ วันพุธมีสอบ พรุ่งนี้เราเจอกันได้ที่ไหนบ้าง บ้านพีชอยู่ไหนเหรอ เดี๋ยวเราไปเอาเอง]            พอไนน์โทรมาจริงผมกลับไม่อยากได้ยินแค่เสียง ทำไมผมโลภมากขนาดนี้ ผมน่ะอยากเห็นรอยยิ้มเขาใจจะขาด            “เปิดกล้องได้ไหม?”            [จะยืนยันตัวตนเหรอว่าใช่เราจริง ๆ หรือเปล่า รอบคอบจังเลยนะ ได้สิ ๆ งั้นแอดไลน์ไว้ก็ได้เดี๋ยวเราถึงบ้านแล้วเราวิดีโอคอลในไลน์ไปหานะ]            “ครับ ได้ครับ”            คนปากหมาอย่างผมกลายเป็นคนสุภาพขึ้นมาในชั่ววินาที ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมจะประหม่าขนาดนี้ทำไมกัน ผมชอบรอยยิ้มเขานี่หว่า ไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรนักแค่เขาจะแอดไลน์มาหา                        ห้านาทีผ่านไป            สาบานไว้ตรงนี้ว่าผมไม่เคยอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จภายในห้านาทีมาก่อน ชีวิตนี้โดยปกติอาบน้ำอย่างต่ำก็สิบนาทีเห็นจะได้ ไม่รวมเช็ดตัว แต่งตัวนะ วันนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมด            ผมเป็นคนชวนเขาวิดีโอคอลมาก็จริงแต่สภาพตัวเองวันนี้มันดูไม่ได้เลย จึงใช้เวลาไม่กี่นาทีรีบอาบน้ำแต่งตัวใหม่ สระผมด้วยนะ สระแบบรีบมากจนใช้ครีมอาบน้ำนั่นแหละสระ ขยี้ผมเสร็จก็ถูตัวต่อเลยเพราะต้องทำเวลา ไม่อยากให้ไนน์รอนาน            ทำไมกูดูร้อนรนไปหมดวะเนี่ย...            ไม่ใช่แค่ตัวผมที่ต้องเตรียมความพร้อม แต่โทรศัพท์มือถือเองผมก็ชาร์จรอไว้แล้ว ทั้งที่แบตฯเหลืออยู่เกินครึ่ง            ครืดดดดด!!            ไนน์วิดีโอคอลมาแล้ว ผมกระโจนเข้าหาโทรศัพท์ตั้งแต่มันเริ่มสั่นครั้งแรก ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เช็ดผมเมื่อครู่ถูกคล้องไว้บนบ่าก่อนจะหันมองกระจกแล้วจัดผมจัดเผ้าเล็กน้อย            อะแฮ่ม ๆ ฮึ่ม! วอร์มเสียงสักหน่อย จากนั้นจึงกดรับสาย            [สวัสดีพีช ฮ่า ๆ รอนานไหม เราเพิ่งเดินถึงบ้าน พอเห็นหน้าแล้วเชื่อหรือยังว่าเป็นเรา ทีนี้ก็คืนกระเป๋าใส่บัตรให้เราซะดี ๆ เรามีสอบวันพุธเนี่ยต้องรีบใช้]            ผมแทบไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลย เอาแต่มองรอยยิ้มของเขาแล้วยิ้มตาม มันสดใสเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย ไนน์ยังยิ้มแล้วน่ารักเหมือนเดิม และยืนยันอีกทีว่าเหมือนพี่ไทม์มาก            [พีช ได้ยินเราไหม?]            “อื้อ พรุ่งนี้เดี๋ยวเอาไปคืนนะ เจอกันที่สวนสาธารณะก็ได้”            [พรุ่งนี้เราไม่กลับบ้าน เรานอนหอ ต้องอ่านหนังสือสอบน่ะ ให้เราไปหาพีชแทนได้ไหม?]            “หออยู่ไหน จะไปหา”            [แถวมหา’ลัยXX พีชรู้จักไหม อยู่ไกลหรือเปล่า ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเราไปหาเอง]            “ไนน์อยู่มหา’ลัยเหรอ?”            [ใช่ ๆ เราอยู่ปีสอง]            อ้าว รุ่นพี่ตั้งสามปี ใจผมนี่ห่อเหี่ยวเลย ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมใจมันแป้วได้ขนาดนี้            “นึกว่าอยู่มัธยม”            [เปล่า เรียนมหา’ลัยแล้ว พีชล่ะ อยู่มหา’ลัยไหนเหรอ?]            “เราอยู่ม.5 ไนน์ว่าเราหน้าแก่เหรอ?”            [ว้าว งั้นพีชก็เป็นน้องมัธยมที่โคตรหล่อเลย ดูโตอะ]            ไนน์ชมผมจริง ๆ ใช่ไหม มองข้ามคำว่าหน้าแก่ไปแล้วไปพูดว่าผมดูโต เอ๊ะ ความหมายต่างกันงั้นเหรอ ผมไม่ได้แก่สักหน่อย เขาต่างหากที่ดูเด็กเกินไป            แล้วไม่นานผมก็โดนซักถามว่าเอาที่เก็บบัตรไปได้ยังไง ผมจึงตอบตามความจริงว่าผมหยิบออกจากตะกร้า กะจะให้เขาตอนออกจากเซเว่น แต่เราทั้งคู่ต่างเดินซื้อของกันคนละมุมพอถึงเวลาจ่ายเงินผมก็ลืม อ่า..ก็โกหกไปนิดนึงนั่นแหละ ที่จริงตั้งใจไม่คืน แล้วผมแอบรู้สึกผิดด้วยที่ทำให้เขาว้าวุ่นทั้งวันกับการหากระเป๋าบัตรนี่            ถ้าผมไม่คืนเขาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้สอบหรือไม่ก็ต้องเสียเงินทำบัตรนักศึกษาใหม่ มันคงเสียเวลาเขาแย่เลย            “พรุ่งนี้กินข้าวกันไหม เป็นการไถ่โทษที่ทำให้ไนน์เสียเวลานะ”            เขาทำหน้าครุ่นคิดก่อนคลี่ยิ้มหวานออกมา ผมชอบมากเลย ชอบรอยยิ้มของเขามาก            [ก็ได้ ๆ แต่พีชจะไม่เรียกเราว่าพี่หน่อยเหรอ? เราโตกว่าตั้งสามปีนะ]            “ไม่ได้อยากมีพี่ ไม่เรียก”            [ให้เป็นเพื่อนก็ได้ ถ้าเดินข้างกันก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพีชเด็กกว่าเรา]            “ไนน์หลอกด่าเราหน้าแก่อีกแล้วนะ”            คราวนี้เขาหัวเราะออกมาเสียงดังเลย ผมไม่รู้หรอกว่าไปพูดจี้จุดอะไรเขาเข้ากันแน่ รู้แต่ว่าคืนนี้ผมยังอยากคุยกับเขาต่อ ยังไม่อยากให้เขาวาง ผมยอมนอนดึกหรือไม่นอนเลยยังได้ ขอแค่เขาพูดไปยิ้มไปให้ผมนั่งมองแบบนี้            [งั้นตกลงตามนั้นแหละ พรุ่งนี้เจอกันนะ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อน]            “รอ วางโทรศัพท์ไว้”            [รอทำไม พีชไม่ไปทำอย่างอื่นเหรอ อ่านหนังสือ เล่นเกม ดูทีวี]            “ไนน์นัดแฟนไว้เหรอ?”            ผมถามลองเชิงไว้เฉย ๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย            [โอ๊ย ไม่มีแฟนหรอก ใครจะมาชอบคนติงต๊องแบบเรา ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลย โสดจ้า]            “อือ โสดเหมือนกัน”            เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา ผมกับเขาเบือนหน้าหันไปทางอื่นพร้อมกันเลย ไม่รู้ทำไมหน้าผมมันร้อนผ่าวขึ้นมา หันไปมองกระจกก็พบว่าใบหูซับสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบใช้ผ้าขนหนูบนบ่ามาปิดหูเอาไว้ กลัวไนน์รู้ว่าผมเสียอาการ            [พีชโสดเหรอ ไม่น่าเชื่อ หล่อแบบนี้โสดได้ไง]            “เพิ่งโสดเมื่อวานตอนเย็น”            [เราให้คำปรึกษาเรื่องความรักไม่ได้นะบอกไว้ก่อน แต่ถ้าเรื่องเรียนหรืองานประดิษฐ์นี่ปรึกษาเราได้เลย]            “เหรอ งั้นไปอาบน้ำ เรามีอะไรจะปรึกษาไนน์อีกเยอะเลย เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะช่วงนี้”            [ได้ ๆ งั้นพีชรอแป๊บนึงนะ]            แล้วผมก็รอเขาจริง ๆ ระหว่างรอได้หยิบหนังสือเรียนที่ใกล้มือที่สุดมาเล่มหนึ่ง เปิดมันลวก ๆ เพื่อจะหาหัวข้อสนทนาต่อไปหลังจากไนน์กลับมา            ดีจังที่เราสองคนคุยกันแบบนี้ครั้งแรกแต่ไม่มีใครอึดอัดเลย ไนน์พูดเก่ง ยิ้มเก่งด้วย จากที่ผมเกร็งตอนนี้ผ่อนคลายลงไปมาก รอยยิ้มของเขาปลอบประโลมความประหม่าของผมให้หายวับไปกับตา เหมือนกับรอยยิ้มพี่ไทม์ที่ยิ้มให้ผมวันนั้นเลย แค่เขายิ้มผมก็หายกลัวแล้ว            แต่ตอนนี้ผมชอบรอยยิ้มของไนน์มากกว่า รอยยิ้มของเขามันดูเข้าถึงง่ายกว่าพี่ไทม์มาก ผมสามารถมองรอยยิ้มเขาได้เรื่อย ๆ ในขณะที่เราคุยกัน แถมยังรู้สึกอยากจะเห็นมันบ่อยกว่านี้ด้วย ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนรุ่นพี่อย่างเขาจะยินดีที่จะมีเพื่อนรุ่นน้องอย่างผมหรือเปล่า            บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าให้ผมได้ติดใจอะไร เพราะผมจะไม่มีวันปล่อยมันไปง่าย ๆ                        END TALK

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Change you!!! เปลี่ยนจากนายให้กลายเป็นสาว

read
1.8K
bc

ทาสเรือนพระยา

read
1K
bc

The Night with the Beast ราตรีอสูร

read
1K
bc

マイBLノーベル เขียนนิยายให้กลายเป็นรัก

read
1K
bc

Spicy Short Story Set 3 รวมเรื่องสั้นเผ็ดซี้ด ชุดที่ 3

read
1K
bc

เริ่มแรกจากงานวิวาห์

read
2.7K
bc

My Doctor อกเคยหักเพราะรักหมอ

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook